Sunday, January 20, 2013

รวยได้ไม่ต้องเอาถ่าน



หนังสือชื่อ : รวยได้ไม่ต้องเอาถ่าน 
                                                        (How come THAT idiot's rich and I'm not?)

ผู้แต่ง : Robert Shemin

ผู้แปล : มินตา ภณปฤณ

สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น


ขายแล้วค่ะ!!!


      หนังสือเล่มนี้ เหมาะกับใครก็ตาม ที่รู้สึกว่าตัวเองทำทุกอย่าง อย่างถูกต้องตลอดมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองไม่รวยเสียที ในขณะที่คนรอบข้าง ที่เคยรู้จัก ที่ดูเหมือนเรียนโง่กว่าเรา ดูตกต่ำกว่าเราในขณะนั้น กลับร่ำรวย ได้ดิบได้ดี จึงทำให้เราต้องหาหนังสือ อย่างเช่นหนังสือเล่มนี้ มาอ่านค่ะ ว่าเราพลาด อะไรไปตรงไหน

       สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ คือ ทั้งหมดนั้น มันเป็นเรื่องของทัศนคติ!!!  ลองสำรวจตัวเองดูสิคะ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น คุณเพียรพยายามเก็บเงิน มุ่งมั่นกับการไต่เต้าในหน้าที่การงานมาตลอดชีวิต ถึงขั้น บางครั้งลงทุนซื้อหนังสือ หรือเข้าชั้นเรียนอบรม เพื่อการพัฒนาตัวเอง แต่ทุกสิ่งที่ทำลงไป ก็ยังทำให้คุณยัง "ถังแตก" อยู่หรือเปล่า 

        หนังสือเล่มนี้ บอกว่า บางทีนั่นอาจเป็นเพราะ คุณ "เถรตรง" เกินไปหรือเปล่า!!! จุดอ่อนของคุณคือ คุณอยากมีเงิน แต่ไม่อยากเป็นคนรวย คุณคิดว่าคนรวยเห็นแก่ตัว บลา บลา... แต่ตัวคุณเองอยากมีเงิน นั่นเป็นความคิดที่ขัดแย้งกัน และลึกๆ มันจะขวางทางคุณจากความสำเร็จ

         ในหนังสือ บอกให้คุณเตรียมความพร้อม มีความมั่งคั่งทางด้านจิตใจก่อน ซึ่งเป็นสิ่งง่ายๆ ไม่ต้องใช้เงินลงทุน เช่น การยิ้มให้กับลูกค้าของคุณ การใส่ใจบริการ การมีทัศนคติที่ดีต่องานของตัวเอง เหล่านี้เป็นต้น ตั้งเป้าหมายความสำเร็จของตัวเอง สนุกกับชีวิตทุกวันของคุณ (ทำเหมือนคุณเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว) วางแผนการเงินอย่างฉลาด หาทางให้เงินทำงานให้คุณ (อย่าเข้าใจผิดนะคะ หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้แนะนำให้คุณไปขายตรง หรืออะไรอย่างนั้น แต่เพียงให้คุณรู้จักวางแผนการเงิน ทำเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่คุณถนัด และคุณเป็นเพียงแค่ผู้ควบคุม ไม่ใช่คนลงมือทำ) จากนั้นหาทางกำจัดหนี้เสียของคุณซะ เริ่มศึกษาเรื่องการเล่นหุ้น (หุ้นได้กำไรดีจริงๆ นะคะ แต่ต้องศึกษาเรื่องความเสี่ยง ไม่งั้นเขาจะว่า "คนรวยเล่นหุ้น" หรือคะ) และสุดท้าย หาทางมีกิจการของตัวเอง


       จากกันไปด้วยข้อคิดของคนไม่เอาถ่าน จากหนังสือเล่มนี้ค่ะ 

คนไม่เอาผู้มั่งคั่ง ไม่เคยคิดหรือพูดว่า "ฉันทำไม่ได้"
พวกเขาจะถามว่า "ฉันจะทำได้อย่างไร" แทน 
จงลบคำว่า "ทำไม่ได้" ออกไปจากพจนานุกรมของคุณเสีย


