Wednesday, February 5, 2014

ปฏิทินปัญญา : A Calendar of Wisdom






หนังสือชื่อ  :  ปฏิทินปัญญา (A Calendar of Wisdom)

ผู้แต่ง  :  ลีโอ ตอลสตอล (Leo Tolstoy)

ผู้แปล  :  มนตรี ภู่มี

สำนักพิมพ์  :  แพรวสำนักพิมพ์



           หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือรวบรวมปรัญญาชีวิตและคำคมที่ควรอ่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพิ่มพลังชีวิต และให้ความหมายกับชีวิตว่า เราอยู่ไปเพื่ออะไร อะไรที่เราจะทำให้แก่โลกได้บ้าง เหมือนคำคมที่เคยอ่านเจอนานมาแล้ว ที่เขาว่า "ถ้าท่านมีเงินสองบาท จงใช้เงินหนึ่งบาทซื้อข้าว และอีกหนึ่งบาทซื้อดอกไม้ อย่างแรกจะทำให้ยังมีชีวิตต่อไป อย่างที่สอง จะทำให้รู้ว่าจะมีชีวิตไปเพื่ออะไร" ..หนังสือเล่มนี้ จัดว่าคือดอกไม้ที่ว่านั่นค่ะ

             ชอบหนังสือเล่มนี้ ตั้งแต่คำนำของ คุณมนตรี มีภู่ ผู้แปลแล้วค่ะ ผู้แปลเขียนทำนองว่า "เมื่อเรามีทุกข์ อารมณ์ขันและการมองโลกในแง่ดี อาจช่วยเราได้แค่ระดับหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นการบิดเบือนความจริงอยู่ไม่น้อย เมื่อเรามีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น เราจะพบว่า อารมณ์ขรึม (การนิ่งคิดอย่างไตร่ตรอง) และการมองโลกอย่างที่เป็นจริง ต่างหาก ที่จะช่วยเราได้อย่างแท้จริง"...

              ขออนุญาตคัดคำคม ปรัชญาบางส่วนจากหนังสือเล่มนี้ มาแบ่งปัน เพื่อความ "สงบในจิตวิญญาณ" กันนะคะ

                     "ผู้ที่ระงับความโกรธไว้ได้ เรียกว่าเป็นนายบังคับม้า เพราะความโกรธแล่นเร็วยิ่งกว่าม้าศึกฝีเท้าเร็วที่สุด ผู้ที่ระงับความโกรธไม่ได้ จึงได้แต่เพียงเกาะกุมบังเหียนม้าไว้
- ธรรมบท หนังสือพุทธปัญญา"

                    "ข้าพเจ้าคิดว่า หน้าที่หลักของพ่อแม่และผู้ให้การศึกษาก็คือ ทำให้เด็กๆ เข้าใจว่า จุดเริ่มต้นอันศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ภายในตัวพวกเขานั่นเอง
- วิลเลียม เอลเลอรี แชนนิง"

                      "เมื่อลูกธนูไม่เข้าเป้า นายธนูตำหนิตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น ผู้มีปัญญาก็เช่นเดียวกัน
- ขงจื๊อ"

                   "คนเราไม่ควรคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังความตายให้มากจนเกินไป จงทำตามเจตจำนงของผู้ที่ส่งเรามายังโลกนี้ เจตจำนงที่ว่านั้นอยู่ในความคิดและหัวใจของเรา"

                   "ไม่มีสิ่งใดจะอธิบายถึงเหตุแห่งความโกรธได้ เหตุแห่งความโกรธนั้นอยู่ในตัวท่านนั่นเอง"

                  "ในสมัยโบราณ เมื่อต้องการฆ่าหมี เขาจะแขวนไม้ท่อนหนักๆ ห้อยไว้เหนือชามน้ำผึ้ง เมื่อหมีผลักท่อนไม้ออกเพื่อจะกินน้ำผึ้ง ท่อนไม้ก็จะเหวี่ยงกลับมาฟาดหมี เมื่อเจ้าหมีเริ่มโมโหก็จะผลักท่อนไม้แรงขึ้น และย่อมถูกฟาดกลับมารุนแรงขึ้นกว่าเดิม ท่อนไม้เหวี่ยงกลับมาฟาดครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งฆ่ามันตาย คนเราก็ทำแบบเดียวกันนี้เมื่อโต้ตอบความชั่วร้ายที่ได้รับจากคนอื่นด้วยความชั่วร้าย คนเราไม่อาจฉลาดไปกว่าหมีหรืออย่างไร"

