tag:blogger.com,1999:blog-25488620999912556832024-03-27T16:54:53.289-07:00 ฉันรักการอ่านOYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.comBlogger149125tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-41898185592147817342024-03-08T03:35:00.000-08:002024-03-08T03:35:21.218-08:00Deep Work<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjs56deeaM5xriR67KJ96R5T2_ftHbe5nKtRmLlDz0zDi68SfPjmw0ds6rbiSFxSxJo2ZkL__3FdkVs42Gxr5agGnFz9rGdNLK5EQwJfnQpOrg0RAIc042hyiIgXpVl1HVhE9tXrJuqjKvmaWqQ_45GNY1linTtJnGF6_H4vumx33wK1tGJtX88j-yt9bI/s4080/20240308_111419.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="4080" data-original-width="3060" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjs56deeaM5xriR67KJ96R5T2_ftHbe5nKtRmLlDz0zDi68SfPjmw0ds6rbiSFxSxJo2ZkL__3FdkVs42Gxr5agGnFz9rGdNLK5EQwJfnQpOrg0RAIc042hyiIgXpVl1HVhE9tXrJuqjKvmaWqQ_45GNY1linTtJnGF6_H4vumx33wK1tGJtX88j-yt9bI/s320/20240308_111419.jpeg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Deep Work</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : Cal Newport</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Grand Central Publishing</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">เนื้อหาน่าสนใจค่ะ ถึงแม้สำนวนจะน่าเบื่อ และน้ำท่วมทุ่งก็ตาม แต่อ่านแล้วได้ไอเดียนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันที่ดีเลยค่ะ</p><p style="text-align: left;">ผู้เขียนบอกว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีหมุนเร็ว และเราก็เอาแต่วิ่งตามเทรนของเทคโนโลยี เพราะเรากลัวพลาดตกขบวน พลาดข่าวสารสำคัญๆ ทำให้เราติดโซเชียลมีเดีย ต้องเช็คเมล์ทุกสิบนาที ต้องดูอินเตอร์เน็ตเป็นระยะๆ ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ต้องตอบเมล์ หรือตอบแชทให้เร็วที่สุด ต้องทวีตทุกวัน ฯลฯ ซึ่งกลายเป็นว่าอินเตอร์เน็ตมาก่อกวนสมาธิของเราในการทำงานที่สร้างคุณค่าค่ะ</p><p style="text-align: left;">Deep work คือการมีสมาธิจดจ่อกับงานที่สร้างคุณค่า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับยุคนี้ ยุคที่อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไวมาก ทักษะที่สำคัญที่ต้องมีคือ การเรียนรู้สิ่งที่ยาก ในเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งสิ่งนี้จะทำไม่ได้เลยถ้าเราไม่มี deep work -- แต่อุปสรรคของ deep work คือ อินเตอร์เน็ตค่ะ เหล่าโซเชียลมีเดียที่ทำให้เราพะวง ต้องคอยเช็คเป็นระยะๆ </p><p style="text-align: left;">deep work ตรงกันข้ามกับ shallow work </p><p style="text-align: left;">Shallow work คืองานที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่า งานยุ่งๆ ที่ทำให้เหมือนยุ่ง แต่เป็นงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะ ไม่ได้เพิ่มองค์ความรู้ เช่น การตอบอีเมล์ การประจำทุกเช้า ฯลฯ -- มันคืองานที่ดูเหมือนจำเป็นต้องทำ แต่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนแบบตอบอีเมล์ทันทีที่ได้รับ อะไรขนาดนั้น -- งานพวกนี้ เราควรจำกัดมันให้ทำโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อจะได้มีเวลาเหลือทำงานอะไรที่เป็น deep work และได้คุณค่ามากกว่าค่ะ</p><p style="text-align: left;">บางครั้งเรามักเข้าใจผิด และวัดประสิทธิภาพของงานด้วย shallow work เช่น ถ้าเราตอบอีเมล์เร็ว แสดงว่าเราเป็นคนทำงานเร็ว กระตือรือร้น ... แต่จริงๆ แล้ว อีเมล์ที่ตอบไป ไม่มีคุณค่าอะไร </p><p style="text-align: left;">หนังสือหนา และยืดเยื้อ แบ่งเป็นสองภาค ภาคแรก เล่าถึงความสำคัญของ Deep Work ...อ่านข้ามได้ค่ะ ถ้าเรารู้อยู่แล้วว่ามันจำเป็น</p><p style="text-align: left;">ภาคที่สอง บอกถึงวิธีการฝึกทักษะ Deep Work โดยมี 4 กฎ คือ</p><p style="text-align: left;"><span style="background-color: #fcff01;">กฎที่ 1 - Work Deeply</span></p><p style="text-align: left;">เริ่มด้วยวางแผนว่าเราจะทำงานอะไร ที่ไหน เป็นเวลาเท่าไร โดยทำแต่งานนั้นอย่างเดียวแบบไม่โดนขัดจังหวะ งานนั้นต้องเป็นงานที่ให้คุณค่าแก่เรา ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทั้งเป้าหมายส่วนตัว หรือเป้าหมายในสายงาน</p><p style="text-align: left;">ทำให้มันเป็นพิธีการค่ะ พิธีการทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นเป็นเรื่องสำคัญ </p><p style="text-align: left;">เล่นใหญ่ เช่น อาจลงทุนซื้อคอร์สเรียน หรือในหนังสือยกตัวอย่างของ J.K. Rowling ที่จองห้องในโรงแรมหรูเพื่อใช้เวลาเขียนนิยายให้จบ โดยไม่โดนขัดจังหวะ ทั้งๆ บ้านของเธอก็อยู่ไม่ไกล</p><p style="text-align: left;">หนังสือได้เล่าถึงวินัย 4 อย่างที่เราควรสร้างขึ้น คือ</p><p style="text-align: left;"><span> <span> </span></span>1. โฟกัสในสิ่งที่สำคัญ มีเป้าหมายน้อยอย่าง และโฟกัสลงไปให้ลึกในสิ่งนั้น</p><p style="text-align: left;"><span> <span> <span> </span></span>2. มีตัววัดความก้าวหน้า แนะนำให้ใช้เป็นตัววัดผลก่อนความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น ร้านเบอเกอรี่มีเป้าหมายต้องการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ตัววัดผลก่อนความสำเร็จคือจำนวนขนมตัวอย่างที่แจกลูกค้าที่มาเข้าร้าน เป็นต้น -- แบบนี้ทำให้เราสามารถวัดผลได้ทุกวันๆ ทำให้แน่ใจว่าเราไม่ได้กำลังเดินไปผิดทาง หลงทางไปจากเป้าหมายที่ตั้งไว้</span><br /></p><p style="text-align: left;"><span><span> <span> </span></span>3. เก็บเป็น score board เหมือนเกมส์นะคะ เก็บบันทึกไว้ในที่มองเห็นได้ กระตุ้นให้เราทำตามเป้าหมายอยู่เสมอทุกวัน</span></p><p style="text-align: left;"><span><span> <span> </span></span>4. มีการรีวิวผลสำเร็จหรือล้มเหลวเป็นประจำ</span></p><p style="text-align: left;"><span style="background-color: #fcff01;">กฎที่ 2 - Embrace Boredom</span></p><p style="text-align: left;">งานที่ทำ หรือสิ่งที่เรียน ถึงแม้จะรู้ดี ตระหนักดีว่ามันสำคัญกับอนาคตของตัวเองแค่ไหน แต่หลายครั้งก็มีช่วงที่เบื่อๆ ค่ะ และเมื่อเบื่อ เราก็อดไม่ได้ที่จะคลิกดูอะไรน่าสนใจในอินเตอร์เน็ต กลายเป็นอินเตอร์เน็ตคือตัวขัดจังหวะความมีสมาธิของเรา</p><p style="text-align: left;">วิธีแก้คือ ใช้วิธีพักระหว่างโฟกัสทำงาน deep work แทน เช่น ระหว่างทำงาน เราก็เขียนโพสอิตแปะหน้าคอมพ์ไว้เลย ว่าเราจะพักดูอินเตอร์เน็ตรอบต่อไปตอนกี่โมง กี่นาที วิธีนี้จะทำให้เรามีสมาธิกับงานได้ดีขึ้น </p><p style="text-align: left;"><span style="background-color: #fcff01;">กฎที่ 3 - Quit Social Media</span></p><p style="text-align: left;">มองว่าอินเตอร์เน็ตเหมือนเครื่องมือชนิดหนึ่งค่ะ เหมือนช่างไม้ต้องมีค้อนเป็นเครื่องมือ และด้วยความเชี่ยวชาญ ช่างไม้ก็เลือกว่าจะใช้ค้อนนั้นทำอะไร ...ฉันใดก็ฉันนั้น อินเตอร์เน็ตไม่ได้ไร้ประโยชน์ แต่มันคือเครื่องมือเช่นเดียวกับค้อนของช่างไม้ เราจำต้องเรียนการใช้เครื่องมืออินเตอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์กับงานของเราค่ะ</p><p style="text-align: left;"><span style="background-color: #fcff01;">กฎที่ 4 - Drain the shallows</span></p><p style="text-align: left;">งานที่จำเป็นแต่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่า พยายามทำมันให้น้อยที่สุด หนังสือแนะนำให้เราทำตารางทำงานของเราในทุกนาทีที่ทำงาน เพื่อตรวจสอบดูว่าเราทำงานที่เป็น Shallow work แต่ละวันมากแค่ไหน (เราจะแปลกใจว่า วันๆ เราหมดไปกับการทำงานที่ไม่ใช่งานในหน้าที่ที่เขาจ้างเรามาเยอะแค่ไหน และเราทำงานจริงๆ ที่เป็นงานที่เราต้องทำนั้นน้อยแค่ไหนค่ะ)</p><p style="text-align: left;">พยายามกำหนดเวลาทำงาน คือหลังเวลาเลิกงานก็ไม่ควรทำงาน หรือเอางานกลับมาทำอีก แบบนี้จะบังคับเราให้ต้องบริหารเวลาให้ดียิ่งขึ้น และทำแต่งานที่จำเป็นและก่อให้เกิดคุณค่า</p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-84727138859197903082024-02-26T02:42:00.000-08:002024-02-26T02:42:04.976-08:00The Guest List<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgF8KYoLrhzoEGlXB25_6AG554B4Ao5vcuhDPV06q_Cr4VHKYQbgylQarNt2PH3YssnDgv50RlrftRxuH-bgjo5pMzOK-XyuwIsRNxKvNlb_LLVzKS_BVImilGrLJDVX8Sp9FjbaJ3LD5qq9zMmxG4HEkpomHqMXTYLx3vlYECOzf5UCAK65ZVEgN6-xb4/s1888/Screenshot%202024-02-26%20at%2010.35.41.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1888" data-original-width="1261" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgF8KYoLrhzoEGlXB25_6AG554B4Ao5vcuhDPV06q_Cr4VHKYQbgylQarNt2PH3YssnDgv50RlrftRxuH-bgjo5pMzOK-XyuwIsRNxKvNlb_LLVzKS_BVImilGrLJDVX8Sp9FjbaJ3LD5qq9zMmxG4HEkpomHqMXTYLx3vlYECOzf5UCAK65ZVEgN6-xb4/s320/Screenshot%202024-02-26%20at%2010.35.41.jpeg" width="214" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : The Guest List</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : Lucy Foley</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : HarperCollinsPublishers Ltd</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">อ่านวางไม่ลงค่ะ อ่านเสียงานเสียการ เพราะผู้เขียนมีชั้นเชิงในการเล่าเรื่อง ทำให้เราคาใจ จึงต้องอ่านไปเรื่อยๆ พลิกหน้าไปเรื่อยๆ </p><p style="text-align: left;">Jules และ Will กำลังจะแต่งงานกัน งานแต่งงานจัดขึ้นที่เกาะ Cormorant ไอร์แลนด์ คู่นี้เป็นคู่สมแห่งปีเลยค่ะ เจ้าสาวก็สวย ประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของนิตยสารออนไลน์ ฝ่ายเจ้าบ่าวก็หล่อ เป็นดาราทีวี </p><p style="text-align: left;">หนังสือเล่าสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ปัจจุบัน ในคืนวันแต่งงาน กับเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านั้น หนังสือเล่าในมุมของตัวละครแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น </p><p style="text-align: left;">Aoife - เวดดิ้งเพลนเนอร์ </p><p style="text-align: left;">Hannah - ภรรยาของ Charlie เพื่อนสนิทของเจ้าสาว และดูเหมือน Charlie จะมีความหลังกุ๊กกิ๊กกับเจ้าสาว ในงานนี้ Hannah รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน เพราะไม่ใช่ทั้งเพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาว </p><p style="text-align: left;">Jules - เจ้าสาว</p><p style="text-align: left;">Johnno - เพื่อนเจ้าบ่าว เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม Johnno มีบุคลิกดูไม่น่าไว้ใจค่ะ เป็นคนที่ดูล้มเหลวในชีวิตเมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆ ของ Will แต่ Johnno กำความลับดำมืดบางอย่างที่เขากับ Will ทำร่วมกัน</p><p style="text-align: left;">Olivia - น้องสาวคนละพ่อของ Jules อายุ 19 ปี และเป็นเพื่อนเจ้าสาว กำลังอกหักจากแฟนเก่า ... แต่ดูเหมือนมีบางอย่างมากกว่านั้น ...มากกว่าเรื่องของวัยรุ่นที่กำลังอกหักมากกว่ามาก</p><p style="text-align: left;">ในงานแต่งงาน จะมีแต่ญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ได้พักค้างคืนเพื่อเตรียมงานบนเกาะ แขกคนอื่นๆ จะนั่งเรือมาในวันงานค่ะ</p><p style="text-align: left;">Will เจ้าบ่าว สนิทกับเพื่อนในสมัยมัธยมมาก พวกเขาเรียนในโรงเรียนประจำเอกชน โดยพ่อของ Will เป็นครูใหญ่ และดูเหมือนพวกเขาจะมีจารีตธรรมเนียมของโรงเรียนแบบผู้ชายๆ ค่ะ -- คือเหมือนพวกเขาถ้าอยู่เดี่ยวก็เป็นคนดีน่าคบแหละ แต่พอรวมกลุ่มกัน โดยมี Will เป็นหัวโจก กลับทำเรื่องแย่ๆ เช่น แกล้งรุ่นน้อง บูลลี่คนอื่น ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และการแกล้งนี้ก็เลยเถิดไปจนเกินควบคุม .... พอวันนี้เป็นงานแต่งงาน พวกเขาก็กลับมารำลึกความหลังร่วมกัน</p><p style="text-align: left;">ถึงแม้เราจะพอเดาแรงจูงใจของความขัดแย้งได้ แต่ที่สนุกคือ เราแทบไม่รู้เลยว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และใครคือคนตาย ใครคือคนฆ่า จนกระทั่งถึงท้ายเล่มค่ะ </p><p style="text-align: left;">อ่านแล้วได้ข้อคิดว่า คนที่ชอบบูลลี่คนอื่น ก็คือคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งแหละ เขามองหาเหยื่อคนที่อ่อนแอกว่าเพื่อข่มแสดงอำนาจ และถ้าคนที่อ่อนแอกว่าหายไป เขาก็ไม่ได้สนใจ แยแสว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหยื่อในสิ่งที่เขาทำ เขาทะเยอทะยานและมองเป้าหมายชีวิตต่อไปของเขา คือเขาไม่ได้คิดร้ายตั้งใจฆ่าเหยื่อทนไม่ไหวจนฆ่าตัวตาย แต่เขาไม่คิดอะไรเลยน่ะค่ะ ไม่สนใจไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเราแม้แต่เสี้ยว คิดถึงแค่ความต้องการของตัวเองเท่านั้น</p><p style="text-align: left;">สรุป นี่คือนิยายเรื่องของการแก้แค้นค่ะ</p><p style="text-align: center;">If I can't move heaven,</p><p style="text-align: center;">then I shall raise hell.</p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-18718958746582583002024-02-21T08:24:00.000-08:002024-02-21T08:24:15.570-08:008 Rules of Love<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEicdfnLzzV16MtrotqgGA2z3qKDk2ZcmUlAGQwaIM8yemyC1sZrTP_jmthJ53qCUuC5D48yNFgbB_UDx34CI2b8ZqEYV8y6yXZX4s__mXJZdJIwGtcZ0ZLF9mHmU603Cl-ZvzVd9p2eJJFqvxssR1N2wMfTvNvLGafLAjJoukTwCqDksI0C2S5PtQAcDlg/s2160/Screenshot%202024-02-17%20at%2019.15.26.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2160" data-original-width="1620" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEicdfnLzzV16MtrotqgGA2z3qKDk2ZcmUlAGQwaIM8yemyC1sZrTP_jmthJ53qCUuC5D48yNFgbB_UDx34CI2b8ZqEYV8y6yXZX4s__mXJZdJIwGtcZ0ZLF9mHmU603Cl-ZvzVd9p2eJJFqvxssR1N2wMfTvNvLGafLAjJoukTwCqDksI0C2S5PtQAcDlg/s320/Screenshot%202024-02-17%20at%2019.15.26.jpeg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : 8 Rules of Love</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : Jay Shetty</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : HarperCollinsPublishers</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">เป็นหนังสือที่อยากแนะนำให้คนที่ต้องการมีความสัมพันธ์ หรือรักษาความสัมพันธ์ที่จริงจังกับใครสักคนควรอ่านค่ะ ... นี่ไม่ใช่หนังสือรักๆ ใคร่ๆ โรแมนติกค่ะ มันเครียดกว่าที่คิด</p><p style="text-align: left;">ผู้เขียนเขียนโดยใช้คัมภีร์พระเวทของศาสนาฮินดูมาเป็นหลัก เนื่องจากผู้เขียนเคยบวชเป็นพระฮินดูมาก่อนน่ะค่ะ พระเวทบอกว่าความรัก มี 4 ระดับ แบ่งตามอาศรม คือ</p><p style="text-align: left;">1. Brahmacharya arhram --> เตรียมตัวที่จะรัก ซึ่งเริ่มต้นด้วยการรู้จักที่จะรักตัวเอง ในขั้นนี้มีกฎอยู่ทั้งหมด 2 ข้อ</p><p style="text-align: left;">2. Grhastha ashram --> ฝึกหัดรัก เรียนรู้ที่จะรักคนอื่น ในขณะที่ก็ยังรักตัวเองอยู่ด้วย ในขั้นนี้มีกฎ 3 ข้อ</p><p style="text-align: left;">3. Vanaprastha ashram --> ปกป้องรัก เรียนรู้ที่จะรับมือกับข้อขัดแย้งระหว่างคนรัก พร้อมกันนั้นก็รู้ว่าเมื่อไรที่ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยวางรักนั้น ในขั้นนี้มีกฎ 2 ข้อ</p><p style="text-align: left;">4. Sannyasa ashram --> รักที่สมบรูณ์ แพร่กระจายความรักไปยังทุกคน รักดิน รักน้ำ รักฟ้า ขั้นนี้มีกฎ 1 ข้อ</p><p style="text-align: left;">รวมทั้งหมดจึงเป็นกฎ 8 ข้อของความรักค่ะ</p><p style="text-align: left;"><u>กฎข้อที่ 1</u> : Let Yourself be alone</p><p style="text-align: left;">อย่าเริ่มความสัมพันธ์เพียงเพราะกลัวที่จะอยู่คนเดียว หรือเพราะเหงา เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้เราถลำไปเลือกคนผิด ...