         คุณยังไม่เคยทำ คุณไม่รู้หรอกว่า คุณจะทำได้หรือไม่ จะรู้ก็ต่อเมื่อคุณลงมือทำเท่านั้น "วิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคต ก็คือการสร้างมันขึ้นเอง"  สนใจหนังสือเล่มนี้ ซื้อต่อจากออยได้นะคะ ในราคาลด 50% ค่ะ คือ 100 บาท และค่าส่ง 50 บาทค่ะ สนใจติดต่อ kasibanoy@gmail.com ค่ะ

Thursday, January 17, 2013

Predictably Irrational : พฤติกรรมพยากรณ์



หนังสือชื่อ : พฤติกรรมพยากรณ์ (Predictably Irrational)

ผู้แต่ง : Dan Ariely

ผู้แปล :  พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ

สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น


ขายแล้วค่ะ !!!


      หนังสือเล่มนี้ เล่าเรื่องราวของ "เศรษฐศาสตร์พติกรรม" ค่ะ แต่ไม่ใช่ตำราเรียนนะคะ เป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเรานี่แหละ รับรองว่าอ่านสนุกค่ะ อ่านไป ก็คิดตามไป แล้วก็พูดกับหนังสือว่า "เออ...จริงแหะ" 

      
    หนังสือเล่มนี้ นำเสนองานวิจัย การทดลอง (แบบสนุกๆ) ถึงพฤติกรรมการบริโภคของคนเรา ที่ดูเหมือนไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แสดงให้เห็นว่า คนเราไม่ได้ตัดสินใจซื้อของ อย่างที่ตำราบอก เช่น ตำราเคยบอกว่า ลูกค้าจะซื้อสินค้า เมื่อเขามีความต้องการ และจะเลือกซื้อสินค้าที่ตอบสนองความพึงพอใจ ในด้านคุณภาพ รูปลักษณ์ และราคา แต่ชีวิตจริง ไม่ใช่เช่นนั้น!!!

        ตัวอย่างเช่น เราจะรู้สึกตื่นเต้น และซื้อ (ทั้งที่ไม่ได้ต้องการ) หากเจอโปรโมชั่น "ซื้อ 1 แถม 1"  - หนังสือเล่มนี้บอกว่า นั่นก็เป็นเพราะเราไม่ได้รู้มูลค่าที่แท้จริงของของสิ่งนั้น เรารู้จากการเปรียบเทียบกับสิ่งต่างๆ เท่านั้น ดังนั้น เมื่อของสิ่งนั้น เดิมมีราคาหนึ่ง และอยู่มาวันหนึ่ง ราคานั้นลดลงครึ่งหนึ่ง เราจึงคว้าไว้ก่อน ถึงแม้ว่าตอนนั้น เราไม่ได้มีความต้องการมันเลยก็ตาม

        หมายความว่า เราจะตัดสินใจ "ซื้อ หรือไม่ซื้อ" จากการเปรียบเทียบ เชื่อมโยงกับข้อมูลที่เรามีอยู่เท่านั้น ดังนั้น คนสองคนจึงตัดสินที่จะซื้อสินค้า หรือรู้สึกว่าสินค้านี้คุ้มหรือไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของคนทั้งสองน้้น นั่นคือ สมองคนเราไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เพียงแต่จะต่อยอดจากสิ่งที่รู้แล้วเท่านั้น

         หรือบทที่ว่าด้วยพลังของ "ของฟรี" มันจะดึงดูดเรามาก เเละทำให้เราซื้อ โดยไม่ได้คิดคำนวณให้รอบคอบถึงผลระยะยาว หรือบทเรียนที่ว่า หากจะชนะใจใครแล้ว อย่าใช้เงินเป็นอันขาด เช่น หากคุณกำลังออกเดทกับสาวสวยสักคน แล้วคุณดันร่ายยาวถึงราคาอาหารในเมนูที่คุณกำลังจะเลี้ยงเธอ นั่นไม่ได้ทำให้เธอประทับใจอะไรเลย แต่กลับทำให้เธอแผ่นแน่บ!