                   "ช่างประหลาดเหลือเกิน! คนโกงพยายามปกปิดความชั่วของตนโดยทำเป็นเคร่งศาสนา หรือทำเป็นมีจริยธรรมสูงส่ง หรือทำเป็นรักบ้านเกิดเมืองนอน
- ไฮน์ริช ไฮเนอ"

                    "เพื่อเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของหลายๆ สิ่ง ทั้งภายในตัวท่านเองและผู้อื่น คนเราควรเปลี่ยน ไม่ใช่เปลี่ยนเหตุการณ์ แต่เปลี่ยนความคิดที่สร้างเหตุการณ์นั้นขึ้น"

                    "ท่านไม่อาจเลือกทางดำเนินชีวิตใดได้แย่ไปกว่าการทำตามความเห็นของผู้อื่น"

                   "จงคิดแต่เรื่องดีๆ เท่านั้น แล้วเมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะกลายเป็นการกระทำที่ดี"

                 "ไม่มีอดีตและอนาคต ไม่มีใครเคยเข้าไปสู่ดินแดนจินตนาการทั้งสองอย่างนี้ได้ มีก็แต่ปัจจุบันเท่านั้น อย่ากังวลกับอนาคต เพราะอนาคตนั้นไม่ได้มีอยู่ จงอยู่กับปัจจุบันและเพื่อปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันของท่านดี มันก็จะดีไปตลอดกาล"

                   นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างพอหอมปากหอมคอ ซึ่งเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ ในหนังสือเล่มนี้เท่านั้นค่ะ หนังสือเล่มนี้แบ่งแต่ละหน้าเป็นแต่ละวันในหนึ่งปี ดังนั้นจึงมีทั้งหมด 365 หน้า แต่ละหน้า หรือแต่ละวัน ก็มีคำคมจำนวน 4-7 คำคมค่ะ ถือว่าคุ้มราคามากค่ะ
                      
                      




Sunday, February 2, 2014

อภิมหาข้อมูล : Big Data





หนังสือชื่อ :  อภิมหาข้อมูล (Big Data)

ผู้แต่ง  :  Viktor Mayer-Schonberger และ Kenneth Cukier

ผู้แปล  :  กวี รุจีรัตน์

สำนักพิมพ์  :  ทรูไลฟ์


ขายแล้วค่ะ!!!
         
                     
                 เป็นหนังสือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นมากค่ะ อ่านแล้วทำให้ปฏิวัติความคิดที่เคยเรียนมาหลายอย่างเลยที่เดียว

                 ย้อนกลับไปสมัยที่เรียนวิทยาศาสตร์ อาจารย์จะบอกว่า การทดสอบ หรือการวิเคราะห์ตัวอย่างทางสิ่งแวดล้อมนั้น เนื่องจากประชากรของตัวอย่างมีเป็นจำนวนมาก เราจึงไม่สามารถตรวจสอบตัวอย่างทั้งหมดได้ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำการ "สุ่มตัวอย่าง" โดยใช้หลักการทางสถิติเข้ามาช่วย เพื่อให้การสุ่มตัวอย่างนั้นมีความถูกต้อง เที่ยงตรง เป็นตัวแทนของสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ...หลักจากนั้น ออยก็เรียนสถิติ เรียนเทคนิคการสุ่มตัวอย่างเเบบต่างๆ การหาความคลาดเคลื่อนของการสุ่ม เทคนิคการวิเคราะห์ต่างๆ ฯลฯ...
              ครั้นพอมาทำงานเป็นสาวโรงงาน ก็สุ่มตัวอย่างอีก นำตัวอย่างที่สุ่มได้ (โดยคาดหวังว่าจะเป็นตัวแทนของสินค้าทั้งล็อต) มาทำการวิเคราะห์ ได้ผลการทดลองมาอย่างเหนื่อยยาก ผลการทดลองที่ได้ จะใช้ในการพิสูจน์ว่า สินค้าทั้งล็อตนั้นได้มาตรฐานหรือไม่ ถ้าได้ ก็ปล่อยสินค้าออกจากโรงงาน จากนั้นเอกสารการทดลองนี้ ก็เก็บเข้าตู้ เป็นอันจบ จะหยิบมาใช้อีกครั้ง ก็ต่อเมื่อสินค้ามีปัญหา ลูกค้าร้องเรียน จึงจะทำการสืบกลับ เพื่อหาสาเหตุของปัญหา แต่โดยรวมแล้ว ผลการทดลองชิ้นนั้น หรือข้อมูลของสินค้าล็อตนั้น มักจะเก็บอยู่ในตู้เฉยๆ ไม่ได้มีใครไปทำอะไรกับมัน

