Saturday, May 25, 2019

The Redeemer





หนังสือชื่อ  :  The Redeemer

ผู้แต่ง  :  Jo Nesbo

ผู้แปล  :  Don Bartlett

สำนักพิมพ์  :  Vintage Books

เป็นหนังสือที่อ่านสนุกค่ะ สารภาพว่าอ่านหนังสือเล่มนี้จนเสียงานเสียการเลยค่ะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอาไว้อ่านแบบวันละบทสองบทก่อนนอน จบเมื่อไรก็เมื่อนั้น ... แต่กลายเป็นว่า พอได้อ่านเท่านั้นแหละ อะไรก็หยุดไม่ได้ ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยกเว้นแต่อ่านหนังสือเล่มนี้เท่านั้นเลยค่ะ 

เป็นหนังสือสืบสวนในชุดของสารวัตรแฮรี่ โฮล เช่นเคยค่ะ The redeemer คือ พระผู้ไถ่ คือในศาสนาคริสต์เขาเชื่อเรื่องการไถ่บาป เกี่ยวกับตอนที่พระเยซูถูกทรมานและตรึงไม้กางเขน และอีกสามวันถัดมาทรงฟื้นขึ้นมา ศาสนาคริสต์เขาเชื่อว่า พระเยซูทรงสละชีพเพื่อไถ่มนุษย์ให้รอดจากปาบค่ะ

ในหนังสือพัวพันเกี่ยวกับเรื่องของ Salvation Army หรือ ทหารของพระคริสต์ เป็นองค์กรที่มีตัวตนจริงๆ นะคะ เป็นองค์กรของศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสเตนท์ค่ะ องค์กรนี้ไม่ใช่ทหารแบบที่มีกองกำลัง มีอาวุธอะไรน่ากลัวๆ นะคะ แต่เพียงเป็นเหมือนองค์กรการกุศล ช่วยเหลือคนยากไร้ เช่นที่ เนเธอร์แลนด์ องค์กรนี้ก็มีร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสองถูกๆ ให้คนยากจนได้ไปซื้อมาใช้กัน หรือในหนังสือ องค์กรนี้ก็ช่วยแจกอาหารฟรีแก่คนจรจัดไร้บ้าน -- เพียงแต่ชื่อ Army ก็เพราะภายในองค์กรมีการจัดลำดับการปกครอง และการเลื่อนยศอะไรเหมือนกับในกองทัพ และก็มีเครื่องแบบคล้ายๆ ทหารน่ะค่ะ

บทแรกของหนังสือเล่าเรื่องในอดีต ผ่านสายตาของเด็กผู้หญิงอายุ 14 คนหนึ่งค่ะ ที่ถูกข่มขืนกลางดึกของคืนวันหนึ่ง -- หนังสือไม่ได้บอกในตอนแรกว่า เด็กผู้หญิง หรือคนข่มขืนคือใคร ???

บทต่อๆ มาในหนังสือ กลับมาช่วงเวลาปัจจุบัน เป็นเรื่องของมือปืนรับจ้างชาวโครเอเชียคนหนึ่ง ที่ถ่อมาถึงกรุงออสโล เพื่อพยายามทำการสังหาร Jon Karlsens ค่ะ -- นาย Jon เนี่ยเป็นสมาชิกของ Salvation Army ค่ะ เป็นผู้ดูแลอสังหาริมทรัพย์ของ Salvation Army ในนอร์เวย์ค่ะ และเป็นตัวแทนสำคัญชิงตำแหน่งหัวหน้าของ Salvation Army ด้วยค่ะ

เรื่องมันซับซ้อนเมื่อ มือปืนผู้ซึ่งทำงานไม่เคยพลาด ดันมาพลาดงานนี้ ยิงผิดคนค่ะ ดันไปสังหารพี่ชายของ Jon ชื่อ Robert แทน -- ดังนั้น มือปืนเลยต้องตามเก็บงานให้เสร็จก่อนที่จะบินกลับค่ะ