         หนังสือเล่มนี้ มีคำอธิบายกับพฤติกรรมแย่ๆ ของคนเรา เช่น การผลัดวันประกันพรุ่ง นิสัยไม่ซื่อสัตย์ของคนเรา และการจับปลาสองมือ (คือกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าตัดสินใจทิ้งอย่างใด อย่างหนึ่งเพื่อเลือกทุ่มเททำอีกอย่างหนึ่ง เพราะกลัวการล้มเหลว) และบอกถึงวิธีการรับมือกับพฤติกรรมเหล่านั้น

      หนังสือยังได้เล่าเรื่องอิทธิพลของคำโฆษณาที่มีผลต่อความคาดหวังของคนเราได้อย่างไร หรือบทที่ว่า ทำไมยาเอสไพรินราคาถูกถึงไม่สามารถทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เท่ากับที่กินยาราคาแพงๆ เป็นต้น

          อ่านหนังสือเล่มนี้จบ ทำให้เข้าพฤติกรรมการชอปปิ้งของตัวเองเลยค่ะ :) และเข้าใจด้วยว่า เราเองก็ตกเป็น "เหยื่อ" ของการตลาดแบบพฤติกรรมศาสตร์นี้ด้วย และในหนังสือยังแนะนำวิธี "ตั้งสติ" ให้อีกด้วย 

      เศรษฐศาสตร์กระแสหลัก บอกว่ามนุษย์มีเหตุมีผล เรารู้ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการตัดสินใจของเราเอง เราสามารถคำนวณมูลค่าทางเลือกต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้าได้ และประเมินรายละเอียดปลีกย่อยของแต่ละทางเลือกได้... ไม่จริงค่ะ ... เพราะถ้าตอนนี้ มีประกาศโปรโมชั่น "ซื้อ ipad 1 เครื่อง แถมอีก 1 เครื่อง ฟรี!" ออยก็จะกระโจนไปซื้อทันทีค่ะ! โดยไม่มาประเมินทางเลือกว่า ตัวเองมี ipad อยู่แล้ว จะซื้อมาอีก 2 เครื่องทำไม!!!

       เเนะนำให้อ่านค่ะ ทั้งขาช้อป และไม่ใช่ขาช้อป ซื้อต่อจากออยได้ค่ะ ในราคาลด 50% คือ 120 บาท บวกค่าจัดส่งอีก 50 บาทค่ะ สนใจ ติดต่อ kasibanoy@gmail.com

Tuesday, January 15, 2013

สู่ความเป็นอัจฉริยะ ด้วยการพัฒนาพลังสมอง



ชื่อหนังสือ :  สู่ความเป็นอัจฉริยะ ด้วยการพัฒนาพลังสมอง
                                                         (Jerome becomes a genius)

ผู้แต่ง : Eran Katz

ผู้แปล  : เจิดจรัส

สำนักพิมพ์ : อินสปายร์ 


ขายแล้วค่ะ !!!


    
      ทำไมคนยิวฉลาด?   เป็นคำถามที่น่าคิดค่ะ และก็เป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ด้วย อะไรทำให้คนยิวฉลาด? แล้วเราสามารถฝึกฝนตามวิธีแบบยิว แล้วฉลาดเหมือนคนยิวได้ไหม?  คำถามเหล่านี้ น่าสนใจนะคะ และหนังสือเล่มนี้มีคำตอบค่ะ

       หนังสือดำเนินโครงเรื่องเหมือนนิยายค่ะ ทำให้อ่านสนุก ลื่นไหล เป็นเรื่องของ "เจอโรม" และเพื่อนๆ ของเขา พวกเขาเป็นคนยิวที่อยู่ในประเทศอิสราเอลค่ะ เรื่องราวเริ่มต้นด้วย เพื่อนๆ ของเจอโรมถกกันถึงเรื่องที่ว่า ทำไมผู้คนจึงเชื่อว่าคนยิวฉลาด และสุดท้าย พวกเขาจึงทำการทดลอง หาเคล็ดลับความฉลาดของคนยิว โดยใช้เจอโรมเป็นหนูทดลอง!!!