คนที่ดีจะมาในเวลาที่เหมาะ </p><p style="text-align: left;">ในข้อนี้ สอนให้เราเรียนรู้ที่จะสันโดษ ให้เวลาอยู่กับตัวเอง เรียนรู้ความเป็นตัวของตัวเอง อะไรที่เราชอบหรือไม่ชอบค่ะ </p><p style="text-align: left;"><u>กฎข้อที่ 2</u> : Don't ignore your karma</p><p style="text-align: left;">กรรมคือการกระทำ ข้อนี้สอนให้เราลองหาประสบการณ์ใหม่ และเรียนรู้ว่าชอบหรือไม่ชอบสิ่งใหม่ที่ได้เรียนรู้นั้น </p><p style="text-align: left;">กรรมในความหมายของคัมภีร์พระเวท คือ การตัดสินใจในปัจจุบันของคุณ (จะดีหรือไม่ก็ตาม) จะเป็นตัวกำหนดประสบการณ์ในอนาคตของคุณ ... ดังนั้น กฎข้อนี้คือ ให้เราลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นั่นเอง โดยทำไปเพื่อตัวเองค่ะ ไม่ใช่เพื่อหาคู่แต่อย่างใด จำไว้ว่า อะไรที่เราต้องการได้รับจากคนอื่น อย่างแรกคือเราต้องให้สิ่งนั้นแก่ตัวเองก่อน เช่น อยากได้ความเคารพจากคนอื่น ก็ต้องเริ่มด้วยการเคารพตัวเองก่อน</p><p style="text-align: left;"><u>กฎข้อที่ 3</u> : Define love before you think it, feel it, or say it</p><p style="text-align: left;">เตรียมตัวสำหรับการออกเดท เตรียมตัวสำหรับคู่ชีวิตในอนาคต ในข้อนี้นำเสนอ กฎ three-date rule คือ </p><p style="text-align: left;">เดทแรก --> ถามตัวเองว่าเราชอบบุคลิกของเขาหรือไม่ ชอบหน้าตา หรือนิสัยของเขาหรือไม่ ถ้าชอบก็คบต่อ </p><p style="text-align: left;">เดทสอง --> ถามตัวเองว่าเราชอบสิ่งที่เขาทำหรือไม่ แนวคิด ทัศนคติของเขาหรือไม่ ถ้าชอบก็คบต่อ</p><p style="text-align: left;">เดทสาม --> เป้าหมายในชีวิตของเขาคืออะไร เรารับได้หรือไม่ และพร้อมที่จะช่วยให้เขาบรรลุถึงเป้าหมายนั้นหรือไม่</p><p style="text-align: left;">คือให้คิดซะว่า กำลังหาเพื่อนร่วมทีมน่ะค่ะ ... นี่ไม่ใช่หนังสือรักโรแมนติก แต่คือหนังสือที่สอนให้รักแบบใช้สมอง</p><p style="text-align: left;"><u>กฎข้อที่ 4</u> : Your partner is your guru</p><p style="text-align: left;">เมื่อเป็นคนรักกันแล้ว ให้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน</p><p style="text-align: left;"><u>กฎข้อที่ 5</u> : Purpose comes first</p><p style="text-align: left;">ทุกคนต่างมีเป้าหมาย หรือความฝันในชีวิต ค้นหาให้เจอ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ...ผู้เขียนยกตัวอย่างเช่น คู่รักคู่หนึ่ง ฝ่ายหญิงต้องการเป็นนักธรรมชาติบำบัด ส่วนฝ่ายชายอยากฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งไตรกีฬา (ความฝันในชีวิตไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเงิน หรืออาชีพนะคะ เป็นอะไรที่เราอยากทำ) ทั้งคู่จึงต้องวางแผนร่วมกันเพื่อให้ทั้งคู่บรรลุในสิ่งที่ฝัน</p><p style="text-align: left;">กฎไม่ได้สอนให้เราสละความฝันของเราเพื่อคนรัก แต่ให้เรามานั่งคุยกัน ประนีประนอมกันเพื่อให้บรรลุถึงสิ่งที่ฝันด้วยกันทั้งคู่</p><p style="text-align: left;"><u>กฎข้อที่ 6</u> : Win or lose together</p><p style="text-align: left;">กล่าวถึงเรื่องข้อขัดแย้ง เวลามีเหตุที่ทำให้คู่รักต้องทะเลาะกัน เห็นไม่ตรงกัน ... บางครั้งต่างคนต่างเอาชนะคะคานกัน แต่ในฐานะที่เป็นคู่รักกัน ไม่มีคำว่าใครแพ้ใครชนะหรอกค่ะ ถ้าคนหนึ่งเถียงชนะอีกคน ก็แปลว่าแพ้กันทั้งคู่ ... เพราะทั้งคู่คือทีมเดียวกัน </p><p style="text-align: left;">หนังสือเตือนด้วยว่า ส่วนใหญ่ความขัดแย้งใหญ่โตเกิดขึ้นจากการใช้ "โทนเสียง" ที่ผิด ...คือไม่ได้เจตนาแย่ แต่เมื่อคำที่ใช้มันบาดลึก หวังจะให้อีกฝ่ายเจ็บปวดให้มากที่สุด อีกฝ่ายก็เลยต้องตั้งป้อมป้องกันตัวเอง จากนั้นก็กลายเป็นอยู่กันคนละฝั่ง และก็ทะเลาะกันใหญ่โตบานปลาย...</p><p style="text-align: left;"><u>กฎข้อที่ 7</u> : You don't break in a breakup</p><p style="text-align: left;">เมื่อไปต่อไม่ไหว ก็ต้องปล่อย ... กฎข้อนี้กล่าวถึงการเลิกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเราเป็นฝ่ายบอกเลิก หรือเป็นฝ่ายถูกเลิก ...การทำใจ การพยายามกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ชอบประโยคหนึ่งในหนังสือค่ะ บอกว่า</p><p style="text-align: left;">"Something is breaking, but you are not that something."</p><p style="text-align: left;">คือความสัมพันธ์อาจจะแตกสลาย แต่ไม่ใช่จิตวิญญาณในตัวเรา เรายังเป็นเรา และเราจะเรียนรู้บทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิต ในความสัมพันธ์ใหม่ในอนาคต</p><p style="text-align: left;"><u>กฎข้อที่ 8</u> : Love again and again</p><p style="text-align: left;">ความรักที่ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าการรักกันระหว่างหนุ่มสาว คือความรักที่พร้อมให้แก่ทุกคน ถึงจุดที่เรียกว่า "กรุณา" ในพระเวท </p><p style="text-align: left;">วิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสความรัก คือการให้ความรัก</p><p style="text-align: left;">หนังสือสอนให้รู้จักมอบความรักจากจุดเล็กๆ คือครอบครัว ขยายไปยังเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ชุมชน คนแปลกหน้า องค์กร และโลก ... แค่ใจดีต่อกันบ้าง เมตตาต่อกันบ้างค่ะ</p><p style="text-align: left;">"You can seek love your whole life and never find it, or you can give love your whole life and experience joy."</p><p style="text-align: left;">---</p><p style="text-align: left;">ความรู้สึกระหว่างอ่านคือ ...เครียดอ่าาาาา... หวังว่าจะได้อ่านเรื่องรักโรแมนติก มาเจอรักแบบใช้สมอง 55 แต่ดีค่ะ อ่านแล้วต้องใจจะเอามาปรับใช้กับตัวเองเลยค่ะ รักก็เหมือนปลูกต้นไม้ล่ะค่ะ เราต้องรดน้ำ ดูแลทุกวัน ต้องใส่ใจในรัก </p><p style="text-align: left;">หนังสือเขียนโดยอ้างอิงศาสนาฮินดู ซึ่งใกล้เคียงกับศาสนาพุทธค่ะ บางตอนยังอ้างถึงศาสนาพุทธมหายาน หรือนิกายเซน เพราะด้วยภูมิหลัง จึงทำให้คนไทยพุทธอย่างเราอ่านได้เข้าใจลึกซึ้งกว่าการอ้างพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเสียอีกค่ะ</p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-37144135862122144082024-02-10T16:03:00.000-08:002024-02-10T16:03:56.524-08:00Cold Case Reboot ไขคดีปริศนา แฟ้มคดีลำดับที่ 02 วังวนแห่งความแค้น<p style="text-align: center;"></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHanSjtqdaKGzDDzecZfJFTnPf6ZN8k6sPwRxbs4LmIeWqZZ4Zoayixopd42GPpIN8DNTVQrfdiaJaev9UQ-Mc3kuh1eBCXhDQGw4fIb78AURIuOkkFobiqEeS6wkjtQLd0VdwWsBSP5Lk810ns5Rf3prnuw-wJOQSSKoWkxNu4s9NdpDurSYP_cr4JCQ/s4080/20240210_144810.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="4080" data-original-width="3060" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiHanSjtqdaKGzDDzecZfJFTnPf6ZN8k6sPwRxbs4LmIeWqZZ4Zoayixopd42GPpIN8DNTVQrfdiaJaev9UQ-Mc3kuh1eBCXhDQGw4fIb78AURIuOkkFobiqEeS6wkjtQLd0VdwWsBSP5Lk810ns5Rf3prnuw-wJOQSSKoWkxNu4s9NdpDurSYP_cr4JCQ/s320/20240210_144810.jpg" width="240" /></a></div><br /> <p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Code Case Reboot ไขคดีปริศนา</p><p style="text-align: center;"> แฟ้มคดีลำดับที่ 02 วังวนแห่งความแค้น</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : ฝานลั่ว</p><p style="text-align: center;">ผู้แปล : หลิงฮวา</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : บริษัท เบเกอรี่บุ๊ค จำกัด</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">ยังคงเป็นการไขคดีในแผนกแช่แข็ง เกี่ยวกับคดีที่ปิดไม่ลง ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ ทีมตำรวจในคดีนี้ นำโดย เซียวหลานเฉ่า ที่ดูยังไงๆ ก็ไม่มีมาดตำรวจ (เจ้าสำอางค์ และหล่อเกินไป) ขวัญใจตำรวจสาวๆ ทั้งสถานี กับคู่หูคือ กานเฟิ่งฉือ ที่ในอดีตก่อนย้ายมาอยู่แผนกนี้ มีนิสัยชอบใช้กำลังก่อนสมอง ...แต่หัวหน้าอย่างเซียวหลานเฉ่ากลับไม่โดนกานเฟิ่งเฉินทำร้ายร่างกายอย่างอัศจรรย์ (แต่โดนด่าในใจไปแล้ววันละหลายรอบ)</p><p style="text-align: left;">เริ่มต้นด้วยแผนกแช่แข็งมาช่วยตำรวจในแผนกอาชญากรรมสอบสวนคดีฆ่าหั่นศพค่ะ คดีนี้พัวพันกับสโมสรไพ่บริดจ์หาวฟู่ ทั้งคู่ต้องปลอมตัวเข้าไปเล่นไพ่ แต่คดีสืบยังไม่ถึงไหนเลย กานเฟิ่งฉือปวดท้อง ไส้ติ่งอักเสบ จึงต้องนำส่งโรงพยาบาลด่วน</p><p style="text-align: left;">กานเฟิ่งฉือกลัวการผ่าตัดขึ้นสมอง เพราะตอนเด็ก มีเพื่อนสนิทเสียชีวิตจากการผ่าตัดไส้ติ่ง ทำให้เขาฝังใจกลัวการเข้าโรงพยาบาลไปเลย การเสียชีวิตของเพื่อนเขาเป็นข่าวดังในสมัยนั้นด้วยค่ะ เพราะหลังจากโต้วอิงเพื่อนเขาเสียชีวิตไม่นาน พยาบาลที่ต้องสงสัยว่าทำงานพลาดก็กระโดดตึกฆ่าตัวตาย</p><p style="text-align: left;">เซียวหลานเฉ่าฟังเรื่องของกานเฟิ่งฉือแล้วเอะใจ เลยไปสืบสวนหาสาเหตุการตายที่ชัดเจน (อารมณ์ใจดีจะได้เอาหลักฐานมาปลอบใจการกลัวการผ่าตัดของกานเฟิ่งฉือ) สืบไปมาก็เห็นเงื่อนงำผิดปกติ เพราะพยาบาลสวีหยวนซิวที่ฆ่าตัวตายนั้น เป็นพยาบาลที่มีประสบการณ์สูง ไม่น่าจะทำงานพลาดง่ายๆ แบบนี้ </p><p style="text-align: left;">ในขณะเดียวกันทางด้านคดีฆ่าหั่นศพก็มีความคืบหน้า จับตัวคนร้าย ที่รับสารภาพว่าหั่นศพแยกชิ้นส่วนได้แล้ว แต่คนร้ายปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า บวกกับผลทางนิติเวชก็ยืนยันว่าผู้ตายตายจากโรคหัวใจ </p><p style="text-align: left;">เป็นเรื่องบังเอิญมาก ที่ตอนกานเฟิ่งฉือปวดท้องนั้น คนที่ไปเจอคือคุณหมอสวีหลีเซิ่ง ซึ่งคุณหมอคนนี้คือคนเดียวกับที่พยายามจะให้คีย์การ์ดเปิดเข้าในในห้อง VIP ของสโมสร แต่ไม่สำเร็จ ...ต่อมาก็เฉลยว่า คุณหมอกำลังตามสืบเรื่องสโมสรหาวฟู่ เนื่องจากเพื่อนของคุณหมอหายตัวไปลึกลับ กลัวว่าจะโดนลักพาตัว เบาะแสสุดท้ายคือในสโมสรไพ่บริดจ์หาวฟู่แห่งนี้นั้นเอง</p><p style="text-align: left;">เรื่องมันพัวพันยุ่งเหยิงไปมา มีคนเกี่ยวข้องมากมาย ดูเหมือนมีหลายคดี ...แต่ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องเดียวกัน! นักเขียนเขียนได้สนุกมาก ที่ทำปมให้มันซับซ้อนแล้วก็ค่อยๆ คลายปมทีละน้อยๆ ระหว่างนั้นก็คั่นด้วยบรรยากาศเบาๆ ภายในทีมแช่แข็ง (กานเฟิ่งฉืนตกหลุมรักเพื่อนร่วมแผนกคนใหม่ค่ะ อยากจีบเธอเป็นแฟน แต่ค่อนข้างยากนิดหนึ่ง เพราะสองตาของเธอมีไว้มองแต่พ่อเทพบุตรเซียวหลานเฉ่าเท่านั้น)</p><p style="text-align: left;">คนแปลก็แปลดีค่ะ การใช้คำต่างๆ ดีมากเลย ให้บรรยากาศของนิยายว่าเป็นนิยายเอเชียนะ อย่างเรียกเจ้าของกิจการ ก็ใช้คำว่า เถ้าแก่ แทนเจ้าของ เป็นต้น มุกเล่นคำภาษาจีนก็มีคำอธิบายให้คนอ่านเข้าใจ ถือว่าแปลได้ดีมากเลยล่ะค่ะ</p><p style="text-align: left;"> </p><p style="text-align: left;"><br /></p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-41441364663909114932024-02-10T06:20:00.000-08:002024-02-10T06:20:28.759-08:00Cold Case Reboot ไขคดีปริศนา แฟ้มคดีลำดับที่ 01 ความทรงจำสังหาร<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiiYSE9-mFKsxo3e8lQ4zOGc1PYBOnA-euLodYrOaNc_KNC5bilcSQ-i2BDOy-iDC3NQE-JHpqs7XSVqK0orfAQJkgQFUh3acUZXz-MUlt4Y10V6IPrua642aG6avidTgO8KHeXio9D2ZoDaWFW40xQxK4T1mZDRHAKx7K4RZxQD8YXGaHvwptRz-oHx5I/s4080/20240210_144718.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="4080" data-original-width="3060" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiiYSE9-mFKsxo3e8lQ4zOGc1PYBOnA-euLodYrOaNc_KNC5bilcSQ-i2BDOy-iDC3NQE-JHpqs7XSVqK0orfAQJkgQFUh3acUZXz-MUlt4Y10V6IPrua642aG6avidTgO8KHeXio9D2ZoDaWFW40xQxK4T1mZDRHAKx7K4RZxQD8YXGaHvwptRz-oHx5I/s320/20240210_144718.jpg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Cold Case Reboot ไขคดีปริศนา</p><p style="text-align: center;"><span style="text-align: right;"> แฟ้มคดีลำดับที่ 01 ความทรงจำสังหาร</span></p><p style="text-align: center;"><span style="text-align: right;">ผู้เขียน : ฝานลั่ว</span></p><p style="text-align: center;"><span style="text-align: right;">ผู้แปล : หลิงฮวา</span></p><p style="text-align: center;"><span style="text-align: right;">สำนักพิมพ์ : บริษัท เบเกอรี่บุ๊ค จำกัด</span></p><p style="text-align: center;"><span style="text-align: right;"><br /></span></p><p style="text-align: left;"><span style="text-align: right;">สนุกกว่าที่คิดค่ะ เดิมคิดว่าเป็นนิยายวายรักๆ ใคร่ๆ ...แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ เป็นนิยายสืบสวนออกแนวเบาๆ ค่ะ </span></p><p style="text-align: left;"><span style="text-align: right;">เมื่อกานเฟิ่งฉือ นายตำรวจเลือดร้อน มีดีที่มาจากตระกูลร่ำรวย ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับประชาชนทั้งที่อยู่ในเครื่องแบบ เลยโดนเด้งจากเดิมอยู่ตำรวจจราจรมาอยู่แผนกแช่แข็ง ทำคดี cold case แทน -- ที่ได้มาอยู่แผนกนี้ เพราะไม่มีใครเอาแล้วค่ะ อยู่แผนกไหนก็ไม่เคยเกินสามเดือน ต้องมีเรื่องชกต่อยไม่กลับใครก็ใคร (หัวหน้าตัวเองก็ยังโดนต่อยเลยค่ะ) เป็นพวกใช้อารมณ์ก่อนสมอง ทั้งๆ ที่สมองดี จบเอกคณิตศาสตร์จาก MIT </span></p><p style="text-align: left;">เมื่อกานเฟิ่งฉือต้องมาเผชิญหน้ากับหัวหน้าคดีแผนกแช่แข็ง คือ เซียวหลานเฉ่า หนุ่มเจ้าสำอางค์ ใส่สูทเนี้ยบ จนได้ฉายาจากตำรวจหญิง (ที่มีอยู่คนเดียวในสถานี) ว่า "พ่อเทพบุตร" -- กานเฟิ่งฉือก็ได้เรียนรู้ความอดทนอดกลั้น เพราะเขาอยากต่อยหน้าหล่อๆ ของหัวหน้าวันละหลายๆ รอบ แต่ต้องยั้งใจไว้ เพราะแผนกนี้คือแผนกสุดท้ายที่ยังรับเขาเข้าร่วม </p><p style="text-align: left;">คดีของแผนกแช่แข็งตอนนี้คือ มีคนเจอโครงกระดูกในป่า เป็นผู้หญิง เสียชีวิตมาเป็นสิบปีแล้ว จึงต้องสืบให้ได้ว่าเป็นใคร</p><p style="text-align: left;">ระหว่างนั้นความซวยก็มาเยือนกานเฟิ่งฉือ เพราะเขาต้องเป็นผู้ต้องหาสังหารแฟนเก่าอย่างโหดเหี้ยม! ที่เขาตกเป็นผู้สงสัยก็เพราะเขาคือคนสุดท้ายที่มีเรื่องทะเลาะกับคู่ควงคนใหม่ของแฟนเก่าค่ะ และแฟนเก่าที่อยู่ตรงนั้นด้วย ก็เข้าข้างแฟนใหม่ (แหงล่ะ!) อารมณ์ผู้หญิงบอกเลิกแล้ว แต่ยังตัดใจไม่ได้ ยังไปวอแวกับเขาอยู่อีก</p><p style="text-align: left;">กานเฟิ่งฉือเลยได้เห็นน้ำใจของหัวหน้าแผนกก็คราวนี้ เพราะเขามาช่วยสืบจนเป็นที่ประจักษ์ว่า กานเฟิ่งฉือไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย</p><p style="text-align: left;">ขณะเดียวกันก็มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นติดๆ กัน คนร้ายคือคนเดียวกับที่สังหารแฟนเก่าของกานเฟิ่งฉือ กลายเป็นว่า ตำรวจกำลังเผชิญกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยที่ผู้ตายทั้งหมดไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย</p><p style="text-align: left;">คนแรกคือ หยวนย่วน แฟนเก่าของกานเฟิ่งฉือ ถูกฆาตกรใช้มีดแทงอย่างโหดเหี้ยม ขณะกำลังพลอดรักกับแฟนใหม่ในรถในที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง</p><p style="text-align: left;">คนที่สองคือ ทนายความหญิง ฟั่นอวิ้น ถูกฆาตกรแทงตายในบ้านของตัวเอง (คนนี้ตายก่อน หยวนย่วน แต่ตำรวจมาเจอศพที่หลัง)</p><p style="text-align: left;">คนที่สามคือ หลินเซียว เด็กมัธยม ถูกฆาตกรแทงตายขณะเดินไปโรงเรียน</p><p style="text-align: left;">ทั้งสามคนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย อยู่กันคนละที่ ไม่มีใครรู้จักกัน </p><p style="text-align: left;">หนังสือสนุกตรงที่ทำเรื่องที่ดูจะไม่เกี่ยวข้องกันให้เชื่อมร้อยโยงเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว พร้อมๆ กับขำๆ กับพฤติกรรมหลงตัวเองของหัวหน้าเซียวหลานเฉ่า และการด่าหัวหน้าในใจของกานเฟิ่งฉือ รวมถึงพฤติกรรมสายลับระดับแบบตัวอยู่ค่ายโจโฉแต่ใจอยู่ที่ดินแดนฮั่น</p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-51254248809706913142024-02-06T06:09:00.000-08:002024-02-06T06:09:30.646-08:00Missing, Presumed<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTEr6RvyerNAlplYLcHfGE8w5aatDT0WuWIToecJDBIkskGilJZ5wMthH9tlGedmDi4v_J_yBKo7wi7MAFd0PJ5YAZYbOUGpQ-kLzaejdHBmKcdujINAzWSu72fQrpu9pbHeXw0QkXCXO0rASJ9mkqXDCqZi9Cg3hgljN09Q0zW-tcCI-jNdhXMAUj9Ds/s1858/Screenshot%202024-02-06%20at%2013.38.42.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1858" data-original-width="1217" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTEr6RvyerNAlplYLcHfGE8w5aatDT0WuWIToecJDBIkskGilJZ5wMthH9tlGedmDi4v_J_yBKo7wi7MAFd0PJ5YAZYbOUGpQ-kLzaejdHBmKcdujINAzWSu72fQrpu9pbHeXw0QkXCXO0rASJ9mkqXDCqZi9Cg3hgljN09Q0zW-tcCI-jNdhXMAUj9Ds/s320/Screenshot%202024-02-06%20at%2013.38.42.jpeg" width="210" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Missing, presumed</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Susie Steiner</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : The Borough Press en HarperCollinsPublisher</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">ยืดเยื้อ น้ำท่วมทุ่ง เล่าเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวของตำรวจที่ทำคดี ซึ่งเรื่องนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับคดีเลย ทำให้นิยายเป็นเล่มหนาโดยไม่จำเป็น</p><p style="text-align: left;">เริ่มจากตำรวจได้รับแจ้งเหตุคนหาย ชื่อ Edith Hind อายุ 24 ปี หายตัวไปจากที่แฟลตพักโดยประตูบ้านเปิดอ้าไว้ ภายในมีรอยเลือด แต่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้</p><p style="text-align: left;">เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ เพราะ 1) Edith สวย 2) เก่ง กำลังเรียนปริญญาเอกที่เคมบริดจ์ 3) Edith เป็นลูกสาวคนมีชื่อเสียง พ่อของเธอคือเซอร์ Ian เป็นศัลยแพทย์ประจำตัวของราชวงศ์ด้วย </p><p style="text-align: left;">การหายตัวของเธอลึกลับ และดูเหมือนไม่มีอะไรคืบหน้าสักอย่างเลยค่ะ ไม่มีเบาะแส ไม่มีอะไรเลย ผู้คนรอบตัวเธอก็ปกติ ต่างทุกข์ใจกับการหายตัวไปของเธอกันทั้งสิ้น ไม่มีใครมีพิรุธเลย -- ผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจหมายหัวคือ Tony Wright เพราะมีประวัติเป็นอดีตนักโทษอุกฉกรรจ์ที่เพิ่งออกจากคุกก็มีที่อยู่ชัดเจนในวันเกิดเหตุ ตำรวจก็เลยเอาผิดไม่ได้</p><p style="text-align: left;">ต่อมามีการเจอศพของเด็กชายวัยรุ่น Taylor Dent ลอยมาเกยแม่น้ำ แต่ตำรวจก็หาความเชื่อมโยงระหว่าง Edith ที่หายตัวไป กับศพเด็กชายไม่ได้ ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกัน ชีวิตไม่เกี่ยวข้องกันเลย ดังนั้นสุดท้ายตำรวจก็เลยต้องแยกคดีนี้ออกเป็นสองคดี -- คดีคนหายของ Edith และคดีฆาตกรรมเด็กชาย Taylor Dent </p><p style="text-align: left;">แต่สุดท้ายแล้วทั้งหมดนี้กลับเชื่อมโยงกันอย่างคาดไม่ถึง! </p><p style="text-align: left;">พล็อตเรื่องสนุกนะคะ คาดเดาไม่ได้ -- แต่เขียนน้ำเยอะเกินไป เล่าชีวิตส่วนตัวของตำรวจที่ไม่เกี่ยวอะไรกับคดีเลย อย่าง Manon ตำรวจโสดวัย 39 ที่กำลังล่าหารถไฟขบวนสุดท้าย เพราะอยากแต่งงานมีลูก แต่ติดขัดที่ยังไม่เจอคนรู้ใจ -- แล้วก็เล่าเรื่องดราม่าชีวิตครอบครัวของเธอ เรื่องออกเดต แฟน อกหัก ฯลฯ คือไม่เกี่ยวอะไรกับคดีเลย (คาดว่า นักเขียนคงจะปูพื้นเพื่อเขียนเรื่องการสืบสวนของ Manon แบบเป็นซีรีย์ต่อไป) </p><p style="text-align: left;">หรือเรื่อง Davy ตำรวจใจดี ที่คอยเป็นโค้ชให้แก่เด็กที่มีปัญหา แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับคดีเลย และไม่เข้าใจว่านักเขียนหยิบคาแรกเตอร์ของตำรวจคนนี้มาเล่าทำไม? </p><p style="text-align: left;"><br /></p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-81906727906729436552024-01-18T16:50:00.000-08:002024-01-18T16:50:59.824-08:00The Trouble with Goats and Sheep<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjo_Cl7L_HXJ2XYZEl4sLRkM9DgYkgBjbnRECrwoPZWo22JgOCZs4X-sI1qdoly-FenNfgmLGfyUlUoBmFk-LBIg6tsJ8FHv30ryEf20zE23Yn1LgRWn5dCMNpvtdoYxZ2jVK_Nnigou6GoQd2_iF8B4UySzMAKVLsmViOCMpY073o_9n47q6Ls8kBapKY/s1852/Screenshot%202024-01-19%20at%2000.47.37.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1852" data-original-width="1215" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjo_Cl7L_HXJ2XYZEl4sLRkM9DgYkgBjbnRECrwoPZWo22JgOCZs4X-sI1qdoly-FenNfgmLGfyUlUoBmFk-LBIg6tsJ8FHv30ryEf20zE23Yn1LgRWn5dCMNpvtdoYxZ2jVK_Nnigou6GoQd2_iF8B4UySzMAKVLsmViOCMpY073o_9n47q6Ls8kBapKY/s320/Screenshot%202024-01-19%20at%2000.47.37.jpeg" width="210" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : The Trouble with Goats and Sheep</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Joanna Cannon</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : HarperCollinsPublishers</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">เป็นวรรณกรรมเยาวชนค่ะ อ่านสนุก มีเสน่ห์ในการเล่าเรื่อง ทำให้เรื่องที่ถึงแม้จะดำเนินเรื่องเรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่กลับจับความสนใจของคนอ่านได้ จนวางไม่ลง ต้องอ่านจนจบ</p><p style="text-align: left;">เรื่องเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 1976 ค่ะ ยุคสมัยที่เพื่อนบ้านยังรู้จักกัน ไปมาหาสู่กัน และจับกลุ่มทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน ผู้คนส่วนใหญ่ยังเคร่งศาสนา ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ -- เรื่องเกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอังกฤษ เป็นอะเวนิว (คล้ายๆ วงเวียน) แล้วมีบ้านตั้งรายล้อมอะเวนิวนั้น บ้านที่ตั้งรอบๆ อะเวนิวได้แก่</p><p style="text-align: left;">บ้านเลขที่ 2 -- บ้านของ Thin Brian และแม่ May Roper</p><p style="text-align: left;">บ้านเลขที่ 4 -- บ้านของ Grace Bennentt อายุ 10 ขวบ กับพ่อ Derek และแม่ Sylvia</p><p style="text-align: left;">บ้านเลขที่ 6 -- บ้านของ Dorothy Forbes และสามี Harold Forbes</p><p style="text-align: left;">บ้านเลขที่ 11 -- บ้านของ Walter Bishop</p><p style="text-align: left;">บ้านเลขที่ 8 -- บ้านของ John Creasy และภรรยา Margaret Creasy</p><p style="text-align: left;">บ้านเลขที่ 10 -- บ้านของ Eric Lamb</p><p style="text-align: left;">บ้านเลขที่ 12 -- บ้านของ Sheila Dakin กับลูกสาว Lisa และลูกชาย Keithie</p><p style="text-align: left;">บ้านเลขที่ 14 -- บ้านของ Aneesha Kapoor กับสามี Amit Kapoor และลูกชาย Shahid</p><p style="text-align: left;">เรื่องมันเริ่มจาก วันหนึ่ง Margaret Creasy จากบ้านเลขที่ 6 หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หายแบบไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลย แม้แต่รองเท้า ไม่มีจดหมาย จู่ๆ ก็หายไป</p><p style="text-align: left;">Grace กับเพื่อนรัก Tilly พยายามสืบหาว่า Mrs. Creasy หายไปไหน พร้อมกับสงสัยว่าพระเยซูเจ้าอยู่ที่ไหน เด็กทั้งสองเชื่อว่า ถ้าหาพระเยซูเจอ ทุกคนในหมู่บ้านก็จะปลอดภัย รวมถึง Mrs. Creasy ก็จะกลับมา</p><p style="text-align: left;">ตามพระคัมภีร์ (ตามที่ Grace เล่า) พวกเราทุกคนคือแกะที่ต้องการคนเลี้ยงแกะนำทาง เมื่อเวลามาถึง พระองค์จะแยกแกะและแพะออกจากกัน แกะอยู่ด้านขวาของพระองค์ และแพะอยู่ด้านซ้าย</p><p style="text-align: left;">ปัญหาคือ ใครคือแพะ และใครคือแกะ ... มันยากที่จะแยกว่าคนไหนคือคนดี และคนไหนคือคนไม่ดี </p><p style="text-align: left;">เรื่องเล่าในมุมของ Grace มีเขียนสลับบทตามแต่ละบ้านบ้าง</p><p style="text-align: left;">ในมุมคนอ่าน เราจะได้เห็นความคิดแบบเด็กๆ น่ารัก ไม่มีพิษมีภัย แต่ฉลาด มีมุมมองที่ผู้ใหญ่อย่างเราคิดไม่ถึง รวมถึงเห็นความไม่ชอบมาพากลของคนในหมู่บ้าน ดูเหมือนแต่ละคนมีความลับบ้างอย่างที่ไม่อยากพูดออกมา ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ทารกหายตัวไป และไฟไหม้บ้านเลขที่ 11 เมื่อเกือบสิบปีก่อน</p><p style="text-align: left;">สนุกค่ะ เสียแต่ตอนจบเป็นจบแบบปลายเปิด เลยไม่รู้เลยว่า Mrs. Creasy หายตัวไปทำไม หายไปโดยไม่บอกสามีด้วยซ้ำ คืออ่านจนจบ Mr. Creasy ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วหายไปไหนตั้งเป็นเดือน คือเป็นปริศนาที่หนังสือไม่ได้เฉลย คาใจอ่ะ</p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-7524625857708523882024-01-11T10:01:00.000-08:002024-01-11T10:01:47.252-08:00The Marlow Murder Club<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh68Si0Kw6p4n1s1r9tCjuQvXnbhMKi5DEDskGXB8bzEn1-EM8pBeyQczpc8VsNkq-f6RVAi3LiyP3uQ4IGqkf8XOmscvZWGIJw8QmECVv9bWnDs6adiZtQNsQ7x2he2x11vatu-slXr-vV6qPof1IjobVTr3hwBrPiAjRcGNMzVHqGK61cyGBzUnBveQk/s2160/Screenshot%202024-01-11%20at%2017.45.08.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2160" data-original-width="1620" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh68Si0Kw6p4n1s1r9tCjuQvXnbhMKi5DEDskGXB8bzEn1-EM8pBeyQczpc8VsNkq-f6RVAi3LiyP3uQ4IGqkf8XOmscvZWGIJw8QmECVv9bWnDs6adiZtQNsQ7x2he2x11vatu-slXr-vV6qPof1IjobVTr3hwBrPiAjRcGNMzVHqGK61cyGBzUnBveQk/s320/Screenshot%202024-01-11%20at%2017.45.08.jpeg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : The Marlow Murder Club</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Robert Thorogood</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : HarperCollins Publishers Ltd</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">ถ้ากำลังมองหาหนังสือสืบสวนแบบเบาๆ อ่านสบายๆ ล่ะก็ แนะนำเล่มนี้เลยค่ะ ...เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เมือง Marlow ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดแม่น้ำเทมส์ของอังกฤษ เป็นเมืองสงบเงียบ มีปัญหาอาชญากรรมน้อยมาก </p><p style="text-align: left;">Judith Potts หญิงชราวัย 77 อาศัยอยู่ตัวคนเดียวในอพาร์ทเมนต์ที่ได้รับเป็นมรดกจากป้า ถึงจะชรา แต่ยังกระฉับกระเฉง ออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำในแม่น้ำเทมส์เป็นประจำ และออกกำลังสมองด้วยการเล่นปริศนาอักษรไขว้ทุกวัน </p><p style="text-align: left;">ในวันหนึ่งของฤดูร้อน ขณะกำลังว่ายน้ำ Judith ได้เป็นพยานรู้เห็นการฆาตกรรม Stefan เพื่อนบ้านของเธอ -- Judith ไม่ได้เห็นหน้าตาคนร้าย แต่ได้ยินเสียงตะโกน และเสียงปืน จึงแจ้งตำรวจ -- ตำรวจไม่ค่อยใส่ใจเรื่องของเธอนักในตอนแรก เพราะ Marlow เป็นเมืองที่สงบมากจนไม่อยากจินตนาการว่าจะมีการฆาตกรรมกันเกิดขึ้นที่เมืองนี้</p><p style="text-align: left;">จนกระทั่งมีคนพบศพของ Stefan ค่ะ ... แต่ตำรวจก็ยังให้น้ำหนักไปทางการฆ่าตัวตายมากกว่าการฆาตกรรม </p><p style="text-align: left;">ในเมื่อตำรวจไม่เชื่อสิ่งที่เธอเล่า Judith จึงพยายามหาทางสืบสวนหาตัวคนร้ายด้วยตัวเอง (เธอว่าง และเบื่อการเล่นปริศนาอักษรไขว้บนหนังสือพิมพ์ เลยหาเรื่องแก้เซ็ง) </p><p style="text-align: left;">การสืบสวนของเธอนำไปสู่การพบเพื่อนใหม่ คือ Becks Starling ภรรยาของบาทหลวง และ Suizie Harris คนรับจ้างจูงหมาไปเดินเล่น</p><p style="text-align: left;">ตำรวจที่ไม่เช่ือคำให้การของ Judith ในตอนแรก ก็ต้องเปลี่ยนใจ เมื่อมีการฆาตกรรมอื่นๆ ตามมา โดยมีรูปแบบการสังหารแบบเดียวกัน </p><p style="text-align: left;">Stefan Dunwoody เป็นผู้ซื้อ-ขายงานศิลปะ</p><p style="text-align: left;">Iqbal Kassan เป็นคนขับรถแท็กซี่</p><p style="text-align: left;">Liz Curtis อดีตนักกีฬาพายเรือเรือเงินโอลิมปิก ผู้ผันตัวเองมารับต่อกิจการพายเรือของพ่อ </p><p style="text-align: left;">แต่ที่ตำรวจมืดไปแปดด้าน คือ ผู้ตายทั้งสามไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย และคนที่มีความขัดแย้งกับผู้ตาย ก็มีพยานรู้เห็นที่อยู่ในตอนเกิดเหตุ </p><p style="text-align: left;">-- </p><p style="text-align: left;">สนุก สำนวนดี เนื้อหาเป็นเหตุเป็นผลว่าทำไมพลเรือนสูงวัย 3 คน จึงสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับงานสืบสวนของตำรวจได้ คำอธิบายในหนังสือถูกสมเหตุสมผลดีค่ะ ตำรวจ Tanika Malik ก็นิสัยดี เป็นตำรวจแบบเปิดกว้าง "รับฟัง" ไม่มีอีโก้ว่าเป็นตำรวจแล้วรู้ดีกว่าใคร -- แต่ตอนจบ ยืดเยื้อไปนิด </p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-60566502351887990532023-12-31T17:13:00.000-08:002023-12-31T17:13:50.529-08:00Toffee<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPL5WvbRPY4s0E_zmYDmohcsEwxBnDBCUMcZGSYgTWPUu7dDvcYZNi23oL8Sk-R2B9ZeDgbZhHtvvsmkA0lFuFKILMQlrxyY7ucNKfEs33V7eReWZeG5B7BtLtHiBW9R_PMsC5-eY0jjndD5E8NO0tKDYDU8Y0c6IsVgKAz8UuNnU56l1rI_uAlCGoMDE/s2160/Screenshot%202024-01-01%20at%2001.40.53.