               แต่เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เรียนรู้ว่า ...โลกกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วจ้ะ...เทคนิคการสุ่มตัวอย่างมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดได้ เช่น เมื่อมีการแบ่งหมวดย่อยของตัวอย่างข้อมูลมากๆ หรือเกิดจากความอคติของผู้สุ่มตัวอย่าง อีกทั้งการสุ่มตัวอย่าง ต้องการการวางแผนที่รัดกุมรอบคอบ เช่น การแบ่งกลุ่ม การเตรียมแบบสอบถาม ทำให้การสุ่มตัวอย่างไม่สามารถให้ผลที่รวดเร็วได้ และยิ่งเราพยายามสุ่มตัวอย่างจำนวนมากๆ ความทันสมัยของข้อมูลก็จะลดลง

                  ดังนั้นเทคนิคการสุ่มตัวอย่างจึงกำลังถูกแทนที่ด้วย...ไม่มีการสุ่ม...เอามันหมดเลย..ประชากรทั้งหมดคือตัวอย่าง หรือ N = all ...และนักสถิติกำลังถูกแทนที่ด้วยนักอัลกอริทึม

                 หนังสือเริ่มด้วยการเล่าเรื่องอันน่าทึ่งในปี 2009 ถึงการระบาดของไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ ผู้เชื่ยวชาญในตอนนั้น วิตกกันมากว่า การระบาดครั้งนี้จะนำมาซื่งการเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก หนทางที่จะยับยั้งการระบาดคือ การหาแหล่งกำเนิดของการระบาด และกำจัดบริเวณ เพื่อไม่ให้การระบาดแพร่กระจาย แต่ปัญหาคือ คนไข้มักจะมาหาหมอเมื่อไม่สบายหนักแล้ว ดังนั้นการทำนายการระบาดของโรงพยาบาล จึงจะช้ากว่าการระบาดที่เกิดขึ้นจริง...หากแต่ google กลับทำนายได้แม่นยำกว่า!!! ...แน่นอน..โดยใช้ big data หรือข้อมูลคำค้นหาของผู้ใช้ของ google ซึ่งมีเป็นจำนวนหลายล้านคำนั่นเอง

                หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องผลอันน่าแปลกใจ และดูไม่มีเหตุผลเลย เมื่อสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งร่วมกับโรงพยาบาล สร้างโปรแกรมโดยใช้ข้อมูล big data เพื่อตรวจจับความเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยของทารกคลอดก่อนกำหนด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อภายใน 24 ชั่วโมง ผลการวิจัยปรากฏว่า สัญญาณชีพที่คงที่เกินไปมักจะเป็นสัญญาณการบอกล่วงหน้าของอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เด็กน้อยถึงแก่ชีวิตได้...ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักเหตุและผลของคนเราทั่วไป

               ดังนั้น...ยินดีต้อนรับสู่โลกของ Big data...โลกที่หลักเหตุและผลใช้การไม่ได้...มนุษย์เรายึดหลักการเหตุและผลในการใช้ชีวิต หากแต่เมื่อเหตุมีข้อมูงปัจจัยจำนวนมาก การประมวลผลจึงอาศัยเเนวโน้มความน่าจะเป็น โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงหลักการเหตุและผล ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลโดยใช้ Big data บางครั้งก็ขัดแย้งกับความเข้าใจของเราๆ ...Big data จึงไม่ได้สนใจเรื่องเหตุผล หากสนใจเรื่องแนวโน้มการเกิดขึ้นของปรากฏการณ์มากกว่า เช่น ...ห้างค้าปลีกแห่งหนึ่งในอเมริกา ใช้อภิมหาข้อมูลเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าเด็กอ่อน พบว่าลูกค้าที่ตั้งครรภ์ได้เพียงสามเดือน (ซึ่งความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายยังมองไม่เห็นภายนอก) จะซื้อโลชั่นแบบไร้กลิ่น และอีก 2-3 อาทิตย์ถัดมา พวกเธอจะซื้ออาหารเสริมบำรุงร่างกาย...นี่เป็นข้อมูลชิ้นดี โดยห้างไม่ต้องสนใจว่าทำไมพวกเธอจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้นเหมือนกันหมด  สนใจเพียงแค่การส่งคูปองลดราคาสินค้าเด็กอ่อนให้เธอก็พอ