       เจอโรม ชายซึ่งฐานะปานกลาง มีธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง และเรียนจบเเค่ชั้นมัธยม (เป็นตัวแทนของคนธรรมดา ที่ไม่ได้ฉลาดมากนัก) รับคำท้าเพื่อที่จะกลายเป็นอัจฉริยะ ภายใต้เทคนิคของคนยิว!!!

      

       เคล็ดลับในความฉลาดของคนยิว เท่าที่อ่าน พอจะสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ค่ะ

1.  สร้างจินตนาการสภาพความเป็นจริงที่แตกต่างออกไป โดยไม่ต้องสนใจกับความรู้สึกเกี่ยวกับตรรกวิทยาและโอกาส - เพื่อนๆ ให้เจอโรมเขียนรายการของสิ่งที่เขาต้องการในอีก 3 ปีข้างหน้า เจอโรมเขียนไปว่า เขาต้องการมีเงิน 50 ล้านดอลลาร์!!!

2. คุณไม่ควรรู้สึกพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ แม้กระทั่งความสะดวกสบาย ความมั่นคงทางการเงิน (เพราะถ้าเราพอใจสิ่งที่เรามีอยู่ เราก็จะไม่ดิ้นรนที่จะหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่) อย่ารู้สึกสะดวกสบาย เดินทางอยู่เสมอ ทั้งทางกายและจิตใจ เพื่อพบกับดินแดนอื่นๆ

3. จงตั้งคำถาม และอย่าเชื่ออะไรโดยไม่คิด เพราะยิ่งคิดมาก ยิ่งพัฒนาสมอง

4. จงเป็นนักเลียนแบบที่มีคิดสร้างสรรค์ ไม่ต้องคิดเริ่มใหม่ แต่ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วให้สอดคล้องกับความต้องการ

5. หาแหล่งสร้างแรงบันดาลใจ หรือคนต้นแบบสำหรับลอกเลียนแบบ ซึ่งต้องเป็นคนที่มีคุณค่าด้วย

6. พยายามมั่นพัฒนาความจำเสมอ นี่คือเทคนิคที่ทำให้ชาติยิวยังคงเป็นยิวถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าในอดีตจะประสบเคราะห์กรรมมากมาย แต่ยิวก็ยังรำลึกถึงวัฒนธรรม ศาสนาของตนอย่างเคร่งครัด

7. ใช้เทคนิคการเขียนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้จำ ใช้หมึกดำบนกระดาษขาว เนื้อเรื่องที่เข้าใจยาก ให้เขียนด้วยตัวอักษรแบบแยกๆ กัน ไม่เขียนติดกัน

8. เคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีความสุข ทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้น หรือไม่เช่นนั้น ก็สร้างความกระตือรือร้นเทียมขึ้นมาก็ได้ เช่น ตะโกนอย่างมีความสุข หรือเรียนรูู้ โดยพูดออกมาดังๆ เพื่อช่วยส่งเสริมความจำ

9. เมื่อเรียน จงทุ่มเทกับการเรียนอย่างจริงจัง และเมื่อพัก จงอย่าคิดถึงเรื่องที่เรียน อย่าเรียนเมื่อรู้สึกโกรธ หรือมีเรื่องกวนใจ เรียนเมื่อรู้สึกผ่อนคลาย และการสวดมนต์ ช่วยให้การเรียนดีขึ้น