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2160" data-original-width="1412" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPL5WvbRPY4s0E_zmYDmohcsEwxBnDBCUMcZGSYgTWPUu7dDvcYZNi23oL8Sk-R2B9ZeDgbZhHtvvsmkA0lFuFKILMQlrxyY7ucNKfEs33V7eReWZeG5B7BtLtHiBW9R_PMsC5-eY0jjndD5E8NO0tKDYDU8Y0c6IsVgKAz8UuNnU56l1rI_uAlCGoMDE/s320/Screenshot%202024-01-01%20at%2001.40.53.jpeg" width="209" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Toffee</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Sarah Crossan </p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Bloomsbury Publishing Plc</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">Allison เด็กหญิง อายุประมาณ 15-16 ปี ต้องหนีออกจากบ้านเนื่องจากโดนทำร้ายร่างกายโดยพ่อแท้ๆ ของเธอเอง </p><p style="text-align: left;">Allison เสียแม่ไปตั้งแต่เกิด และเป็นเหตุให้พ่อโทษเธอว่าเธอเป็นสาเหตุให้แม่เสียชีวิต ชื่อ Allison คือชื่อที่แม่ตั้งให้ </p><p style="text-align: left;">พ่อเลี้ยง Allison ให้ดูแลตัวเอง ทำไรเอง ทำอาหารให้ตัวพ่อและตัวเองกินเอง ดูแลบ้าน ล้างจานไรเอง ตั้งแต่เด็กๆ เลย และถ้า Allison ทำได้ไม่ดี ก็จะโดนทำร้ายร่างกาย หรือทำร้ายจิตใจ -- Allison เรียนรู้ที่จะอยู่กับพ่อประสาทแดกแบบนี้มาตั้งแต่เกิดค่ะ ทำให้กิริยาท่าทาง การพูดจาของเธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ</p><p style="text-align: left;">หลังจากแม่ตาย พ่อก็พาผู้หญิงเข้าบ้านหลายคนอยู่ แต่ไม่มีใครอยู่ได้นาน ยกเว้นคนสุดท้ายคือ Kelly-Anne เข้ามาอยู่บ้านตอน Allison อายุประมาณ 13 ปี -- ทั้งคู่เข้ากันได้ดี Kelly-Anne เป็นแม่เลี้ยงที่ดี และใส่ใจ แต่ที่ซวยคือ พ่อของ Allison ไม่ได้สันดานดีขึ้นเลย ยังคงทำร้ายจิตใจทั้งคู่ และสุดท้ายคือทำร้ายร่างกาย Kelly-Anne ทำให้ Kelly-Anne ตัดสินใจทิ้งพ่อ หนีออกจากบ้านไป -- Allison รู้ แต่ไม่สามารถห้าม Kelly-Anne ได้ และตัวเธอเองก็หนีไม่ได้ด้วย ก็เป็นเด็กอ่ะนะ เป็นลูกด้วย</p><p style="text-align: left;">พอ Kelly-Anne หนีไป พฤติกรรมของพ่อยิ่งเลวร้าย จนสุดท้ายทำร้ายร่างกาย Allison อย่างร้ายแรง จน Allison ทนไม่ไหว และหนีไปอีกคน โดย Allison ตั้งใจจะหนีไปหา Kelly-Anne ค่ะ </p><p style="text-align: left;">ระหว่างเดินทาง (ใช้บัตรเครดิตพ่อในการจ่ายค่ารถ) Allison แอบเข้าบ้านร้างหลังหนึ่ง เพื่อแอบหลับค้างคืน แต่กลายเป็นว่าบ้านหลังนั้นไม่ใช่บ้านร้าง แต่มีหญิงชรา Marla อาศัยอยู่ -- Marla เริ่มมีอาการของอัลไซเมอร์ และเข้าใจผิดว่า Allison คือ Toffee เพื่อนในวัยเด็กของเธอ</p><p style="text-align: left;">กระเป๋าเป้ของ Allison โดนขโมย โทรศัพท์หาย ทำให้ติดต่อกับ Kelly-Anne ไม่ได้ -- Allison ไม่มีที่ไป เลยทำเนียนอาศัยอยู่กับ Marla </p><p style="text-align: left;">Marla หลงๆ ลืมๆ ค่ะ คราวดีก็จำได้ว่า Allison เป็นคนแปลกหน้าบุกรุกเข้าบ้าน ...แต่คือบอกคนดูแลที่แวะมาหา เขาก็ไม่เชื่อค่ะ คือคนดูแลไม่ถือจริงจังกับคนพูดของคนเป็นอัลไซเมอร์อยู่แล้วไง</p><p style="text-align: left;">มันคือเรื่องมิตรภาพของคนสองคน คนหนึ่งอยากลืม อยากลืมสิ่งเลวร้ายที่พ่อทำกับเธอ อยากหายไปจากโลกนี้ หนีไปจากตัวตนของการเป็น Allison ส่วนอีกคนอยากจำ แต่จำไม่ได้ และถูกคนรอบข้างลืม </p><p style="text-align: left;">เป็นนิยาย feel good แต่โลกไม่สวย เขียนในมุมมองของ Allison รายเรียงคล้ายกลอน ทำให้เราต้องปะติดปะต่อเรื่องเอาเอง เพราะเป็นกลอนของ Allison เล่าเรื่องสลับกันไประหว่างภาคปัจจุบันที่แอบอยู่บ้าน Marla กับภาคอดีตตอนอาศัยอยู่กับพ่อ</p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-91648061726150172792023-12-06T14:34:00.000-08:002023-12-06T14:34:58.940-08:00Really good, actually<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjSq1EEHOVMhcTQfWhK3vqhZ8AM1F_zchkJ5TljOlGIxJHUs6sI9pXx3ONzzoYR0CUZQENWhgA-vh0Q3CnwRZ-gI9VsbZK8ybp6yMEBoKqheXyZmWQG2plj7NqnqgAn-xiZWhgeZNSmjEDE9hvVFOapOK3NZinMQcFJ6I4PUKv_FFYjgQV5CpJ3AjBDnoU/s1862/Screenshot%202023-12-06%20at%2022.48.14.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1862" data-original-width="1148" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjSq1EEHOVMhcTQfWhK3vqhZ8AM1F_zchkJ5TljOlGIxJHUs6sI9pXx3ONzzoYR0CUZQENWhgA-vh0Q3CnwRZ-gI9VsbZK8ybp6yMEBoKqheXyZmWQG2plj7NqnqgAn-xiZWhgeZNSmjEDE9hvVFOapOK3NZinMQcFJ6I4PUKv_FFYjgQV5CpJ3AjBDnoU/s320/Screenshot%202023-12-06%20at%2022.48.14.jpeg" width="197" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : really good, actually</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Monica Heisey</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : HarperCollinsPublishers</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">Maggie ในวัย 28 ปี กำลังอยู่ในช่วงหย่ากับสามี Jon, ที่น่าเศร้าคือ Maggie กับ Jon เป็นเพื่อนกัน เป็นแฟนกันมาตั้งแต่สมัยปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย เรียนจบก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เป็นแฟนกัน 6 ปี จนตัดสินใจแต่งงานกัน ... แต่แต่งงานกันได้แค่ 608 วัน ชีวิตแต่งงานก็ล่มลง กลายเป็นว่าชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยา สั้นกว่าตอนเป็นแฟนกันเสียอีก</p><p style="text-align: left;">คนสองคนถึงคราวจะเลิกกัน มันไม่มีเรื่องไหนเด่นเป็นเรื่องที่ถึงขั้นต้องเลิกหรอกค่ะ มันคือสิ่งละอันพันละน้อยสะสม ไม่พอใจสะสมกันเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ (ในกรณีนี้) Maggie เป็นคนบอก Jon ว่าเราเลิกกันเถอะ ซึ่ง Jon ก็ไม่คัดค้านอะไร ขนของกับแมวออกจากบ้านโดยดี และไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ทิ้ง Maggie ไว้กับความเสียใจ </p><p style="text-align: left;">หนังสือเล่าในมุมของ Maggie เท่านั้นค่ะ เหมือนเป็นไดอารี่ความคิดของ Maggie ... และเนื่องจากหนังสือเล่าเพียงด้านของ Maggie เท่านั้น เราจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคู่นี้ </p><p style="text-align: left;">Maggie รู้สึกแย่ เพราะเธอเป็นคนแรกในกลุ่มที่แต่งงานก่อนคนอื่น แต่งกับแฟน ซึ่งใครๆ ก็ว่าเหมาะสมกันดี ทุกอย่างดีไปหมด แต่จู่ๆ มารู้ตัวอีกที เธอก็กลายเป็นผู้หญิงที่ต้องหย่าตั้งแต่อายุยังน้อยเสียแล้ว</p><p style="text-align: left;">ถึงแม้จะเสียใจ เสียศูนย์ แต่ Maggie ก็ยังคิดว่าตัวเองโอเคอยู่ ถึงแม้เพื่อนจะแนะนำหนังสือให้อ่าน หรือแนะนำนักจิตบำบัดดีๆ ให้ แต่ Maggie มองว่าสำหรับเธอแล้วไม่จำเป็น เธอโอเค (สมชื่อหนังสือค่ะ really good, actually) ถึงขั้นคิดว่าคนที่ต้องพบนักจิตบำบัดคืออดีตสามี ใจดีถึงขนาดนัดนักจิตบำบัดเพื่อคุยเรื่องบำบัดชีวิตคู่ระหว่างเธอกับสามี (อารมณ์เพื่อการจากกันด้วยดีน่ะค่ะ) และ Maggie มองว่า Jon คือคนที่มีปัญหาในชีวิตคู่ ควรได้รับการปรับทัศนคติ </p><p style="text-align: left;">อ่านๆ ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้สึกว่า Maggie เป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยยากอ่ะ คือแบบสนุก เป็นมิตร แบบคบผิวเผินน่ะน่ารักดี แต่เธอคนข้างเจ้าอารมณ์ ปากไม่มีหูรูด และคิดแต่เรื่องของตัวเอง...คือถ้าเทียบการหย่าของเธอกับเพื่อนรอบตัว เธอไม่ได้ดูประหลาดอะไรเลยอ่ะ พ่อแม่ของเธอก็หย่ากัน เพื่อนสนิทของเธอก็โสดกันทุกคน ถ้าเธอจะกลับมาโสดอีกครั้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเลย ถ้าเพื่อนสนิททุกคนมีครอบครัว มีลูกนี่สิ ก็ว่าไปอย่าง ... แต่นั่นแหละ Maggie มองเรื่องของตัวเองสำคัญ</p><p style="text-align: left;">เพราะ Maggie เสียใจ (ถึงแสร้งว่าโอเคก็เถอะ) นิสัยของ Maggie ที่อยู่ด้วยยากอยู่แล้ว ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เธอพยามมูฟออน ด้วยการนัดเดตคนโน่นคนนี้ โหลดแอปเดต ทำกิจกรรมต่างๆ ช้อปป้ิงแหลก ฯลฯ </p><p style="text-align: left;">เป็นหนังสือที่แต่งได้ดีเลยล่ะค่ะ ถึงแม้เราอ่านแล้วเราจะไม่ชอบนิสัยบางอย่างของ Maggie แต่ก็สะท้อนว่านิสัยบางอย่างของเธอ เราก็เป็น ... หนังสือเล่าการผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากทางอารมณ์ของ Maggie อย่างช้าๆ เธอพยายามฟื้นต้วเอง พยายามกลับมารักตัวเองอีกครั้ง กลับมานับถือตัวเองอีกครั้ง และก้าวเดินในชีวิตต่อไป </p><p style="text-align: left;">สนุกนะคะ มุกตลกบางอย่างก็ขำดี แต่มุกที่ Maggie ยิงใส่คนอื่น ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นในนิยายถึงขำ บางมุกเราก็ไม่เข้าใจ บางมุกเข้าใจแต่ไม่รู้สึกขำ ...หนังสือเล่าแบบ slice of life นะคะ ไม่ได้มีพีก เหมือนชีวิตจริงของคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยู่ในช่วงยากลำบาก ช่วงกำลังเสียใจ และพยายามก้าวผ่านช่วงเวลานั้นให้ได้ ...</p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-26459743387632486232023-12-04T05:56:00.000-08:002023-12-04T05:56:23.799-08:00The Bone Hacker<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgbYISjm15rI4O8R8Sfne0nv8JwkvfG05VCYwHsxviwZMbvqRL5Jk7f3v-q8jYDS59rvU6fhIcd4D9txHi3G5WvjccgAxadKg0dCKdVypFX4PrrzAeh5RNYOgOyML0fOcLBZp04VRwgB2dTpy80AagIxOSsKATp6dDkZGERuwJDqz54Ij4_jr0HWGwbJ-c/s1858/the%20bone%20hacker.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1858" data-original-width="1202" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgbYISjm15rI4O8R8Sfne0nv8JwkvfG05VCYwHsxviwZMbvqRL5Jk7f3v-q8jYDS59rvU6fhIcd4D9txHi3G5WvjccgAxadKg0dCKdVypFX4PrrzAeh5RNYOgOyML0fOcLBZp04VRwgB2dTpy80AagIxOSsKATp6dDkZGERuwJDqz54Ij4_jr0HWGwbJ-c/s320/the%20bone%20hacker.jpeg" width="207" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : The Bone Hacker</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Kathy Reichs</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Simon & Schuster UK Ltd, 2013</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;"> ตัวเอกของเรื่องคือ Dr. Temperance Brennan เป็น anthropologie judiciaire คือเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกระดูกของมนุษย์ เธอจะทำงานร่วมกับหมอนิติเวช เวลาเจอศพที่เสียชีวิตไปนานแล้ว จนยากที่จะหาสาเหตุการเสียชีวิตจากเนื้อเยื่อได้ ศพอาจจะเหลือแต่กระดูก หรือกำลังเน่า เธอก็จะมีหน้าที่หาความกระจ่างในการเสียชีวิตของเหยื่อจากโครงกระดูกค่ะ</p><p style="text-align: left;">Brennan ทำงานที่มอนทรีออล แคนาดา และมีคดีชายวัยรุ่นจากหมู่เกาะเติกส์แอนด์เคคอสถูกยิงตายที่พื้นที่รับผิดชอบของเธอน่ะค่ะ Brennan เลยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกาะนั้น แต่กลายเป็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกาะนั้นให้ความสนใจกับคดีนี้อย่างมาก ถึงขั้นบินมาแคนาดาเพื่อติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ...เป็นที่น่าแปลกใจมากค่ะ เพราะผู้ตายไม่ได้เป็นที่รู้จักอะไร เป็นแค่เด็กวัยรุ่นมีปัญหาเท่านั้น </p><p style="text-align: left;">สุดท้ายก็มาเฉลยว่า นักสืบ Musgrove จากเกาะเติกส์แอนด์เคคอสมีเจตนาต้องการให้ Brennan ช่วยในการสืบคดีนักท่องเที่ยวหายตัว และเสียชีวิตที่เกาะ ซึ่งน่าสงสัยว่าเกิดจากฝีมือฆาตกรต่อเนื่องค่ะ</p><p style="text-align: left;">นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่เกาะแล้วหายไปคือ</p><p style="text-align: left;">- Robert Galloway หายไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เจอศพแล้ว</p><p style="text-align: left;">- Ryder Palke หายตัวไปเมื่อ 4 ปีก่อน </p><p style="text-align: left;">- Quentin Bonner หายตัวไปเมื่อ 2 ปีก่อน</p><p style="text-align: left;">และเมื่อไม่กี่วันมานี้ มีคนเจอศพเป็นโครงกระดูกสองศพที่เกาะน่ะค่ะ แต่บังเอิญว่าที่เกาะไม่มีนักมานุษยวิทยาแบบ Dr. Brennan เลย ดังนั้นจึงยากที่จะบอกได้ว่าสองโครงกระดูกที่เจอนั้นคือนักท่องเที่ยวที่หายไปหรือไม่ และพวกเขาตายด้วยสาเหตุใด -- พอดีประจวบเหมาะที่ Brennan โทรมาแจ้งเรื่องคนในเกาะเสียชีวิตที่มอนทรีออลพอดี นักสืบ Musgrove จึงถือโอกาสนี้มาชวน Brennan ให้ช่วยสืบคดีนี้ด้วยตัวเอง ซึ่ง Brennan ก็ตกลง</p><p style="text-align: left;">ปรากฎว่า โครงกระดูกสองศพที่เจอ เป็นของนักท่องเที่ยวที่หายไปจริงๆ ที่แปลกคือมือด้านซ้ายของทั้งสองศพถูกตัดหายไป (ฆาตกรเก็บไป?) </p><p style="text-align: left;">ระหว่างนั้น ที่เกาะก็มีอีกคดี มีคนพบเรือนักท่องเที่ยวลอยกลางทะเล ผู้โดยสารในเรือทั้ง 4 คนเสียชีวิต การเสียชีวิตเกิดจากการขาดน้ำ หลงทางกลางทะเลจนขาดน้ำตายน่ะค่ะ ...ที่แปลกคือทำไมไม่มีใครในเรือส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ? อุปกรณ์ในการนำทางก็ดูไม่มีปัญหา ทำไมจึงหลงทางได้?</p><p style="text-align: left;">นอกจากนี้ที่เกาะก็ยังมีอีกคดี เจ้าหน้าที่พิเศษ FBI มาหายตัวไปที่เกาะ ...FBI มาทำอะไรที่เกาะนี้? รูปแบบการหายตัวไปของเจ้าหน้าที่ก็ดันไปกลายกับการหายตัวไปของนักท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ...ฤาฆาตกรจะเริ่มลงมืออีกครั้ง?</p><p style="text-align: left;"> และในระหว่างที่กำลังไขคดีกันอยู่นั้น นักสืบ Musgrove ก็มาโดนฆาตกรรมเสียชีวิต ทิ้งให้ Brennan ต้องสืบสวนกับนักสืบคนใหม่ หาสาเหตุการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยว และการเสียชีวิตของ Musgrove ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกัน?</p><p style="text-align: left;">---</p><p style="text-align: left;">สนุกพอประมาณค่ะ หนังสือใช้ตัวย่อของหน่วยงานต่างๆ เยอะเกินไป คดีก็เยอะ บางคดีก็ไม่เกี่ยวกับการสืบสวนในหนังสือเลย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำงานเท่านั้น ในอีกด้านมันก็ดูเรียล ในแง่ที่ชีวิตจริงของผู้ทำงานเกี่ยวกับกฎหมาย มักต้องติดต่อพัวพันกับหน่วยงานทางด้านกฎหมายอื่นๆ หลายหน่วยงาน ...แต่พอเป็นหนังสือเขียนให้คนอ่านที่ไม่มีพื้นด้านนี้มาก่อนเลย อ่านแล้วจะงง </p><p style="text-align: left;">ตอนจบก็สรุปรวบรัดเกินไป คือกำลังสนุก เฉลยแล้วกลายเป็นว่าทุกอย่างพัวพันกันหมดเลย เขียนมา 34 บท เฉลยทุกอย่างบทที่ 35 บทเดียวงี้ มันดูรวบรัดและดูง่ายเกินไป ดูบังเอิญเกินไปที่ทุกอย่างพัวพันกันไปเสียหมด</p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-626970866146208752023-11-18T08:24:00.000-08:002023-11-18T08:24:58.300-08:00The Last Thing He Told Me<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjtGfl6Z4FA-OzA3s-CD9RJGLZCmkXXBMFjX9eDs5w9zNAfeOji15hhmh5xdoQ9RiQg_-jRXxUNMGYPVNb9HH-am90udGFAVYoI7cfumZTxlmdbgefhj6YiV2v9-oDrk739k9hLVWRXPGrZTh-YK8gqEQJBmuHpe3gus0Q8isFJGvaqPXBRyJIGliHjXwE/s1866/IMG_BAEAB4E77EED-1.