                หนังสือยังมีหลายตัวอย่างที่น่าทึ่งค่ะ ของการนำอภิมหาข้อมูลมาใช้ ทั้งในทางด้านธุรกิจ การค้า วิทยาศาสตร์ ฯลฯ และนอกจากจะกล่าวถึงการนำ big data มาใช้ประโยชน์แล้ว ในหนังสือ ยังพูดถึงโทษ เรื่องเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (ข้อมูลการใช้อินเตอร์เน็ต การรูดเครดิตการ์ดของเรา ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ของเรา กลายเป็นส่วนหนึ่งของ big data ที่บริษัทเหล่านี้ สามารถนำมาประมวล และทำเงินได้..แต่เรากลับไม่ได้อะไร เผลอๆ อาจได้รับความรำคาญ หรือรู้สึกคุกคามกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลก็เป็นได้) หรือ ในหนังสือ ยังกล่าวถึงผลกระทบในอนาคตของการใช้อภิอหาข้อมูลในทางที่ผิด เพราะข้อมูลที่ได้จากการประมวลผล เป็นเพียงแนวโน้มของความเป็นไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะถูกต้อง 100% หรือจะเป็นไปตามคำทำนายเสมอไป

                   เป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกเล่มเลยทีเดียวค่ะ อาจจะมีติบ้าง ก็ตรงที่รูปแบบการจัดเรียงเนื้อหา ไม่ค่อยดี ทำให้ตัวหนังสือติดกันเป็นพรืด ทำให้ดูง่วงนอน ไม่น่าอ่าน แต่เนื้อหาในหนังสือ น่าสนใจเชียวค่ะ ใกล้ตัวเรามากๆ ด้วย 

                     หากสนใจหนังสือเล่มนี้ ยังหาซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดนะคะ หรือจะซื้อต่อจากออยก็ได้ ในราคาลดถึง 50%  เหลือเพียง 175 บาท บวกค่าจัดส่งทาง EMS อีก 50 บาทค่ะ สนใจติดต่อได้ที่ kasibanoy@gmail.com ค่ะ

Saturday, February 1, 2014

เชิดหุ่นเชือด : Nemesis






หนังสือชื่อ  :  เชิดหุ่นเชือด (Nemesis)

ผู้แต่ง  :  Jo Nesbo

ผู้แปล  :  นันทวัน เติมแสงสิริศักดิ์

สำนักพิมพ์  :  น้ำพุ




        ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ Jo Nesbo คือคนเดียวกับที่แต่ง "ฤกษ์งาม ยามเชือด (The Devil's Star)" เล่มที่ออยได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ ถ้าดูจาก timeline ในหนังสือเเล้ว เหตุการณ์ในหนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้นก่อน หนังสือเรื่อง "ฤกษ์งาม ยามเชือด" ค่ะ แต่อ่านเล่มไหนก่อน ก็ไม่มีปัญหานะคะ เรื่องจบในตอนค่ะ อ่านเล่มไหนก่อน ก็ไม่งง

            เรื่องราวในหนังสือ ลึกลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อนเช่นเคยค่ะ เริ่มจากมีโจรบุกเดี่ยวเข้าปล้นธนาคารเเห่งหนึ่งในกรุงออสโล โจรได้เงินอย่างที่เขาต้องการแล้ว แต่กลับทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด โดยการกระซิบบางอย่างกับหญิงที่ถูกจับเป็นตัวประกัน จากนั้นก็ลั่นไกสังหารเธอ! 