สารวัตรแฮรี่ โฮลต้องมารับบทสืบสวนคดีนี้ค่ะ พร้อมกับมีเจ้านายคนใหม่ (คนเก่าเกษียณ) คู่หูคนใหม่ (คนเก่าโดนฆ่าตาย) -- ตอนแรก แฮรี่ ไม่ทราบค่ะว่าเป็นการสังหารผิดคน ดังนั้นจึงสอบสวนหาเหตุจูงใจว่าทำไมมือปืนจึงต้องการสังหาร Robert ชายผู้ซึ่งไม่เคยมีเรื่องกะใคร -- แต่ระหว่างที่สอบปากคำ Jon ที่ในอพาร์ทเมนต์ของ Jon นั้น มือปืนตามมากะจะสังหาร Jon ค่ะ แต่สารวัตรแฮรี่ของเราช่วย Jon เอาไว้ได้ 

นั่นคือการเริ่มต้นของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดค่ะ มือปืนผู้ไม่มีความกลัว ตามล่าเพื่อจะสังหาร Jon ให้ได้ค่ะ ส่วนแฮรี่กับทีมก็ต้องปกป้องชีวิต Jon ให้ได้ พร้อมๆ กับต้องสอบสวนหาสาเหตุของการตามล่าครั้งนี้ 

เรื่องนี้มือปืนมีความพิเศษตรงที่ไม่ค่อยมีใครจำหน้าตาเขาได้ค่ะ พยานจำได้แต่เครื่องแต่งกาย แต่ไม่สามารถระบุหน้าตาของเขาได้เลย

เรื่องซับซ้อน หักมุมตามสไตล์ Jo Nesbo เลยค่ะ พัวพันไปจนถึงการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขององค์กรทหารพระคริสต์ ลูกสาวของหัวหน้าองค์กร การล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาว เศรษฐีนักธุรกิจชาวนอร์เวย์ การสังหารโหดสองศพ การคอรัปชั่นของตำรวจ ปัญหาของเจ้านายเก่าแฮรี่  .. บอกเลยว่าสนุก จนวางไม่ลงเลยค่ะ

Monday, May 13, 2019

Inspector Morse : Last Seen Wearing






หนังสือชื่อ  :  Inspector Morse ตอน Last Seen Wearing

ผู้แต่ง  :  Colin Dexter

สำนักพิมพ์  :  Pan Books


เดิมทีออยเป็นแฟนซีรี่ย์เรื่อง Endeavour Morse เป็นเรื่องสืบสวนของนักสืบที่เป็นรุ่นลูกของนักสืบ Morse ค่ะ (สารภาพว่าส่วนหนึ่งชอบเพราะ พระเอกหล่อดีค่ะ อิ อิ)
ต่อมาเลยได้รู้ว่า มันมีซี่รี่ย์สมัยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วได้รับความนิยมมากในอังกฤษ ชื่อ Inspector Morse ซึ่งซีรีย์เรื่องนี้ก็ดัดแปลงมาจากหนังสืออีกค่ะ หนังสือก็ชื่อเดียวกันกับซี่รีย์ คือ Inspector Morse เขียนโดยนักเขียนชาวอังกฤษชื่อ Colin Dexter ค่ะ -- Last Seen Wearing เล่มนี้เป็นเล่มที่สอง ในหนังสือชุด Inspector Morse ค่ะ แต่เป็นเล่มแรกที่ออยได้มีโอกาสอ่านของนักเขียนท่านนี้ 

เรื่องเริ่มโดยนักสืบ Morse นายตำรวจ ณ เมืองอ๊อกฟอร์ด ถูกเจ้านายสั่งให้สอบสวนการหายไปของเด็กสาวอายุ 17 คนหนึ่งค่ะ ชื่อ Valerie Taylor เธอหายไปตั้งแต่เมื่อสองปีสามเดือนที่แล้วค่ะ -- ปกติมันเป็นคดีคนหายธรรมดาไงคะ เด็กวัยรุ่นหนีออกจากบ้าน สมัครใจหนีออกจากบ้าน บ้างสุดท้ายก็กลับมาหาพ่อแม่ แต่บ้างก็ไม่กลับมาเลย -- แต่ที่มันกลายเป็นต้องรื้อคดีก็เพราะ เพื่อนตำรวจด้วยกันคือ นักสืบ Ainley ซึ่งเป็นตำรวจคนที่รับเรื่องทำคดีนี้ตั้งแต่แรก ให้ความสนใจกับคดีนี้อย่างมาก รบเร้าเจ้านายให้ฟื้นคดีขึ้นมา หรือจนกระทั่งใช้เวลาวันหยุดของตัวเอง เดินทางไปสืบสวนอย่างเป็นส่วนตัวที่ลอนดอน  และสุดท้ายโดนอุบัติเหตุ? ถูกรถชนเสียชีวิต