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1866" data-original-width="1224" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjtGfl6Z4FA-OzA3s-CD9RJGLZCmkXXBMFjX9eDs5w9zNAfeOji15hhmh5xdoQ9RiQg_-jRXxUNMGYPVNb9HH-am90udGFAVYoI7cfumZTxlmdbgefhj6YiV2v9-oDrk739k9hLVWRXPGrZTh-YK8gqEQJBmuHpe3gus0Q8isFJGvaqPXBRyJIGliHjXwE/s320/IMG_BAEAB4E77EED-1.jpeg" width="210" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : The Last Thing He Told Me</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Laura Dave</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Simon & Schuster</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">Hannah แต่งงานกับ Owen มาสองปีแล้วค่ะ Owen เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว มีลูกสาววัยรุ่นชื่อ Bailey -- ชีวิตแต่งงานมีความสุขดี Hannah ทำงานเป็นช่างไม้เพื่อศิลปะ (woonturner) ในขณะที่ Owen ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทสตาร์ทอัพกำลังรุ่งแห่งหนึ่ง ปัญหาเดียวที่ Hannah มีคือ เคมีไม่เข้ากับลูกเลี้ยงคือ Bailey ค่ะ</p><p style="text-align: left;">แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแวะมาหาที่ที่ทำงานของ Hannah พร้อมยื่นกระดาษโน๊ตลายมือของ Owen กระดาษแผ่นนั้นเขียนแค่ข้อความสั้นๆ ว่า "Protect her" -- แล้ว Owen ก็หายไป หายไปเลย ไม่กลับบ้าน ติดต่อไม่ได้ หายยยย</p><p style="text-align: left;">เนื่องจากบริษัทที่ Owen ทำงานด้วยนั้น กลายเป็นข่าวระดับประเทศจากการฉ้อโกงเงินนักลงทุน เจ้าของบริษัทโดนจับ และนักลงทุนต่างโกรธแค้น ในขณะที่ Owen ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายโปรแกรมเมอร์ ดังนั้นหลายคนจึงคิดว่าที่ Owen หายตัวไปน่าจะเป็นเพราะกลัวโดนตำรวจจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าของบริษัทฉ้อโกงประชาชน</p><p style="text-align: left;">แต่กลายเป็นว่า สาเหตุที่ Owen หายไปนั้นมาจากเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นมาก มากกว่าเพราะกลัวตกเป็นผู้ตกสงสัยมาก ... ยิ่ง Hannah พยายามตามหาว่า Owen อยู่ไหน ก็ยิ่งพบว่า เธอแทบไม่รู้อดีตของ Owen เลย เรื่องที่ Owen เคยเล่า ...กลายเป็นเรื่องแต่ง แม้แต่ชื่อ Owen ก็ไม่มีอยู่จริงด้วยซ้ำ ... แต่เรื่องจริงคือ Owen พาลูกสาว Bailey หนีอะไรบางอย่าง ตั้งแต่ Bailey ยังเล็กมาก ดังนั้น Bailey จึงช็อคมากค่ะ เมื่อเธอพบว่า จริงๆ แล้ว เธออาจจะไม่ได้ชื่อ Bailey ด้วยซ้ำ หรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับแม่ของเธอที่พ่อเล่าให้ฟังนั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้</p><p style="text-align: left;">Bailey และแม่เลี้ยงเลยต้องสงบศึกกันชั่วคราว เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับอดีตของเธอและพ่อของเธอที่เมือง Austin ที่ๆ คาดว่าพ่อเคยเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองนี้</p><p style="text-align: left;">เล่มนี้อาจสนุกใช้ได้ค่ะ เหตุผลที่ Owen ต้องหนีก็สมเหตุสมผล ...เหตุผลที่ Hannah พยายามปกป้อง Bailey อย่างดี ทั้งๆที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ และ Bailey ก็นิสัยแย่กับเธอ ก็สมเหตุสมผล สมกับพื้นหลังทางครอบครัวที่ Hannah เติบโตมา ... Hannah จัดว่าเป็นแม่เลี้ยงตัวอย่างมากค่ะ เป็นคนใจเย็นสมกับเป็นช่างไม้ ใจเย็นกับ Bailey มาก และปล่อยให้ Bailey เติบโตในทิศทางที่เธอเลือกเอง ถือว่าเป็นความรักที่สมเหตุสมผลอีกแบบ และในที่สุด Bailey ก็รับรู้ถึงความรักที่ Hannah มอบให้ </p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-84459515760653797462023-10-30T15:30:00.001-07:002023-10-30T15:30:17.174-07:00โกหก "น่า" ตาย<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHi4i7xbxaNfe3GHS1BQj4QUPKn3XwojkiL3z4Zz6EMW2-kJ9LHiJXYvPeHdtjl69lt0vvMu5BMscAqRNBuqd3MCJpIbqKS2x6dT2xt_rY2rlqSxWYxw4xP4bGlr7T2MnH5Q4emWunyOQSP9tVbau4pQ85FGVIoA4-xNfnCG440gFJEtIPnrT6Jy-az0U/s4080/20231030_225526.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="4080" data-original-width="3060" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgHi4i7xbxaNfe3GHS1BQj4QUPKn3XwojkiL3z4Zz6EMW2-kJ9LHiJXYvPeHdtjl69lt0vvMu5BMscAqRNBuqd3MCJpIbqKS2x6dT2xt_rY2rlqSxWYxw4xP4bGlr7T2MnH5Q4emWunyOQSP9tVbau4pQ85FGVIoA4-xNfnCG440gFJEtIPnrT6Jy-az0U/s320/20231030_225526.jpg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : โกหก "น่า" ตาย</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : ฮิงาชิโนะ เคโงะ</p><p style="text-align: center;">ผู้แปล : เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : ไดฟุกุ บริษัท บุ๊ค ไทม์ จำกัด</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">เป็นเรื่องสั้นค่ะ มีทั้งหมด 5 เรื่องด้วยกัน เป็นการสืบสวนคดีของนายตำรวจคางะ เคียวอิจิโร่ -- ถึงแม้ผู้แต่งจะคนเดียวกันกับหนังสือสืบสวนชุดกาลิเลโอ แต่ให้ความรู้สึกคนละอารมณ์กัน กาลิเลโอจะออกแนวแฟนตาซีกว่า แต่เล่มนี้จะคล้ายกับคดีฆาตกรรมในชีวิตจริงมากกว่าค่ะ</p><p style="text-align: left;">เรื่องที่ 1 - โกหกอีกแค่ครั้งเดียว</p><p style="text-align: left;">อดีตนักเต้นบัลเล่ต์ถูกพบตกตึกจากห้องพักบนชั้นเจ็ดเสียชีวิต รูปการเหมือนการฆ่าตัวตาย แต่กลายกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ...เรื่องทั้งหมดมีที่มาจากการโกหกครั้งแรกแค่ครั้งเดียว และเพื่อปกปิดการโกหกในครั้งนั้น ก็เลยจำต้องโกหกให้มากขึ้นไปอีกๆ ...จนสุดท้ายจบด้วยโศกนาฏกรรม</p><p style="text-align: left;">เรื่องที่ 2 - ไฟเย็น</p><p style="text-align: left;">พ่อผู้กลับบ้านหลังเลิกงาน เมื่อถึงบ้าน กลับพบว่าภรรยาเสียชีวิต และลูกชายอายุหนึ่งขวบหายตัวไป -- ดูเหมือนมีคนบุกรุกขโมยของ สังหารผู้หญิงเจ้าของบ้าน และลักพาตัวเด็กน้อยไป ... แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ครอบครัวที่ดูเหมือนอบอุ่น กลับมีเบื้องหลังที่เย็นชา</p><p style="text-align: left;">เรื่องที่ 3 - ฝันที่สอง</p><p style="text-align: left;">คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเลิกงานกลับบ้าน เพื่อพบว่าบ้านโดนรื้อค้น และพบศพแฟนคนใหม่เสียชีวิตอยู่ในห้อง -- เรื่องนี้รู้สึกว่าแรงจูงใจของฆาตกรไม่มากพอค่ะ มันจะพีกกว่านี้ ถ้ามีเรื่องของการพยายามล่วงละเมิดเข้ามาด้วย เพราะพบศพผู้ตายในห้องของลูกสาว คือถ้าจะมานอนรอแฟน ก็ทำไมไม่รอที่ห้องแฟนล่ะ มารอที่ห้องเด็กทำไม</p><p style="text-align: left;">เรื่องที่ 4 - การคำนวณรวน</p><p style="text-align: left;">ภรรยาผู้โศกเศร้ากับการจากไปของสามีด้วยอุบัติเหตุอย่างกระทันหัน ในขณะเดียวกันสถาปนิกผู้เคยออกแบบบ้านให้พวกเขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับในวันเดียวกัน สองคดีนี้เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันค่ะ การเลือกคนผิดและพันธะสมรสที่สลัดหลุดไม่ง่าย -- เราชอบเรื่องนี้ที่สุดในเล่มค่ะ หักมุมดี</p><p style="text-align: left;">เรื่องที่ 5 - คำเตือนของเพื่อน</p><p style="text-align: left;">เรื่องนี้ไม่มีคนตาย แค่ "เกือบ" ...เมื่อ ฮางิวาระ ทามตสึ เพื่อนของคุณตำรวจคางะประสบอุบัติเหตุ ขับรถหลับในชนกำแพงข้างทางด่วน คางะซึ่งรู้จักเพื่อนของตนดี ไม่เชื่อว่าเพื่อนของเขาจะขับรถหลับใน และด้วยสังหรณ์ของตำรวจ เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของคนใกล้ชิดของทามตสึ พฤติกรรมที่ผิดวิสัย จึงนำไปสู่การหาหลักฐาน และบอกสิ่งที่เขาระแวงให้แก่เพื่อนทราบ .... เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า จิตคนยากแท้หยั่งถึงเนอะ </p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-63630768078442631612023-10-30T05:36:00.001-07:002023-10-30T05:36:14.904-07:00คิสเดอะเกิร์ล Kiss the girls<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8R0g-zcD2SpXyV70zO44dUqWUt68uiDvWqhNAgnLBWPWsMVlec6QYwWNcF80Wqit86H1TRNS4Gv9uhcMCW_HLW1406zmWuhIWG43DCnCD6jN_WsIFHKZjSq0yWBQpzFU7F5gXEoZDkBxvLGJj_gm_qc_rII6t-6SzaPbDS_u8n6dkQW7PqJiHpZqplaM/s4080/20231030_125727.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="4080" data-original-width="3060" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8R0g-zcD2SpXyV70zO44dUqWUt68uiDvWqhNAgnLBWPWsMVlec6QYwWNcF80Wqit86H1TRNS4Gv9uhcMCW_HLW1406zmWuhIWG43DCnCD6jN_WsIFHKZjSq0yWBQpzFU7F5gXEoZDkBxvLGJj_gm_qc_rII6t-6SzaPbDS_u8n6dkQW7PqJiHpZqplaM/s320/20231030_125727.jpg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : คิสเดอะเกิร์ล (Kiss the girls)</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : James Patterson</p><p style="text-align: center;">ผู้แปล : สุวิทย์ ขาวปลอด</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : วรรณวิภา</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">สนุกค่ะ อ่านเสียงานเสียการ อ่านวางไม่ลง เพราะอยากรู้ว่าฆาตกรคือใครกันแน่ </p><p style="text-align: left;">อ่านงานแปลของคุณสุวิทย์ ขาวปลอดมาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ สำนวนแปลที่คุ้นเคย สุวิทย์เหมาะกับการแปลนิยายแอคชั่นมากค่ะ สำนวนการเขียนทำให้คนอ่านอยากเราจินตนาการภาพในหัว เหมือนกำลังดูหนังแอคชั่นมันส์ๆ เรื่องหนึ่งเลยค่ะ</p><p style="text-align: left;">เรื่องนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ย์สืบสวนคลี่คลายคดีของ ดร.อเล็กซ์ ครอส จิตแพทย์ที่เป็นนักสืบ -- คดีนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เมื่อหลานสาวของ ดร.ครอส หายตัวไปในขณะกำลังเรียนที่มหาวิทยาลัยดุ๊ก ดังนั้น ดร.ครอส กับคู่หูเลยต้องเดินทางจากวอชิงตัน ดีซี ไปฟลอริดา เพื่อถามหาความคืบหน้าของคดีค่ะ</p><p style="text-align: left;">พอไปถึง กลายเป็นว่า เรื่องมันใหญ่กว่าที่คิด คือดูเหมือนไม่ใช่แค่ นาโอมิ หลานสาวของ ดร.ครอส เท่านั้นที่หายตัวไป แต่ในพื้นที่นั้น มีเด็กสาวหายตัวไปหลายคน และต่อมามีการพบศพสภาพถูกทารุณของเด็กสาวที่ถูกลักพาตัวไปบางคนในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ทำให้รู้สึกเหมือนว่า ตำรวจกำลังเผชิญกับฆาตกรต่อเนื่องทำสะสมลักพาตัวสาวๆ ไปเก็บเป็นฮาเร็มส่วนตัว</p><p style="text-align: left;">ฆาตกรส่งข้อความถึงตำรวจ และเรียกตัวเองว่า "คาสสาโนวา"</p><p style="text-align: left;">หนึ่งในเหยื่อที่ฆาตกรสตอร์คเกอร์ตามติด และหมายหัวจะลักพาตัวคือ ดร.เคต เป็นแพทย์ฝึกหัด -- เธอถูกลักพาตัวในที่สุด ถูกทรมาน แต่แข็งแกร่งจนหนีออกมาได้ในสภาพยับเยิน แต่ก็สู้จนกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และร่วมกับ ดร.ครอส ช่วยกันหาตัวคนร้าย</p><p style="text-align: left;">ในขณะที่อีกด้านหนึ่งของประเทศ ที่นอร์ธแคโรไลนา ก็มีฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตกำลังอาละวาด มันฆ่าทรมานเด็กผู้หญิง และทิ้งศพไว้ โดยตัดอวัยวะบางส่วนของเหยื่อออกไปเพื่อเก็บเป็นที่ระลึก ฆาตกรรายนี้ส่งจดหมายบรรยายการกระทำของมัน และบังคับให้หนังสือพิมพ์ลงจดหมายที่มันเขียน โดยขู่ว่าไม่อย่างนั้นจะมีเหยื่อรายต่อไป มันเรียกตัวมันเองว่า "เจนเติ้ลแมนคอลเลอร์"</p><p style="text-align: left;">ที่ลุ้นคือ ดร.ครอส จะไขปริศนาได้อย่างไรว่า ฆาตกรทั้งคู่เชื่อมโยงกันได้อย่างไร มันกลายมาเป็นคู่หูกันได้อย่างไร และใครคือฆาตกรทั้งสองรายนี้ -- ใบ้ว่า จากคำให้การของ ดร.เคต เธอคิดว่า ฆาตกรที่จับเธอไปนั้น ร่างกายแข็งแรงมาก แข็งแกร่งกว่าเธอที่ได้คาราเต้สายดำเสียอีก และดูเหมือนจะมีความรู้ทางการแพทย์ เพราะเธอโดนฉีดยาหลายขนาน ทำให้เห็นภาพหลอน ทำให้อ่อนแอ ซึ่งยาพวกนี้ คนฉีดจะต้องมีความรู้ทางการแพทย์จึงจะสามารถฉีดให้ในปริมาณที่เหมาะสมได้ ไม่งั้นจะเป็นการฆ่าเหยื่อไปเสีย</p><p style="text-align: left;"><br /></p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-44715993315886247732023-10-28T17:23:00.001-07:002023-10-28T17:23:25.543-07:00ฆาตกรบ้านพักคนตาย<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgeMIrfA3P6Dqnfp_CNDRktnRY2ybUXVnJgt_znyMLu-chHsxv1a5fy8EiR7slpwVtDJuaVYiuXirGeLIpHznmXQ6wNCf_cqCeVCRbjznh0WVt1YUxvBIYa8T1M8L1NZd6Nd9we3OlYnjukkrvbz8Z1wTxj94Q7aa__lLf-RMP2vN0gY7hoFy7kw8VvP5s/s4080/20231029_013848.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="4080" data-original-width="3060" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgeMIrfA3P6Dqnfp_CNDRktnRY2ybUXVnJgt_znyMLu-chHsxv1a5fy8EiR7slpwVtDJuaVYiuXirGeLIpHznmXQ6wNCf_cqCeVCRbjznh0WVt1YUxvBIYa8T1M8L1NZd6Nd9we3OlYnjukkrvbz8Z1wTxj94Q7aa__lLf-RMP2vN0gY7hoFy7kw8VvP5s/s320/20231029_013848.jpg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : ฆาตกรบ้านพักคนตาย</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : อิมามุระ มาชาฮิโระ</p><p style="text-align: center;">ผู้แปล : Kantie JK Takahashi</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : ไดฟุกุ ครีเอเตอร์</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">เป็นนิยายที่ให้อารมณ์เหมือนอ่านโคนันฉบับนิยายค่ะ เป็นนิยายสืบสวนแฟนตาซี เรื่องเกี่ยวกับซอมบี้ + ฆาตกรรมในห้องปิดตาย</p><p style="text-align: left;">เรื่องเล่าในมุมของ ฮามุระ ยูซุรุ ที่เป็นสมาชิกชมรมคนรักเรื่องลึกลับ ที่ได้ตามลูกพี่ และเคนซากิ ฮิรุโกะ ไปเข้าค่ายพักร้อนร่วมกับสมาชิกในชมรมวิจัยภาพยนตร์ </p><p style="text-align: left;">เบ็ดเสร็จคือมีนักศึกษามาร่วมค่ายพักร้อนครั้งนี้สิบคน มีรุ่นพี่สามคน (หนึ่งในรุ่นพี่เป็นเจ้าของบ้านพักต่างอากาศแห่งนี้) และก็มีคุณคันโนะ ที่เป็นคนดูแลสถานที่อีกคน รวมตัวละครทั้งหมด 14 คนค่ะ</p><p style="text-align: left;">ทั้งหมดพักอยู่ในบ้านพักตากอากาศติดทะเลสาบ ไม่ไกลจากที่พัก มีการจัดงานคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ และก็เกิดเหตุขึ้น มีคนเอาเชื้อซอมบี้มาปล่อย ทำให้ทุกคนในงานคอนเสิร์ตกลายเป็นซอมบี้ อาละวาดไปทั่ว </p><p style="text-align: left;">ซีนแรกคือ ทุกคนต้องหนีซอมบี้ ก็ตายไปส่วนหนึ่ง -- เหลือรอดมาสิบคน </p><p style="text-align: left;">ทุกคนจึงต้องขังตัวอยู่แต่ในบ้านพักบนชั้นสองและชั้นสาม ในขณะที่ชั้นหนึ่งมีฝูงซอมบี้เฝ้าอยู่ -- อินเตอรเ์น็ตโดนตัด โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ไม่มีสัญญาณ แม้กระทั่งโทรศัพท์บ้านก็โดนตัด ทำให้ทุกคนในบ้านไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากภายนอกได้ แต่น้ำประปา ไฟฟ้ายังคงใช้ได้ตามปกติ คนในบ้านยังสามารถรับรู้ข่าวสารโลกภายนอกได้จากทางโทรทัศน์ </p><p style="text-align: left;">ขณะที่กำลังระทึกขวัญกับการเอาตัวให้รอดจากฝูงซอมบี้อยู่นั้น ก็เกิดการฆาตกรรมขึ้น เห็นได้ชัดว่า ฆาตกรคือใครสักคนในบ้านหลังนั้น </p><p style="text-align: left;">ฮามุระ กับเคนซากิ ก็เลยต้องช่วยกันสืบสวนหาคนร้าย ซึ่งดูเหมือนเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับจดหมายขู่ และเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว </p><p style="text-align: left;">---</p><p style="text-align: left;">คืออยากจะบ่นว่า ตัวละครเยอะเกินไป แถมเป็นชื่อภาษาญี่ปุ่นด้วย จำยาก คนญี่ปุ่นก็สุภาพ บางครั้งก็เรียกด้วยชื่อ บางครั้งก็เรียกด้วยนามสกุล ทำให้สับสนว่าคือใคร </p><p style="text-align: left;">เนื่องด้วยตัวละครเยอะจัด ทำให้ยากที่จะคุมให้ทุกคนมีบทบาทเท่ากันในซีนๆ หนึ่ง เช่น ตอนที่ทั้งคณะยกกองกันไปถ่ายทำภาพยนตร์สั้นในตึกร้าง นางเอก-เคนซากิ ฮิรุโกะก็ไปกับเขาด้วย แต่ในบทนั้นไม่กล่าวถึงเธอเลย ไม่เล่าด้วยว่าเธอทำหน้าที่ช่วยอะไรในกอง หรือแม้กระทั่งตอนที่พระเอกเถียงกันกับสมาชิกในกลุ่มเรื่องบันทึกที่เจอในตึกร้าง นางเอกก็หายไปจากฉากโดยสมบูรณ์ ไม่มีเขียนถึงเลย </p><p style="text-align: left;">แรงจูงใจในการฆาตกรรมก็บิดเบี้ยวเกินไป คือแก้แค้นในรุ่นพี่ ...