10. เราจะจดจำอะไรบางอย่างได้ดีขึ้น เมื่อเราแปลงสิ่งนั้นให้เป็นภาพ

11. เชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่เราสร้างขึ้น ให้เป็นภาพเหตุการณ์ สิ่งนี้จะช่วยให้เราจำเรื่องราวยาวๆ ได้ดี

12. วิธีจำคำศัพท์ และเรียนภาษา ชาวยิวจะใช้เทคนิคนำคำภาษาอื่นมาแทนที่คำในภาษายิว แล้วเพิ่มจำนวนคำมากขึ้นเรื่อยๆ

13.  ชาวยิวจำชื่อ และใบหน้าคน ด้วยการสนใจในตัวบุคคล และตระหนักถึงความรู้สึกที่มีต่อเขา หาสิ่งที่เชื่อมโยงชื่อและหน้าตา และลาจากแต่ละคนด้วยวิธีการที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะบุคคล


    หนังสือเล่มนี้ นอกจากจะเล่าเคล็ดลับการเป็นคนเก่งของชาวยิวแล้ว ยังแฝงไว้ด้วยขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ศาสนาของคนยิวอีกด้วย ทำให้อ่านสนุก และทำให้เราสามารถร้อยเรื่อง จดจำเทคนิคต่างๆ ที่หนังสือเล่มนี้ต้องการสื่อได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ

        สนใจหนังสือเล่มนี้ ซื้อต่อจากออยได้นะคะ ในราคาลด 50% คือ 120 บาทค่ะ และบวกค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ (EMS) 50 บาทค่ะ สนใจติดต่อ kasibanoy@gmail.com ค่ะ



Thursday, January 3, 2013

Outliers : สัมฤทธิ์พิศวง


หนังสือชื่อ : Outliers สัมฤทธิ์พิศวง

ผู้แต่ง : Malcolm Gladwell

ผู้แปล : พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ, วิโรจน์ ภัทรทีปกร และ วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา

สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น

ขายแล้วค่ะ!!!
 

      คุณเชื่อในเรื่องกฏ 10,000 ชั่วโมงหรือเปล่าคะ?  อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วคุณจะเชื่อ!!!

      หนังสือเล่มนี้ จะบอกให้คุณรู้ว่า ไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาโดยบังเอิญ โชคช่วย หรืออะไรทั้งนั้น ความสำเร็จของทุกๆ คนที่เราเห็น ล้วนมาจากการทำงานอย่างทุ่มเท ไม่น้อยกว่า 10,000 ชั่วโมงกันทั้งนั้น!!!

       ตัวอย่างของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ (และเราคิดว่า เขาโชคดี เพราะเขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย) อย่างเช่น บิกตส์ หนังสือเล่มนี้ได้เจาะลึกให้เราดูค่ะ ว่า บิล เกตส์ ไม่ได้โชคดีมากอย่างที่คิด เขเอง็ทำงานหนัก เขาได้มีโอกาสเริ่มเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งเเต่เรียนอยู่ชั้นเกรดแปด และทุ่มเทเวลาหมดไปกับสิ่งที่เขาหลงใหล เขาให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงนั้นเขาน่าจะใช้เวลาคลุกกับคอมพิวเตอร์ไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ทั้ง 7 วันในสัปดาห์!!! เขาถึงขนาดตื่นตีสาม เพื่อไปใช้คอมพิวเตอร์ฟรีที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน และแล้วเมื่อโอกาสมาถึง เมื่อเขาได้ตั้งบริษัทเป็นของตนเอง เขาก็ได้เขียนโปรแกรมแบบไม่หยุดพักมา 7 ปีติดต่อกันแล้ว เขาข้ามผ่านเวลา 10,000 ชั่วโมงของการฝึกฝนไปมากแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะประสบความสำเร็จกับบริษัทไมโครซอฟท์ของเขา

     หาก บิล เกตส์ จะโชคดีในกรณีนี้ บิล เกตส์ ก็โชคดีที่เขามีครอบคัวที่มีฐานะ สามารถซื้อคอมพิวเตอร์ (ที่มีราคาแพงในขณะนั้น) ให้เขาใช้ได้ และมีบ้านที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ที่ที่เขาสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ฟรี (ถึงเเม้จะต้องไปใช้ตอนตีสามก็ตาม) แต่เขาไ่ได้โชคดีที่สามารถคิดค้นระบบปฏิบัติการ Window แน่นอน!!!