เรื่องมันดูมีเงื่อนงำก็คือเมื่อตำรวจ Ainley เสียชีวิตได้แค่วันเดียว วันถัดมา พ่อและแม่ของ Valeria ก็ได้รับจดหมายจาก Valeria บอกว่าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง

นักสืบ Morse กับคู่หู นักสืบ Lewis มารับงานนี้ และต้องปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ -- ได้รู้ว่า Valeria เป็นเด็กสาวที่สวย มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม และดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน และหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นคุณครูของเธอเอง และดูเหมือนว่าก่อนหายตัวไป เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย! 

นักสืบ Morse นั้นตั้งธงตั้งแต่แรกเลยค่ะ ว่า Valeria เสียชีวิตแล้ว และจดหมายนั้นถูกปลอมเขียนขึ้นมา ในขณะที่นักสืบ Lewis เช่ื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์ลายมือก็ยืนยันว่าจดหมายนั้นเขียนโดย Valeria เองค่ะ

จริงๆ เรื่องมันไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรมากมายค่ะ (คือนี่สรุปตอนรู้เฉลยเมื่ออ่านจบแล้วนะคะ) แต่สไตล์การเขียนทำให้อ่านสนุก จนวางไม่ลง เพราะผู้เขียน เขียนเล่าความคิดของทั้งนักสืบ Morse และ Lewis ซึ่งทั้งคู่มีทฤษฎีความเป็นไปได้มากมาย เราคนอ่านไม่รู้อะไรมากไปกว่าที่นักสืบทั้งคู่รู้ -- แต่มีหลายครั้งที่ดูเหมือนนักสืบ Morse และ Lewis จะเกิดไอเดียบางอย่าง หรือเริ่มจุดประกายว่าใครเป็นคนร้าย แต่ผู้เขียนไม่ยอมบอกคนอ่านค่ะ ทำให้เราต้องอ่านต่อบทต่อไป 

หนังสือเล่มนี้อ่านไปก็ทั้งสนุก ทั้งขัดใจค่ะ คือตอนแรกเหมือนนักสืบ Morse จะมั่นใจแล้วว่าใครเป็นคนร้าย แต่ทำไปทำมา ดันมีหลักฐานที่ยืนยันว่า คนที่คิดไว้แต่แรกน่ะ ไม่ใช่ -- ขัดใจมากตอนอ่านมาจะเกือบจะจบเล่มแล้ว ยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่า Valeria นั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่! -- และสุดท้าย ถึงแม้จะอ่านจบเล่มแล้วก็ตาม เฉลยแล้วว่าใครคือคนร้าย แต่ผู้เขียนไม่ได้สรุปแรงจูงใจ หรือวิธีการค่ะ -- คือปกติ นิยายนักสืบบางเล่ม แค่อ่านบทสุดท้ายก็สามารถเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว แต่เล่มนี้แตกต่างค่ะ คือควรอ่านตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ข้ามหน้า จึงจะลำดับเหตุการณ์ได้ทั้งหมดค่ะ (นั่งลำดับเหตุการณ์ในใจเองด้วยนะ เพราะไม่มีเฉลยละเอียด) 

สรุปคือ สนุกค่ะ ภาษาที่ใช้บรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ก็สวย ตอนแรกอ่านก็หงุดหงิดตรงที่นักสืบของเราทั้งคู่มีทฤษฎีมากมายหลายทฤษฎีด้วยกัน ว่าคนนั้นคนนี้เป็นคนร้าย แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ แต่พอมาคิดดู ในสถานการณ์แบบนั้น ความจริงไม่ชัดเจน แถมวิทยาการการพิสูจน์หลักฐานอะไรก็ไม่ได้ก้าวหน้าแบบสมัยนี้ ก็ต้องอาศัยการอนุมาน เดาสุ่ม จนกระทั่งได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุดแบบที่นักสืบทั้งสองทำนั่นแหละ