แต่คือรุ่นพี่ไง ถึงรักผูกพันก็เถอะ แต่ก็เป็นแค่รุ่นพี่นะ แก้แค้นถึงขั้นฆาตกรรมต่อเนื่อง มันดูจะสุดโด่งเกินไป ส่วนตัวแล้วมองว่าแรงจูงใจไม่เข้มพอ ที่มาของนางเอกเคนซากิ ฮิรุโกะก็คลุมเครือ รู้แค่ว่าเป็นลูกคนรวย แต่มีความซวยแบบโคนัน คือชะตาดึงดูดเหตุฆาตกรรม ไปไหนก็ต้องมีใครตาย แต่หนังสือไม่ได้อธิบายว่าทำไมจึงเป็นแบบนั้น บุคลิกของนางเอกก็ไม่โดดเด่นชัดเจน </p><p style="text-align: left;">สรุปคืออ่านได้สนุกๆ ค่ะ อารมณ์เหมือนอ่านโคนันภาคนิยายน่ะค่ะ</p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-49260694118370078282023-10-27T16:08:00.003-07:002023-10-27T16:08:22.246-07:00กาลิเลโอไขคดีสืบวิญญาณ<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRsUwKuYS_AfBhEDbf5W7cimTBJD1KGmcjQflqY8VHbFJdYUP6r0q6badpX2PNVGJHDQQMlgdkKD-eQfgvC-6VxCWlnw1-tMNE-EFHv1RieeZ-ksgWB7mJ3gkBPYVeUnODsg7ReSzBxngIYcGtw1WwR1odA86ZA6G9xUpYqEAjmtwFKtQXtPcQ3o7UF44/s4080/20231028_002522.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="4080" data-original-width="3060" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRsUwKuYS_AfBhEDbf5W7cimTBJD1KGmcjQflqY8VHbFJdYUP6r0q6badpX2PNVGJHDQQMlgdkKD-eQfgvC-6VxCWlnw1-tMNE-EFHv1RieeZ-ksgWB7mJ3gkBPYVeUnODsg7ReSzBxngIYcGtw1WwR1odA86ZA6G9xUpYqEAjmtwFKtQXtPcQ3o7UF44/s320/20231028_002522.jpg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : กาลิเลโอไขคดีสืบวิญญาณ</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : ฮิงาชิโนะ เคโงะ</p><p style="text-align: center;">ผู้แปล : วงศ์สิริ สังขวาสี มิยาจิ</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : ไดฟุกุ-ครีเอเตอร์</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">สนุกค่ะ เป็นเรื่องสั้น ในเล่มมีทั้งหมด 5 เรื่องด้วยกัน เป็นการสืบหาความจริงของอาจารย์ยุกาว่า มานาบุ (หรือฉายากาลิเลโอ) กับเพื่อนคุณตำรวจคุซานางิ ชุนเป ที่หาคดีมาให้อาจารย์กาลิเลโอของเราต้องไขปริศนา ในเล่มนี้จะเป็นคดีที่ดูเผินเหมือนมีเรื่องลึกลับ มีผีเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อนักฟิสิกส์อย่างกาลิเลโอเข้าร่วมไขปริศนา ทุกอย่างก็มีคำอธิบายที่เชื่อถือได้</p><p style="text-align: left;">คดีที่ 1 - ฝันเห็น</p><p style="text-align: left;">เรื่องเริ่มจากตำรวจจับสตอล์คเกอร์ที่บุกรุกเข้าห้องนอนของเด็กผู้หญิงอายุ 17 ปีได้ ที่เหลือเชื่อคือสตอล์คเกอร์คนนั้นเชื่อว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ เป็นเนื้อคู่ของเขา และเขาพูดและเขียนเรื่องนี้มาตลอดมากกว่า 18 ปี คือแบบก่อนที่เด็กผู้หญิงคนนี้จะเกิดเสียอีกค่ะ -- ชื่อและนามสกุลของเด็กผู้หญิงไม่ใช่ชื่อโหล่ๆ นะคะ คือเรียกว่าไม่มีคนญี่ปุ่นตั้งชื่อแบบนี้ซ้ำแน่ๆ ...ดังนั้นปริศนาคือ เจ้าสตอล์คเกอร์โรคจิตนี้รู้จักชื่อน้องผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร ก่อนที่เธอจะเกิดเสียอีก โดยที่เขาไม่รู้จักพ่อ-แม่ของเด็กผู้หญิงคนนี้เลย</p><p style="text-align: left;">คดีที่ 2 - เห็นวิญญาณ</p><p style="text-align: left;">เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งเห็นแฟนตัวเองมาปรากฎที่บ้าน ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอถูกพบเสียชีวิตในห้องของตนเอง -- ดูเผินๆ เหมือนวิญญาณมาหาเนอะ แต่จริงๆ แล้วมีความซับซ้อนกว่านั้นค่ะ</p><p style="text-align: left;">คดีที่ 3 - เฮี้ยน</p><p style="text-align: left;">คุณตำรวจคุซานางิ ชุนเปได้รับการขอร้องจากภรรยาให้ช่วยตามหาสามีที่หายไปค่ะ เธอคาดว่าสามีจะแวะไปเยี่ยมคุณป้าที่เคารพนับถือกัน แต่พอจะไปถามคุณป้า ก็พบว่าคุณป้าเสียชีวิตไปแล้ว และบ้านนั้นก็มีคนที่อ้างว่าเป็นหลานคุณป้า กับเพื่อนมาอาศัยอยู่แทน ซึ่งถามอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็น แถมพวกเขายังทำตัวแปลกๆ น่าสงสัยอีกด้วย -- ทำให้ภรรยาที่ร้อนใจปักใจเชื่อว่าสามีของตนเองจะถูกขังอยู่ในบ้านหลังนั้นค่ะ </p><p style="text-align: left;">คดีที่ 4 - รัดคอ</p><p style="text-align: left;">เจ้าของโรงงานที่กำลังประสบวิกฤติเศรษฐกิจบอกกับเพื่อนร่วมงานและภรรยาว่า มีนัดรับเงินจากคนรู้จักที่จะเอาเงินมาใช้หนี้ ... แต่กลับพบเป็นศพ ถูกฆ่ารัดคอ ...ดูเหมือนถูกฆาตกรรมค่ะ แต่กลายเป็นมีเงื่อนงำบางอย่างที่แปลก ลูกผู้ตายมีลางสังหรณ์แปลกๆ และบอกตำรวจว่าเห็นพ่อกับลูกไฟในคืนก่อนเสียชีวิต รวมถึงมูลเหตุที่ก่อนตาย ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้เป็นมูลค่ามหาศาลอีก ทำให้ตำรวจต้องทำคดีนี้อย่างรอบคอบ</p><p style="text-align: left;">คดีที่ 5 - หยั่งรู้</p><p style="text-align: left;">ส่วนตัว เราชอบคดีนี้ที่สุดในเล่มค่ะ -- เมื่อชายคนหนึ่งมีชู้ และชู้พยายามกดดันให้เลิกกับเมียและมาหาเธอ โดยขู่ว่าเธอจะฆ่าตัวตายให้ดูต่อหน้า ... ซึ่งเธอก็ทำจริง และก็ตายจริงด้วย ที่น่าแปลกใจคือ สามวันก่อนหน้าวันตายของเธอ เด็กหญิงเพื่อนบ้านได้เห็นเธอผูกคอและเล่าให้แม่ฟัง ... ความจริงคืออะไร เด็กหญิงมีญาณหยั่งรู้ หรือว่านี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตายแต่เป็นเพียงการขู่ แต่พลาด แล้วพลาดได้อย่างไร</p><p style="text-align: left;"><br /></p><p style="text-align: center;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-64525813642321248362023-10-23T13:21:00.004-07:002023-10-23T13:21:53.728-07:00เริ่มให้ได้ แล้วมันจะง่ายกว่าที่คิด<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAfJgvwwAulrHNfLRW3jacgB2O3NfGn7g5MO0sGN2BGtj6LMBBo2rr6Pm0RY8zufgt5Td4ji6iyg0y3fDJgAQ7dStK72p95JTeMb_myPQ3XbwXY16hIbBc9UqkPSSBYrZ9O6XSisZpKd5P-GltQqyaADZHNW7d2gf_YeURA0ls8IHN9EgLeXGbuoo9kEg/s4080/20231023_152632.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="4080" data-original-width="3060" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAfJgvwwAulrHNfLRW3jacgB2O3NfGn7g5MO0sGN2BGtj6LMBBo2rr6Pm0RY8zufgt5Td4ji6iyg0y3fDJgAQ7dStK72p95JTeMb_myPQ3XbwXY16hIbBc9UqkPSSBYrZ9O6XSisZpKd5P-GltQqyaADZHNW7d2gf_YeURA0ls8IHN9EgLeXGbuoo9kEg/s320/20231023_152632.jpg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : เริ่มให้ได้แล้วมันจะง่ายกว่าที่คิด</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : โทโยคาซึ สึรุตะ</p><p style="text-align: center;">ผู้แปล : ณิชยา รักเกียรติงาม</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ฮาวทู อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">ซื้อมาดองไว้หลายเดือนเลยค่ะ กว่าจะได้ "เริ่ม" หยิบมาอ่าน แต่อ่านแล้วดีค่ะ มีหลายครั้งหลายหัวข้อที่อ่านไปก็เผลอพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้เขียน</p><p style="text-align: left;">เป็นหนังสือ How-to เหมาะสำหรับคนที่มีไอเดียหลายอย่างบรรเจิดมากมาย แต่ไม่มีอันไหนได้ลงมือทำเป็นจริงเป็นจังสักที ดีแต่คิด แต่ไม่ได้ทำ ... ในหนังสือบอกว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเรา "คิดว่ามันยุ่งยาก" ค่ะ พอคิดว่ามันยุ่งยาก หลายเรื่อง ก็เลยพลอยไม่อยากเริ่ม ไม่อยากหางานเพิ่มให้ตัวเองน่ะค่ะ </p><p style="text-align: left;">ในหนังสือบอกว่า คนเราคิดเยอะเกินไปค่ะ ว่ากันว่าแต่ละวันคนเรามีเรื่องต่างๆ ให้คิดถึงตั้งหลายหมื่นเรื่องต่อวัน (ประเภทคิดเรื่อยๆ คิดโน่นคิดนี่น่ะค่ะ) และส่วนใหญ่ที่คิดก็เป็นความคิดซ้ำๆ เดิมๆ ที่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนหน้านี้ (เช่น วันนี้จะกินอะไรดี ไปไหนดี ออกกำลังกายดีไหม ฯลฯ) และส่วนใหญ่ก็เป็นความคิดในเชิงลบด้วยค่ะ แทบทั้งหมดเป็นความคิดในความกังวลต่ออนาคต หรือไม่ก็ความเจ็บปวดในอดีต ...ดังนั้นเนี่ย ถ้าอยากเริ่มทำอะไรสักอย่างขึ้นมา ก็ "อย่าคิดเยอะ" ค่ะ ไม่ต้องคิดว่ามันจะออกมาดีไหม (ถ้ายังไม่เริ่มทำ) หรือคิดว่าต้องวางแผนดีๆ ต้องทำให้ออกมาสวยตั้งแต่แรกเลย ... ไม่ต้องคิดเลยค่ะ ลุยไปก่อน อย่างอื่นเดี๋ยวจะตามมาเอง</p><p style="text-align: left;">หนังสือบอกว่า ถ้าเรามีไอเดียที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนที่เป็นความหลงใหลของเรา หรือเป็น passion ของเรา เราจะเริ่มมันง่ายมากขึ้น คือเพราะเราชอบ เราหลงใหลในสิ่งนั้น ดังนั้นเราจะกระโจนทำมันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นถ้าเราหา passion ของเราเจอ การเริ่มต้นทำในสิ่งที่เราหลงใหลก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ</p><p style="text-align: left;">หนังสือเขียนถึงการพยายามปรับตัวอยู่ร่วมกับคนที่เราไม่ชอบ เพราะบางครั้งเราไม่อยากเริ่มทำอะไร ก็เพราะคิดว่า การติดต่อกับผู้คน (หรือกับคนบางคน) เป็นเรื่องยุ่งยาก </p><p style="text-align: left;">บางครั้งเรารู้สึกไม่มีความสุข หรือไม่พร้อมที่จะเริ่มทำสิ่งใดๆ ก็เพราะเรามัวแต่ตำหนิตัวเองอยู่ค่ะ บางคนเคร่งครัดกับตัวเองมากเกินไป จนไม่อยากเริ่มทำอะไร เพราะถ้าทำผิดพลาดขึ้นมาก็จะโทษตัวเอง รู้สึกแย่กับตัวเอง ดังนั้นจึงไม่กล้าเริ่มทำอะไร ...ทางแก้คือ ปล่อยวางเลยบ้าง รักตัวเองบ้าง ยอมรับข้อเสียของตัวเอง และปฏิบัติกับตัวเองเหมือนเป็นคนสำคัญ ซึ่งหลายคนมักละเลยตรงนี้ไปค่ะ </p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-27528489978334505332023-10-17T13:34:00.006-07:002023-10-17T13:34:50.234-07:00How To Kill Your Family<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPiKhIfjLfM3Vm-YM2fF0kKu4_aQHRR4hkvLH7h6bYH1tLqFmDMnT4-VuFLopNg0YEwsARxe96NkiAuqSLf15UdZJS4HE5mXH8qMwjdGW3QoC9qAlmpliXtBTOt_INQb1fcL8hr2JBl7hGiHWuCkucKE9sXB_Ck8dfgVgawtIuWlEE5QiL5MHXBvRHczA/s1869/Screenshot%202023-10-17%20at%2021.54.20.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1869" data-original-width="1212" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgPiKhIfjLfM3Vm-YM2fF0kKu4_aQHRR4hkvLH7h6bYH1tLqFmDMnT4-VuFLopNg0YEwsARxe96NkiAuqSLf15UdZJS4HE5mXH8qMwjdGW3QoC9qAlmpliXtBTOt_INQb1fcL8hr2JBl7hGiHWuCkucKE9sXB_Ck8dfgVgawtIuWlEE5QiL5MHXBvRHczA/s320/Screenshot%202023-10-17%20at%2021.54.20.png" width="208" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : How to kill your family</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : Bella Mackie</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : The Borough Press</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">ตอนแรกดูจากชื่อหนังสือ ก็นึกว่าเป็นคำอุปมาอุปมัยค่ะ แต่พออ่าน พล็อตเรื่องมันคือตรงๆ เลยค่ะ จะฆ่าคนในครอบครัวอย่างไร จริงๆ</p><p style="text-align: left;">ตัวเอกของเรื่องคือ Grace อายุ 28 ปี หนังสือเล่มนี้เขียนบรรยายความคิด ความทรงจำของ Grace ค่ะ หนังสือเริ่มด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ Grace กำลังติดคุกในข้อหาฆาตกรรม ซึ่งที่นางเอกของเราเจ็บใจก็เพราะเป็นการฆาตกรรมที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ฆาตกรรมที่เธอก่อนั้น เธอรอดมาได้ทุกครั้ง ...จากนั้นเธอก็แอบเขียนบันทึกความทรงจำสิ่งที่เธอเคยทำก่อนจะมาติดคุก ณ ตอนนี้ ดังนั้นในหนังสือจึงจะบรรยายภาคปัจจุบัน ชีวิตประจำวันที่เธออยู่ในคุก กับเหตุการณ์ในอดีตตอนที่เธอวางแผนฆาตกรรมสมาชิกในครอบครัวค่ะ</p><p style="text-align: left;">Grace เป็นผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่นค่ะ โตมากับแม่ที่สวยแต่อ่อนแอ แม่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเธอ และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อเธออายุแค่ 12 ปี ส่วนพ่อนั้น Grace ไม่เคยเจอ และมารู้ภายหลังว่าพ่อคือผู้ชายแก่รวย (มากๆ) แต่เลว ที่หลอกสาวสวยๆ ไร้เดียงสาขึ้นเตียงด้วย แล้วพอผู้หญิงท้อง ก็ทิ้งไม่รับผิดชอบ ไม่รู้ไม่เห็น ไม่ส่งเสียอะไรสักอย่าง เพราะพ่อมีเมียและลูกตามกฎหมายอยู่แล้วน่ะค่ะ ครอบครัวของพ่อก็รู้ แต่ทุกคนเฉยเมย ห่วงหน้าตาชื่อเสียงตัวเอง และทำไม่รู้ไม่เห็น ไม่แม้แต่จะช่วยเหลือเมื่อตอนที่แม่ของ Grace เป็นมะเร็งและเสียชีวิต ทิ้งให้ Grace เป็นเด็กกำพร้า</p><p style="text-align: left;">ในหนังสือ Grace เล่าวิธีการ "กำจัด" สมาชิกในครอบครัวทีละคนๆ (อย่างฉลาด และสร้างสรรค์)</p><p style="text-align: left;">จะอ่านและรู้สึกสะใจถ้าเรา "อิน" กับความรู้สึกไม่ยุติธรรมที่ Grace ได้รับ แต่ถ้าไม่อิน เราจะอ่านไม่สนุกค่ะ หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีค่านิยมเรื่องความกตัญญูแบบสุดโต่งค่ะ -- แต่สำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ใหญ่ในครอบครัว หนังสือเล่มนี้เหมาะจะอ่านเพื่อระบายความสะใจค่ะ (สารภาพในใจเลย เวลาที่รู้สึกอึดอัดจากสิ่งที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวกระทำ วูบหนึ่งของใจบาปๆ คิดด้วยซ้ำว่า ถ้าไม่มีเขา ชีวิตเราคงจะดีกว่านี้) </p><p style="text-align: left;">พล็อตเรื่องสนุก และหักมุมไปมา เขียนในแนวตลกร้าย เสียดสี ประชดประชันน่ะค่ะ ดังนั้นอ่านด้วยความบันเทิงค่ะ เป็นนิยายตลกร้ายแบบอังกฤษค่ะ ไม่ใช่นิยายฆาตกรรมสืบสวนหนักๆ ถึงแม้ว่าตัวเอกในเรื่องฆาตกรรมคนในครอบครัวตัวเองก็เถอะ</p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-46376538357681348952023-10-08T15:08:00.005-07:002023-10-08T15:08:47.545-07:00แปดขุนเขา<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhWCBz_g9TSCr5VfvF_FnQmWVWtEqrPb1LqVFfGD_QIoXNrfYEjTgNjNdQ9BLcXL1W2t_5qFsOizfaiyjcZyNm8ZLUBRYzz5bdUKO_fecLNglmmMjQlJapIsiAyMTtEE6cE5to_Ar3Ywx73Su9T2oBJvi6T9mAD0KE896PJIWoUmH44_qlgs4RaThxhTik/s3264/IMG_2170.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="3264" data-original-width="2448" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhWCBz_g9TSCr5VfvF_FnQmWVWtEqrPb1LqVFfGD_QIoXNrfYEjTgNjNdQ9BLcXL1W2t_5qFsOizfaiyjcZyNm8ZLUBRYzz5bdUKO_fecLNglmmMjQlJapIsiAyMTtEE6cE5to_Ar3Ywx73Su9T2oBJvi6T9mAD0KE896PJIWoUmH44_qlgs4RaThxhTik/s320/IMG_2170.jpg" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : แปดขุนเขา</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Paolo Cognetti</p><p style="text-align: center;">ผู้แปล : นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : อ่านอิตาลี</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">เคยอ่านหนังสือเล่มไหนที่ถึงแม้จะอ่านจบไปแล้ว แต่จิตใจยังมูฟออนไปจากเรื่องราวในหนังสือเล่มนั้นไม่ได้ไหมคะ.... สำหรับเราแล้ว "แปดขุนเขา" คือหนังสือเล่มนั้นค่ะ</p><p style="text-align: left;">ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่อง แปดขุนเขาเป็นเรื่องความผูกพันธ์ของเพื่อนสองคนที่รู้จักกันมาทั้งชีวิต คือเป็นเรื่องธรรมดาทั่วๆ ไป เป็นชีวิตปกติของคนธรรมดาจริงๆ เนื้อหาเป็นลักษณะของการบรรยาย ดังนั้นตัวอักษรจึงติดกันเป็นพืด ไม่ค่อยมีบทสนทนาของตัวละครค่ะ เพราะเขียนเล่าจากความทรงจำของตัวเอกของเรื่อง .... แต่เพราะความธรรมดานี้เองทำให้สัมผัสถึงเนื้อเรื่อง ทำให้รู้สึกเชื่อมโยงเนื้อเรื่องในหนังสือเข้ากับชีวิตส่วนตัวของเราคนอ่าน</p><p style="text-align: left;">ตัวเอกของเรื่อง ผู้ถ่ายทอดความคิดคือ "ปิเอโตร" เขาเล่าถึงความทรงจำที่เขามีต่อพ่อและแม่ เขาเติบโตมาในครอบครัวที่รักการปีนเขา แต่แต่ละคนก็มีระดับความสูงที่ตนเองพอใจ ระดับความสูงที่แม่รู้สึกสบายใจที่จะปีนอยู่ที่ระดับหนึ่งพันฟุต ตรงนั้นมีทุ่งหญ้า มีลำธาร ต้นไม้ แม่ชอบที่จะนั่งปิกนิค อ่านหนังสือ ...