     หนังสือเล่มนี้บอกว่า หากมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ที่เรียกว่า "โชค" สำหรับการประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว แล้วล่ะก็ นั่นคือ ชาติกำเนิด วัฒนธรรม นั่นเอง

       หนังสือได้ยกตัวอย่าง วัฒนธรรมของคนเกาหลี กับเหตุการณ์เครื่องบินตก สืบเนื่องจากช่วงหนึ่งเครื่องบินของสายการบินโคเรียน แอร์ ประสบอุบัติเหตุตกบ่อย ภายหลังจากการสืบสวนสาเหตุของการตก พบว่า เป็นเพราะวัฒนธรรมเคารพอาวุโสของคนเกาหลี (จริงๆ ก็ทั้งเอเชียนั้นแหละ) ทำให้ลูกน้อง (ในที่นี้คือนักบินผู้ช่วย) ไม่กล้าแสดงความไม่เห็นด้วยกับหัวหน้า วิธีแก้ไขที่โคเรียน แอร์ นำมาใช้คือ การให้นักบินทุกคนสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ ถึงเเม้ว่าทั้งหมดจะเป็นคนเกาหลีก็ตาม เพื่อทำลายกำแพงทางวัฒนธรรมที่ทำให้เกิดอุปสรรคต่อความปลอดภัยทางการบิน

          หรือในกรณีที่ว่า ทำไมเด็กเชื้อสายเอเชียจึงเก่งเลข หนังสือเล่มนี้บอกว่า นั้นเพราะวัฒนธรรม และภาษา ภาษาที่ใช้เรียกตัวเลข หรือนับเลขของคนเอเชียค่อนข้างตรงไปตรงมา ทำให้เด็กเอเชียสามารถนับเลขได้เร็ว ฝรั่งบางคนคิดว่า เด็กเอเชียเก่งเลขมาตั้งแต่เกิด เป็นพันธุกรรม แต่หนังสือเล่มนี้บอกเรา่า มันไม่ใข่อย่างนั้น หนังสือได้ทำการสืบกลับไปถึงวัฒนธรรมการปลูกข้าวของชาวเอเชีย ที่ต้องขยัน ตื่นแต่เช้า และทำงานทั้งวัน ทำให้เอเชียมีวัฒนธรรมของการเชื่อว่าขยันแล้วจะได้ดี และนั่นก็เช่นเดียวกับวิชาคณิตศาสตร์!!! ถ้าเรามั่นทำโจทย์ ทำแบบฝึกหัด เราก็จะเก่งเลขได้ไม่ยาก

         หนังสือเล่มนี้ ทำให้เรารู้เคล็ดลับความสำเร็จง่ายๆ ค่ะ ดูพื้นฐานชีวิตของเรา เรากำเนิดมาจากครอบครัวพื้นฐานเเบบใด นั่นคือต้นทุนที่เรามี (เป็นโชคของเรา) จากนั้นทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งที่เราอยกเป็น ให้ไม่น้อยกว่า 10,000 ชั่วโมง!!! แล้วความสำเร็จก็จะเป็นของแน่นอน!!!

        สนใจอ่านหนังสือเล่มนี้ ซื้อต่อจากออยได้นะคะ ในราคาด 50% ค่ะ คือ 110 บาท บวกค่าจัดส่งอีก 50 บาทค่ะ สนใจติดต่อที่ kasibanoy@gmail.com