                สารวัตร แฮร์รี โฮล ได้รับหน้าที่สืบสวนคดีนี้ค่ะ (ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมนะคะ เป็นตัวป่วนในทีมซะมากกว่า) คดีนี้มืดแปดด้าน ไม่มีเบาะแสอะไรเลย จนถึงขนาดตำรวจต้องไปขอความช่วยเหลือจากอดีตโจรปล้นธนาคารชื่อดัง "ราสโคล" ที่ตอนนี้ติดคุกอยู่ เพื่อช่วยระบุผู้ต้องสงสัย ...นายราสโคล นี่ก็มีเบื้องหลังที่น่าสนใจค่ะ คือแกเป็นโจรปล้นธนาคารชื่อดัง ไม่มีใครจับแกได้ แต่อยู่ๆ แกก็เดินขึ้นโรงพัก สารภาพสิ้นทุกอย่างที่กระทำลงไป และยอมติดคุก ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้แกยอมเข้าคุก ทั้งๆที่ตำรวจคว้าน้ำเหลวในการพยายามจับแก...

                  คดีนี้ยิ่งลึกลับซับซ้อนขึ้น เมื่อหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในธนาคาร จากการวัดระยะห่างทางสังคม ทำให้เชื่อได้ว่า โจรกับเหยื่อรู้จักกัน!!! ...แล้วทำไมโจรต้องฆ่าเธอ? ...เพื่อปิดปากอย่างนั้นเหรอ?

                  ระหว่างที่คดีโจรปล้นธนาคารกำลังเข้มข้น สารวัตรโฮล ก็มีปัญหาชีวิตค่ะ เมื่อพบว่า แฟนเก่าถูกพบเป็นศพอยู่ในห้องปิดตาย แถมมีหลักฐานว่าสารวัตรโฮลเคยอยู่ในที่เกิดเหตุ ที่ร้ายกว่านั้นคือ เขาจำอะไรในคืนที่อยู่กับเธอไม่ได้เลย!

           เบื้องต้น คดีของเเอนนา (แฟนเก่าของสารวัตรโฮล) ถูกสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตายค่ะ หากแต่สารวัตรโฮลไม่ปักใจเชื่อเช่นนั้น เนื่องจากผู้ตายเป็นคนถนัดซ้าย หากแต่ศพที่พบกลับลั่นไกปืนโดยใช้มือขวา! ...นอกจากนี้สารวัตโฮลยังได้รับ e-mail จากผู้ส่งนิรนาม ที่ระบุว่าตนเป็นคนฆ่าแอนนา! ...งานนี้ สารวัตรโฮลต้องลงมือสืบสวนด้วยตนเอง ...เรื่องราวชุลมุนพันเกไปจนถึงอดีตคนรักคนอื่นๆ ของแอนนา และชีวิตครอบครัวของเธอ!

              หนังสือเล่มนี้ เป็นการเปิดตัว ตำรวจสาว "บีท เลินน์" ค่ะ ตำรวจอัจฉริยะ ผู้มีความสามารถพิเศษในการจดจำใบหน้าคน แม้เพียงครั้งแรก ครั้งเดียวที่พบ บีทเป็นลูกตำรวจค่ะ พ่อของเธอเป็นตำรวจที่มีประสบการณ์ หากแต่โดนโจรปล้นธนาคารยิงตาย ในระหว่างที่เข้าไประงับเหตุ (ซึ่งเป็นการกระทำที่น่าประหลาดใจมากว่า ทำไมนายตำรวจที่เก่ง และมีประสบการณ์จึงทำอะไรโง่ๆ ไม่รอกำลังเสริม)

              ทุกอย่างดูชุลมุนค่ะ และดูเป็น 2 คดีที่ไม่เกี่ยวข้องกัน สารวัตรโฮลกับบีท ต้องวิ่งวุ่น จากออสโล ไปบราซิล แล้วกลับมาออสโล เพื่อคลี่คลายคดี ...ใครคือโจรปล้นธนาคาร?..ทำไมต้องฆ่าเหยื่อ ทั้งๆ ที่ได้เงินไปแล้ว?...โจรปล้นธนาคารกับเหยื่อรู้จักกันหรือไม่?...อะไรทำให้โจรปล้นธนาคารชื่อดัง อย่างราสโคลยอมมอบตัว?...ใครฆ่าแอนนา และทำไม? ...ทำไมพ่อของบีทจึงไม่รอกำลังเสริม?