ในขณะที่พ่อกลับตรงกันข้าม พ่อเป็นพวกวิ่งตามความฝัน มีเป้าหมาย และวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อให้ถึงจุดหมาย โดยไม่สนใจใยดีดอกไม้ข้างทาง พ่อมักจะปีนเขาให้ถึงจุดยอดในเวลาที่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถึงยอดเขา แทนที่พ่อจะดีใจ พ่อกลับเบื่อ และกลับบ้าน รอคอยวันที่จะปีนยอดเขาใหม่อีกครั้ง</p><p style="text-align: left;">แม่กับพ่อของปิเอโตรเช่าบ้านที่หมู่บ้านกรานาในทุกหน้าร้อน พ่อกับปิเอโตรก็ปีนเขาไป ส่วนแม่ก็ชิลกับชีวิต กับธรรมชาติ</p><p style="text-align: left;">ที่หมู่บ้านกรานา ปิเอโตรได้เป็นเพื่อนกับ "บรูโน" บรูโนเป็นเด็กเลี้ยงวัว อาศัยอยู่กับแม่ ลุง และป้า แม่ของปิเอโตรเป็นผู้หญิงใจดี เป็นนักสังคมสงเคราะห์ เธอช่วยพูดให้บรูโนได้เรียนต่อแบบเรียนทางไกล ...สำหรับบรูโนแล้ว พ่อกับแม่ของปิเอโตรเหมือนพ่อและแม่ในฝันของเขา ส่วนปิเอโตรก็เป็นเหมือนทั้งเพื่อนและน้องชาย</p><p style="text-align: left;">ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ ปิเอโตรทะเลาะกับพ่อ และปฏิเสธที่จะปีนเขา ไม่ชอบปีนเขา ชอบปีนหน้าผามากกว่า พ่อก็เลยต้องปีนเขาลำพัง </p><p style="text-align: left;">ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ ปิเอโตรท่องโลกไปเรื่อยๆ ทำสารคดี ยังคงหมางเมินกับพ่อ ติดต่อกับครอบครัวด้วยวิธีเขียนจดหมายหาแม่...จนพ่อเสียชีวิต พินัยกรรมพ่อยกบ้านบนหน้าผาหลังหนึ่งที่หมู่บ้านกรานาให้แก่ปิเอโตร ซึ่งเรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่เขามาก เพราะไม่รู้มาก่อนว่าพ่อแอบซื้อบ้านที่หมู่บ้านนั้น ...ด้วยความอยากรู้ เขาก็เลยกลับไปดูบ้าน</p><p style="text-align: left;">บรูโนตอนนี้ทำงานเป็นช่างก่อสร้าง และยังคงอยู่ที่หมู่บ้านกรานา ไม่ไปไหนเลย ...มิตรภาพแบบหลุดๆ หายๆ ของทั้งคู่ก็ต่อกันติดไม่ยาก ทั้งคู่ช่วยสร้างบ้านบนหน้าผา...ดูเหมือนบรูโนจะใกล้ชิดกับพ่อของปิเอโตรมากกว่าลูกชายแท้ๆ เพราะทั้งคู่ปีนเขาด้วยกันเสมอๆ</p><p style="text-align: left;">แปดขุนเขาคือเรื่องเล่าที่ปิเอโตรได้ยินเมื่อตอนไปถ่ายทำสารคดีที่เนปาลค่ะ ชายลูกหาบชาวธิเบตเล่าให้ฟังว่า มีแปดขุนเขา และแปดมหาสมุทรล้อมรอบเขาพระสุเมรุที่เป็นเขาที่สูงที่สุด และมีคนอยู่สองประเภท ประเภทหนึ่งท่องไปทั่วทั้งแปดขุนเขา ในขณะที่อีกประเภท มุ่งมั่นแต่ที่จะพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดคือเขาพระสุเมรุเท่านั้น คำถามคือใครได้เรียนรู้มากกว่ากัน ระหว่างคนที่ท่องไปทั่วแปดขุนเขา หรือคนที่พิชิตเขาพระสุเมรุ</p><p style="text-align: left;">ถ้าเปรียบไปแล้ว ชีวิตบรูโนก็เหมือนคนที่อยู่บนเขาพระสุเมรุ เขาไม่เคยไปไหนนอกจากกรานาเลย ในขณะที่ชีวิตของปิเอโตรคือคนที่ท่องไปทั้งแปดขุนเขา </p><p style="text-align: left;">ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่ได้สวยหรู สำหรับบรูโน มีช่วงที่งดงามคือเขาพบรัก กู้เงินมาทำฟาร์มเลี้ยงวัว มีลูกสาว ....แต่จากนั้นฤดูหนาวก็เข้ามา ฟาร์มกิจการไม่ดี ภรรยาของบรูโนจากลงจากภูเขามางานทำในเมือง อีกอย่างลูกต้องเข้าโรงเรียน แต่บรูโนไม่ยอม ทั้งคู่เลยเลิกกัน ฟาร์มประกาศล้มละลาย บรูโนสูญเสียทุกอย่าง แต่ก็ไม่ยอมลงจากภูเขา และพักอยู่ที่บ้านบนหน้าผาหลังที่ทั้งบรูโนและปิเอโตรช่วยกันสร้าง</p><p style="text-align: left;">ส่วนปิเอโตรทำงานอาสาสมัครที่เนปาล เหมือนเขายึดภูเขาหิมาลัยเป็นบ้าน และยังไม่มีครอบครัว เหมือนชีวิตที่ไม่ต้องการผูกพันหรือมีพันธะกับอะไร...เมื่อได้ยินข่าวมรสุมชีวิตของบรูโน ก็กลับมาช่วยกล่อมบรูโน แต่ไม่สำเร็จ บรูโนยังคงยืนยันที่จะอยู่ที่บ้านหน้าผาบนภูเขาต่อไป</p><p style="text-align: left;">ต่อมาหิมะถล่ม บรูโนหายไป แม้กู้ภัยจะตามหาแต่ไม่เจอร่าง แต่ก็คาดว่าจะเสียชีวิต</p><p style="text-align: left;">....ในชีวิตคนเรา บางคนมีภูเขาที่เราไม่สามารถกลับไปได้อีก คนที่ท่องไปทั่วทั้งแปดขุนเขา เหมือนอย่างปิเอโตรหรือพ่อของปิเอโตร (หรือเราเอง) ก็คือคนที่สูญเสียเพื่อนบนภูเขาแห่งแรกที่สูงที่สุด เราจึงได้แต่ท่องไปบนแปดขุนเขา</p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-80771881598007836832023-10-04T02:59:00.002-07:002023-10-04T02:59:23.368-07:00Waiting<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXhnpJKWDOE60rOloHUAt5ECVMOTczUBWr70Ejrus0bC34vfrQ_L9vX3ugH6c9jgOvADI-J9TzNuqiEmXKPYm5RjB3jCWbwEagy0B29FusHE_3ls48WHQqW_JxOclwcIpiAiaU6VDOJsjz31HKE4uz9DDAXhwUVvo75n0UdNFu-YT_ATDG9MiIHqzWtLA/s2004/IMG_2166.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2004" data-original-width="1607" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXhnpJKWDOE60rOloHUAt5ECVMOTczUBWr70Ejrus0bC34vfrQ_L9vX3ugH6c9jgOvADI-J9TzNuqiEmXKPYm5RjB3jCWbwEagy0B29FusHE_3ls48WHQqW_JxOclwcIpiAiaU6VDOJsjz31HKE4uz9DDAXhwUVvo75n0UdNFu-YT_ATDG9MiIHqzWtLA/s320/IMG_2166.jpg" width="257" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Waiting</p><p style="text-align: center;">ผู้เขียน : Blake Pierce</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Blakepierceauthor.com</p><p style="text-align: left;"><br /></p><p style="text-align: left;">สนุกมากค่ะ อ่านเสียงานเสียการ ตอนแรกตั้งใจว่าจะค่อยๆ อ่าน อ่านวันละ 2-3 บท ทำไปทำมา ติดใจ วางไม่ลง อ่านจบภายใน 2-3 วันซะงั้น</p><p style="text-align: left;">จริงๆ เล่มนี้เป็นเล่มที่สอง ของซีรี่ย์นักจิตวิทยา Riley Sweency ค่ะ แต่ถึงเริ่มอ่านจากเล่มที่สองก็ไม่งงนะคะ แต่มีบางช่วงที่นางเอกคิดถึงความหลัง ก็จะสปอยด์เนื้อเรื่องในเล่มที่หนึ่ง ทำให้ถ้ากลับไปอ่านเล่มหนึ่งทีหลัง มันจะเสียอรรถรสน่ะค่ะ</p><p style="text-align: left;">Riley เป็นนักจิตวิทยาจบใหม่ค่ะ ในเล่มที่หนึ่งมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยที่เธอเรียน ทำให้เธอฉายแสงความสามารถพิเศษในการ "รู้ใจ" ฆาตการต่อเนื่อง ให้แก่ตำรวจ FBI Jake Crivaro ประทับใจ ดังนั้นพอเธอเรียนจบ Crivaro ก็ใช้เส้น ส่งเธอเขาอบรมเป็นนักศึกษาฝึกงานที่สำนักงานใหญ่ของ FBI ที่วอชิงตัน ดี.ซี.</p><p style="text-align: left;">ปัญหาคือ Crivaro ใช้เส้น และงัดข้อกับเพื่อนร่วมงานเพื่อให้เธอมีที่นั่งในชั้นเรียน FBI ใช้ซะจนเขาชักเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาอวยเธอเกินจริงหรือไม่ ดังนั้นในเล่มนี้ Crivaro ก็จะอารมณ์ผีเข้าผีออกกับ Riley ค่ะ </p><p style="text-align: left;">ก่อนเธอจะเริ่มอบรม ดันมีฆาตกรรมต่อเนื่องเกิดขึ้น ศพที่พบเป็นผู้หญิงถูกแต่งตัว แต่งหน้าด้วยชุดตัวตลก (Clown) Crivaro พา Riley ลงลุยที่ก่อเหตุ ในขณะที่นักศึกษาฝึกงานคนอื่นๆ นั่งเรียน Riley กลับต้องนั่งรถตำรวจตามไปดูที่เกิดเหตุ สอบสวนผู้ต้องสงสัย ฯลฯ</p><p style="text-align: left;">Riley ได้โชว์ความอัจฉริยะของเธอค่ะ ความสามารถในการ "รู้ใจ" ฆาตกร รู้ว่าฆาตกรเฝ้ามองเหยื่อจากตรงไหน เหยื่อถูกลักพาตัวไปเมื่อไร และมีเซ้นต์รู้ว่ากลอนที่ส่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นกลอนที่เขียนโดยฆาตกร</p><p style="text-align: left;">ในขณะที่ Riley ต้องพิสูจน์ตัวเองในการเป็นนักศึกษาฝึกงานของ FBI ชีวิตส่วนตัวของเธอก็กำลังเริ่มต้น เธอกำลังตั้งท้องอ่อนๆ (แต่ Riley ไม่บอกใคร ไม่มีใครรู้ยกเว้นพ่อของเด็ก) Ryan แฟนของเธอก็กำลังเริ่มงานใหม่เป็นทนาย และขอ Riley แต่งงาน ส่วน Riley พอมีเรื่องคดีเข้ามา ทำให้เธอไม่มีสมาธิกับเรื่องโรแมนติก </p><p style="text-align: left;">หนังสือดำเนินเรื่องเร็ว ใช้ภาษาที่กระจ่าง อธิบายเห็นภาพตาม อ่านแล้วจินตนาการเหมือนกำลังดูซีรี่ย์นักสืบดีๆ เรื่องหนึ่งเลยค่ะ เรื่องดราม่าส่วนตัวก็ไม่เยอะมาก มีพอให้รู้จัก Riley มากขึ้น ไม่ได้เยอะจนเนื้อเรื่องหลักเรื่องการสืบสวนหาคนร้ายเสียไป ...จะมีขัดใจก็ตรง ตามหาเบาะแสฆาตกรมาเกือบจบเล่ม พอบทจะรู้ว่าฆาตกรเป็นใคร ก็รู้ง่ายๆ เลย ซะงั้น</p><p style="text-align: left;"><span style="text-align: center;">บันทึกชื่อ Blake Pierce ให้เป็นนักเขียนในดวงใจอีกคนเรียบร้อยค่ะ คิดว่าคงจะหาหนังสือของเขาเล่มต่อไปมาอ่านอีกแน่ๆ ค่ะ</span></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-80021861608850917132023-09-22T12:45:00.002-07:002023-09-22T12:45:24.480-07:00Such A Fun Age<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEha8I4S9lUVw-f57qqcgJ-ANfCzqstxFS4q7lJLPtEUC4AFZ86g-9vv_RFSQnW8jZW2Pnp9QkiNE5D6jPgdkp737wUTzWH67B8SY_UXesLAqJVYn9PpYlFIWWicbgsnMc0yZ2AxTsgGVmVaZqZejcQm621RasMNI9pZ6FQ2FaOU-DZY9WdD_mFCpaZ2jxA/s2160/IMG_2165.PNG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2160" data-original-width="1620" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEha8I4S9lUVw-f57qqcgJ-ANfCzqstxFS4q7lJLPtEUC4AFZ86g-9vv_RFSQnW8jZW2Pnp9QkiNE5D6jPgdkp737wUTzWH67B8SY_UXesLAqJVYn9PpYlFIWWicbgsnMc0yZ2AxTsgGVmVaZqZejcQm621RasMNI9pZ6FQ2FaOU-DZY9WdD_mFCpaZ2jxA/s320/IMG_2165.PNG" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Such a fun age</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Kiley Reid</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Boomsbury Publishing</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">เป็นหนังสือที่เขียนได้สมจริง เหมือนชีวิตของเราทั่วไปเลยค่ะ ตัวละครในหนังสือคือคนปกติ มีดีมีเลว บางอย่างที่ทำไปก็ด้วยเจตนาดี หรืออาจด้วยความเห็นแก่ตัว (แต่ไม่อาจยอมรับกับตัวเองได้) อ่านแล้วบางช่วงบางตอนก็สะท้อนถึงความคิดของตัวเองด้วยซ้ำไปค่ะ</p><p style="text-align: left;">เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 2015 - 2016 ตอนนั้น ฮิลลารี คลินตันกำลังลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่ค่ะ เรื่องราวเกิดขึ้นที่ฟิลาเดลเฟีย </p><p style="text-align: left;">ตัวเอกของเรื่องคือ Emira เป็นผู้หญิงผิวดำ (เรื่องสีผิวเป็นส่วนประกอบสำคัญของนิยายเรื่องนี้ค่ะ) Emira อายุ 25 เรียนจบแล้ว แต่ยังหาพลังชีวิตไม่เจอว่าจะทำงานอะไร สาขาที่เธอเรียนจบมา พอมาทำงานจริงๆ เธอก็ไม่ชอบ ดังนั้นตอนนี้เธอจึงรับงานพาร์ทไทม์ทำเรื่อยๆ เพื่อหาเงินค่าใช้จ่ายไปก่อนค่ะ </p><p style="text-align: left;">งานพาร์ทไทม์อันหนึ่งที่เป็นรายได้หลักของเธอตอนนี้คือ การเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้แก่ Briar หนูน้อยอายุ 3 ขวบ ลูกของ Alix Chamberlain นักเขียน นักกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง</p><p style="text-align: left;">ความสัมพันธ์ระหว่าง Emira กับ Alix นั้น แทบเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำไปค่ะ Emira แทบไม่ได้พูดคุยอะไรกับ Alix บ่อยหนัก ส่วนเหตุผลที่ Alix ต้องรับพี่เลี้ยงมาช่วยเพราะ Briar มีน้องสาวตัวเล็กอีกคนที่แม่ต้องดู แถม Briar เป็นเด็กช่างพูด แม่เลยรับศึกไม่ไหว ประกอบกับ Alix เองก็ต้องทำงานด้วย เลยจำต้องจ้างพี่เลี้ยงมาช่วย</p><p style="text-align: left;">...จนกระทั่งคืนหนึ่ง Emira ถูก Alix โทรตามด่วน ขณะกำลังอยู่ในปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อนสนิท Alix ขอให้ Emira พา Briar ออกไปเดินเล่นในซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน เพราะบ้าน Alix เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น และต้องเรียกตำรวจ เธอจึงไม่อยากให้เด็กน้อยต้องมารับรู้เรื่องนี้ เลยโทรขอให้พี่เลี้ยงช่วยเป็นการเฉพาะ</p><p style="text-align: left;">Emira พา Briar ไปเดินเล่นในซุปเปอร์ฯ แต่กลายเป็นว่า โดน รปภ. ของห้างเข้าใจผิดว่าเธอกำลังลักพาตัวเด็ก (นึกภาพผู้หญิงผิวดำ แต่งตัวเปรี้ยวจี้ด กำลังอุ้มเด็กเล็กผิวขาว ในเวลาเกือบเที่ยงคืนดูสิคะ รปภ. ก็เป็นห่วงสิ) -- ก็เลยเกิดการต่อล้อต่อเถียงกันขึ้น จบด้วยการที่ Emira โทรเรียกพ่อของ Briar ให้มารับตัวลูกตัวเองกลับ -- เหตุการณ์ทั้งหมดถูก Kelley บันทึกถ่ายวิดีโอไว้ -- Kelley มาจีบ Emira และบอกว่าเขาบันทึกวิดีโอเรื่องทั้งหมดไว้ ถ้าเธอต้องการฟ้องร้องห้าง ก็ใช้เป็นหลักฐานได้ แต่ Emira ปฏิเสธและขอให้ Kelley ลบวิดีโอทิ้ง</p><p style="text-align: left;">หลังจากเหตุการณ์นี้ Alix ก็ให้ความสนใจกับ Emira มากขึ้น ใส่ใจ ห่วงใย ชวนคุย (Alix ไม่ได้เห็นวิดีโอนะคะ แต่อารมณ์อาจจะรู้สึกผิดที่ทำให้ Emira ต้องเจอเรื่องแย่ๆ)</p><p style="text-align: left;">รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Kelley กับ Emira ก็พัฒนาขึ้น จนเป็นแฟนกัน</p><p style="text-align: left;">ทฤษฎีโลกกลมใช้ได้กับนิยายเรื่องนี้ เมื่อต่อมาพบว่า Kelley กับ Alix เคยเป็นแฟนกันมาก่อน! สมัยมัธยมค่ะ แล้วเลิกกันไม่ดี ไม่ดีมากๆ Alix โทษว่า Kelley ทำให้ชีวิตไฮสคูลของเธอเลวร้าย กลายเป็นช่วงเวลาไม่น่าจดจำ ในขณะที่ Kelley โทษว่า Alix ทำให้เพื่อนของเขาโดนจับ ติดประวัติ และพลาดทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัย</p><p style="text-align: left;">ดังนั้น Emira เลยกลายมาอยู่ตรงกลางระหว่างสองแฟนเก่า ทั้งคู่พยายามให้ Emira ตีตัวออกห่างจากอีกคนด้วยเรื่องการเหยียดผิว Alix บอกว่า Kelley ออกเดตแต่กับคนผิวดำ คบแต่กับคนผิวดำ (อารมณ์เหมือนคนขาว ต้องการทำตัวเป็นนักบุญ) ในขณะที่ Kelley ก็บอกว่า Alix จ้างแต่แม่บ้านผิวดำ ให้แม่บ้านใส่ยูนิฟอร์ม (อารมณ์เหมือนเจ้านายคนขาว ปฏิบัติต่อทาสผิวดำ) </p><p style="text-align: left;">ทั้งหมดเป็นเรื่องความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ค่ะ อาจไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับสีผิว แต่เป็นเรื่องอื่นๆ เนื่องจากทัศนคติที่ไม่ตรงกัน นิสัยไม่เหมือนกัน </p><p style="text-align: left;">Alix มีนิสัยคุณนาย เจ้ายศเจ้าอย่าง เจ้าระเบียบ ทะเยอทะยาน และห่วงกับภาพลักษณ์ ในขณะที่ Emira ก็ไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่รู้ตัวเองชอบอะไร เรื่อยๆ แต่เป็นคนใจดี -- Alix ไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ก็ไม่สามารถบอกเต็มปากได้ว่าเธอมีเจตนาดี เราว่า Alix เหมือนนักการเมืองน่ะค่ะ คือเธอทำสิ่งที่เห็นว่าเธอจะได้ประโยชน์ และคนที่เธอแคร์ก็ได้รับประโยชน์ (แต่เธอไม่เคยถามว่าเขาต้องการสิ่งนั้นหรือเปล่า) .... เรื่องเศร้าคือสิ่งแย่ๆ ที่เธอเคยได้รับตอนเป็นเด็ก เช่น การละเลยจากพ่อแม่ของเธอ แต่พอเธอมีลูกของตัวเอง เธอก็ทำส่ิงเดียวกันนี้กับ Briar เห็นได้ชัดว่าเธอละเลย Briar เพราะ Briar รับมือยาก ต่างกับลูกสาวคนเล็กอีกคน</p><p style="text-align: left;">นี่ไม่ใช่นิยายรักนะคะ ดังนั้นตอนจบของความสัมพันธ์นี้ ก็จบแบบชีวิตจริงเลยค่ะ </p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-35060058829217644642023-09-06T09:31:00.001-07:002023-09-06T09:31:38.578-07:00Perfect Remains<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiC3WvKe_Py9LKqn0fgXU2UQASudR0ct4pIeFWl91TOdnV32MSr5NDcaJzzxuIXZh1RH9HZ9L-NmiWFjG4ioULJqrf1dnYWm5oRg3klVonP-gQFIBADsgygbhJZ2b74OanuGQUpfBcJXPqw-gViu5RyCLQzxfY4ZoFiRl5HfephDk76OQOIMsMRx_vsAco/s2048/Screenshot%202023-09-03%20at%2018.18.31.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2048" data-original-width="1446" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiC3WvKe_Py9LKqn0fgXU2UQASudR0ct4pIeFWl91TOdnV32MSr5NDcaJzzxuIXZh1RH9HZ9L-NmiWFjG4ioULJqrf1dnYWm5oRg3klVonP-gQFIBADsgygbhJZ2b74OanuGQUpfBcJXPqw-gViu5RyCLQzxfY4ZoFiRl5HfephDk76OQOIMsMRx_vsAco/s320/Screenshot%202023-09-03%20at%2018.18.31.png" width="226" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Perfect Remains</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Helen Fields</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : HarperCollinsPublishers</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">ถ้ากำลังมองหาอ่านหนังสือแนวสืบสวนไขคดี ที่ไขคดีจริงๆ ไม่มีดราม่าเรื่องส่วนตัวของนักสืบมากนัก เล่มนี้เหมาะเลยค่ะ ...เป็นหนังสือเล่มแรกในชุดของนักสืบ Callanach เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เอดินบะระ ของสก็อตแลนด์ ค่ะ</p><p style="text-align: left;">เดิมทีเนี่ย นักสืบ Callanach ทำงานกับตำรวจสากลที่ฝรั่งเศส แต่มีเรื่องอื้อฉาวบางอย่างเกิดขึ้น (ในหนังสือจะค่อยๆ เฉลยว่าเรื่องอื้อฉาวที่ว่านี้คืออะไร) ทำให้เขาต้องย้ายมาที่สถานีตำรวจที่สก็อตแลนด์แทน เหตุที่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เนื่องจากเขาเป็นลูกครึ่งสก็อตติช-ฝรั่งเศสค่ะ </p><p style="text-align: left;">ดังนั้นในเล่ม นอกจากนักสืบ Callanach จะต้องไขคดีแล้ว ก็ยังต้องปรับตัว และพิสูจน์ตัวเองกับเพื่อนร่วมงาน ที่ทำงานใหม่ด้วยค่ะ </p><p style="text-align: left;">คดีนี้เป็นคดีลักพาตัว เริ่มจากทนายสาวโสด อนาคตไกล Elaine Buxton ถูกลักพาตัว -- ต่อมาก็มีคนพบศพ ที่คาดว่าเป็น Elaine ถูกเผาเหลือแต่ตอตะโก DNA อะไรเสียหายหมด มีแค่ฟัน กับอาวุธไม้เบสบอลที่ทำให้เชื่อว่า ศพที่ถูกเผานั้นเป็นศพของ Elaine </p><p style="text-align: left;">....แต่ทว่า ความเป็นจริงแล้ว Elaine ยังไม่ตาย! ฆาตกรต้องให้ฆาตกรรมอำพรางให้ตำรวจเชื่อว่า Elaine ได้ตายไปแล้ว เพื่อให้ตำรวจเลิกตามหาเธอ และเธอจะได้กลายเป็นของเขาคนเดียว!</p><p style="text-align: left;">ได้ตัว Elaine แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่ฆาตกรก็ยังไม่พอใจ ยังไปจับตัวเหยื่อคนอื่นอีก และทำแบบเดียวกัน</p><p style="text-align: left;">เรื่องนี้ เราคนอ่านไม่มีอะไรต้องสืบค่ะว่าใครคือฆาตกร คนเขียนเล่าตั้งแต่ต้นเลย ที่ลุ้นคือ ตำรวจจะจับทางได้เมื่อไร จะรู้เมื่อไรว่าจริงๆ แล้วเหยื่อที่แท้จริงยังไม่ตาย </p><p style="text-align: left;">ฆาตกรออกแนวโรคจิต ต้องการเป็นคนสำคัญ ออกแนวโดดเดี่ยว ไม่มีใครรัก เลยอยากเป็นคนสำคัญของใครสักคน (ทำไมไม่เลี้ยงหมาฟ่ะ มาจับคนมาขังทำไมเนี่ย) และต้องเป็นคนที่ฉลาดด้วย ฆาตกรชอบคนฉลาด อยากนั่งถกปรัชญาเรื่องต่างๆ ด้วยกัน แต่คือแบบจีบสาวไม่เป็น เลยต้องลักพาตัว!</p><p style="text-align: left;">สนุกแบบไม่ต้องคิดมากค่ะ อ่านได้เบาๆ </p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-88687284745687831612023-08-20T17:14:00.000-07:002023-08-20T17:14:20.582-07:00The Devil and the Dark Water<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmehaLbi0YAU3jw8XLAsCaHyqUZ6rccr4bk7wq72xsJWg-aK_BKYf4LmKS7xWoba6Ez3pa6MYuqZjCofDbNig4og2xp_R_WDHwRO43SdDvaqt_QlRZmXbGi7xkCh4MTKix8XH8tFenJ-GnylotUWpY2Fh_iBGqtw_Fbs_xL2u3KU-HlKCI9cTlQzxkwC0/s2048/Screenshot%202023-08-20%20at%2021.51.46.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2048" data-original-width="1317" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmehaLbi0YAU3jw8XLAsCaHyqUZ6rccr4bk7wq72xsJWg-aK_BKYf4LmKS7xWoba6Ez3pa6MYuqZjCofDbNig4og2xp_R_WDHwRO43SdDvaqt_QlRZmXbGi7xkCh4MTKix8XH8tFenJ-GnylotUWpY2Fh_iBGqtw_Fbs_xL2u3KU-HlKCI9cTlQzxkwC0/s320/Screenshot%202023-08-20%20at%2021.51.46.png" width="206" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : The devil and the dark water</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Stuart Turton</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Raven Books, Bloomsbury Publishing Plc</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">เคยอ่าน "The seven deaths of Evelyn Hardcastle" ของผู้แต่งคนนี้มาก่อนค่ะ ติดใจ จึงหยิบเล่มนี้มาอ่าน -- ผลคือ สนุกค่ะ อ่านเสียงานเสียการ อ่านวางไม่ลงเลยทีเดียว</p><p style="text-align: left;">เนื้อเรื่องเป็นเรื่องย้อนอดีตสมัยฮอลันดารุ่งเรือง เป็นยุคทองของเนเธอร์แลนด์ มีบริษัท VOC ที่ค้าขายทางเรือเดินสมุทร โดยเส้นทางเดินสมุทรที่อันตรายที่สุด คือเส้นทางเดินเรือระหว่างปัตตาเวีย (ปัจจุบันคือประเทศอินโดนีเซีย) - เนเธอร์แลนด์ มีเรือหลายลำไปไม่ถึงจุดหมายในเส้นทางนี้</p><p style="text-align: left;">พระเอกของเรื่องคือ Arent เป็นทหารรับจ้าง ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้แก่ Sammy Pipps </p><p style="text-align: left;">Sammy เนี่ย จริงๆ ทำงานเป็นนักสืบ เก่งมาก สืบคดียากๆ ได้หลายคดี เป็นที่ชื่นชม เมื่อสองปีก่อน Sammy ได้รับว่าจ้างให้มารับ Folly ที่ปัตตาเวีย (ซึ่ง Arent ก็ตามมาปัตตาเวียด้วยในฐานะบอดี้การ์ด) -- แต่จู่ๆ Sammy ก็โดนจับ โดยตัว Sammy เองก็ไม่รู้ว่าโทษอะไร คนที่สั่งจับเขา ก็คือ Jan Haan ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตาเวีย แล้ว Jan ก็ยัด Sammy เข้าคุกพาขึ้นเรือ Saardam กลับเนเธอร์แลนด์ด้วยกัน โดยบอกว่า Sammy มีโทษประหารรอเขาอยู่ที่ฮอลแลนด์</p><p style="text-align: left;">ผู้ว่า Jan มีภรรยาชื่อ Sara มีลูกสาวชื่อ Lia และมีเมียน้อยชื่อ Creesjie โดยสารมาด้วยกันทั้งครอบครัวในเรือลำนี้ -- อันนี้ตอนแรกก็จะงงๆ หน่อยค่ะ ที่เมียท่านผู้ว่ากับเมียน้อยกลับเป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่มีหึงหวง ...ทั้งนี้ก็เพราะ Sara ไม่ได้รักผู้ว่าเลย ผู้ว่า Jan มีนิสัยใช้ความรุนแรงในครอบครัว เคยซ้อม Sara ปางตายมาสามครั้งแล้ว ดังนั้นใดๆ ที่ทำให้ผู้ว่าหันเหไม่สนใจเธอ ไม่ว่าจะมีเมียน้อยหรืออะไร ถือเป็นเรื่องดีทั้งนั้น </p><p style="text-align: left;">ต้องปรับอารมณ์ตอนอ่านว่าเป็นนิยายพีเรียด สมัยที่สังคมชายเป็นใหญ่ และผู้หญิงมีหน้าที่เป็นแค่ของประดับของผู้ชายเท่านั้น ดังนั้นต่อให้ Sara และ Lia ฉลาดแค่ไหน ก็ไม่สามารถเสนอหน้าแสดงความคิดเห็นหรือมีบทบาทเท่าผู้ชายได้</p><p style="text-align: left;">การเดินทางไปฮอลแลนด์ครั้งนี้ เริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก เพราะระหว่างที่เรือกำลังโหลดของขึ้นอยู่นั้น มีชายขี้เรื้อนปรากฎตัวขึ้นบนเรือ สาปแช่งคนในเรือ และจู่ๆ ก็โดนไฟเผาทั้งเป็น! ... ปริศนาว่าชายคนนั้นขึ้นมาบนเรือได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เขาขาไม่ดี รวมถึงเขาสาปแช่งคนบนเรือได้อย่างไร ในเมื่อลิ้นของชายคนนั้นถูกตัด! ... แต่ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นลางไม่ดีขนาดนี้ แต่ผู้ว่าฯ ก็ไม่ฟังคำทัดทานของใคร ยืนยันที่จะเดินทางตามเดิม</p><p style="text-align: left;">เมื่อเรือแล่นออกจากท่า ปริศนาเรื่องในอดีตก็เริ่มปรากฎขึ้นอย่างช้าๆ ในยุคสมัยที่มีการล่าแม่มด และมีอาชีพตามหาแม่มด ดูเหมือนปีศาจ old Tom ที่เชื่อว่าฆ่าพ่อของ Arent ได้กลับมาอยู่บนเรือ และทิ้งสัญลักษณ์ปีศาจไว้ ให้ผู้คนหวาดระแวง </p><p style="text-align: left;">หนังสือเล่นกับความโลภของคน ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองอยากมีอยากได้มากๆ ..คำถามที่ปีศาจ old Tom ถามคือ "คุณจะเอาอะไรมาแลกล่ะ" ทุกความต้องการมีราคาที่ต้องจ่าย ...ในยุคสมัยนั้น ผู้คนเป็นคนดี ไปโบสถ์ ถือศีลเสมอ เพราะกลัวตายไปจะตกนรกค่ะ ผู้คนยังมีความเชื่อในพระเจ้า ในศาสนาอย่างเหนียวแน่น คือพยายามเป็นคนดีย์ เพราะกลัวตกนรก ไม่ได้ "เลือก" ทำดีเพราะเชื่อในความดี </p><p style="text-align: left;">อ่านเริ่มแรกจะงงๆ ค่ะ เพราะทุกอย่างเต็มไปด้วยปริศนา แต่พอก่อนจะถึงกลางเล่ม จะเริ่มวางไม่ลงแระ เพราะปริศนามันเริ่มคลายเกลียวทีละเปลาะๆ เป็นนักเขียนที่เขียนนิยายอย่างมีชั้นเชิงมากค่ะ </p><p style="text-align: left;">หนังสือเขียนเหมือนจะเป็นเรื่องแฟนตาซี มีปีศาจ มีแม่มด ซึ่งก็เป็นเพราะคนในยุคสมัยนั้นเชื่อเรื่องพวกนี้ค่ะ แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่นิยายแฟนตาซีนะคะ เป็นนิยายทริลเลอร์ ที่ทักปมมีคำตอบที่อธิบายได้ค่ะ ไม่มีเรื่องเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด </p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-44597140971665832172023-07-31T17:18:00.001-07:002023-07-31T17:18:23.290-07:00The Shards<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhCTAfPiN6ufvLCTDM7eR89-8_eC74LjR7ZGEmXVRyNVWzrm-_ED9-wRBBhu1GxDvII8jjvJuu5FzBUuzp9zILK6jjd6IrlQ49RONG5o6YVzV9XO64Rw9-zB6WwRio_pW2knpeR0NCNVD-pUZXpTldIktelYhcJRNByrTrug7Yyu2asJ1KflDyuKuil0gk/s2160/Screenshot%202023-08-01%20at%2001.27.34.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2160" data-original-width="1620" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhCTAfPiN6ufvLCTDM7eR89-8_eC74LjR7ZGEmXVRyNVWzrm-_ED9-wRBBhu1GxDvII8jjvJuu5FzBUuzp9zILK6jjd6IrlQ49RONG5o6YVzV9XO64Rw9-zB6WwRio_pW2knpeR0NCNVD-pUZXpTldIktelYhcJRNByrTrug7Yyu2asJ1KflDyuKuil0gk/s320/Screenshot%202023-08-01%20at%2001.27.34.png" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : The Shards</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Bret Easton Ellis</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Swift Press 2023</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">อ่านจบแล้ว นิยามได้คำเดียวว่า เป็นเล่มที่ "จิต" ค่ะ ... เล่มหนามาก หลายหน้ามาก เขียนแบบบรรยายน้ำท่วมทุ่ง เผินๆ ดูเหมือนบรรยายแบบไร้ประโยชน์ แต่จริงๆ แล้วคือเนื้อเรื่องมันค่อยๆ เข้มขึ้นอย่างช้าๆ (ช้ามาก) แต่กว่าเราจะรู้ตัว เราก็ตกลงไปในหลุมเสียแล้ว</p><p style="text-align: left;">เป็นนิยายทิลเลอร์ค่ะ ผู้เขียนเขียนเหมือนกำลังเล่าประสบการณ์ของตัวเอง สมัยที่ยังอายุ 17 กำลังเรียนมัธยมใหนโรงเรียนเอกชนปีสุดท้าย (ตอนนี้ผู้เขียนอายุ 56 แล้ว)</p><p style="text-align: left;">ในปี 1981 Bret หรือตัวผู้เขียนอายุ 17 ปี เป็นลูกคนรวย อยู่ย่านฮอลลิวูด มีเพื่อนที่สนิทในกลุ่มคือ Susan Reynolds ซึ่งเป็นแฟนกับ Thom Wright และ Dibbie เป็นแฟนกับตัวผู้เขียนเอง -- สรุปคือมี 4 คน สองคู่</p><p style="text-align: left;">Thom กับ Susan เป็นคิงกับควีนของโรงเรียนค่ะ สวย หล่อ เก่งทั้งคู่ เรียกว่าเป็นคู่ที่เพอร์เฟคเหมือนเจ้าหญิงเจ้าชาย Susan เรียนเก่งเป็นหัวหน้าห้อง ในขณะที่ Thom หล่อและเป็นนักกีฬา ส่วน Debbie เป็นลูกของ Terry ผู้กำกับชื่อดังในฮอลลีวูด ในขณะที่ตัว Bret ภาพจำของคนทั่วไป คือเด็กน่ารักที่เป็นเพื่อนสนิทกับคนดัง </p><p style="text-align: left;">Bret เป็นเกย์ ในปี 1981 ที่การเป็นเกย์ยังไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้น Bret จึงไม่ได้พูดออกมาดังๆ ไม่มีใครรู้ มีแฟนคือ Debbie เป็นผู้หญิง แต่ขณะเดียวกันก็เล่นหูเล่นตากับพ่อของ Debbie! -- ความลับของ Bret นี้มี Susan ที่ระแคะระคายค่ะ แต่ Bret ไม่ยอมรับ ดังนั้น Susan จึงบอกได้แค่ว่า "ความลับของเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับฉัน" -- อารมณ์ขิงว่าฉันรู้จักเธอนะ แต่ฉันจะไม่แฉเธอ</p><p style="text-align: left;">ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งการมาถึงของนักเรียนใหม่ คือ Robert Mallory </p><p style="text-align: left;">Robert เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดี นิสัยเป็นมิตร สนิทกับเพื่อนๆ ในกลุ่มอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับ Bret แล้วเขารู้สึกว่า Robert มีบางอย่างปิดบังอยู่ และดูจะไม่ใช่เรื่องดี</p><p style="text-align: left;">ตัวละครในเรื่องทุกคนเทาๆ หมดเลยค่ะ ไม่มีใครดีกว่าใคร สะท้อนเห็นถึงวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตขับเคลื่อนด้วยแรงปรารถนา ไม่มีใครมีศีลธรรม ทุกคนเป็นเด็กที่พ่อแม่รวยโครต แต่ไม่มีเวลาให้ลูก คือพ่อแม่ของเด็กพวกนี้ก็ยุ่งแต่เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจลูก จึงไม่แปลกที่ลูกเองก็ยุ่งอยู่แต่ความต้องการของตัวเอง โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนอื่น หรือศีลธรรมอะไร -- ตัวอย่างเช่น Bret ที่เป็นแฟนกับ Debbie แล้วยังไปมีอะไรกับพ่อของ Debbie อีก คือไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่า Debbie จะรู้สึกอย่างไรถ้ารู้เข้า -- หรืออย่าง Susan ที่เป็นแฟนกับ Thom แล้วยังไปมีอะไรกับ Robert เพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แล้วก็เลิกกับ Thom ไปหา Robert หลังจากที่ทุกอย่างถูกเปิดเผยขึ้น (คือถ้าไม่มีการแฉ นัง Susan กับ Robert คงจะยังตีสองหน้าต่อไป) </p><p style="text-align: left;">ในระหว่างนั้น มีเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องเกิดขึ้นในย่านนั้น ฆาตกรเรียกตัวเองว่า the Trawler มีเด็กวัยรุ่นผู้หญิงถูกลักพาตัวไป และต่อมาเจอเป็นศพในสภาพน่าสยดสยอง -- ก่อนเกิดเหตุลักพาตัว มีรายงานว่า เหยื่อมักบ่นเรื่องมีโทรศัพท์แปลกๆ โทรหา แล้วไม่พูด สัตว์เลี้ยงในบ้านหายไป หรือเฟอร์นิเจอร์ในห้องของเหยื่อมีการเคลื่อนย้าย แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร รวมถึงมีรายงานการบุกรุกในย่านที่อยู่อาศัยของเหยื่อ</p><p style="text-align: left;">ไม่มีใครสนใจเรื่องฆาตกรต่อเนื่องนี้ค่ะ ยกเว้น Bret เพราะ Bret สงสัยว่า Robert จะมีส่วนเกี่ยวข้อง และ Bret ยิ่งเชื่อเช่นนี้สนิทใจ เมื่อเพื่อนและคู่ขาลับๆ ของเขา คือ Matt Kellner หายตัวไป และต่อมาพบเสียชีวิต</p><p style="text-align: left;">การตายของ Matt ตำรวจเชื่อว่าเป็นเพราะเสพยาเกินขนาด แต่ Bret ไม่เชื่อเช่นนั้น ยิ่งมารู้ว่าคนสุดท้ายที่ Matt มีนัดเจอคือ Robert ยิ่งทำให้ Bret ปักใจเชื่อว่า Robert มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ Robert นั่นแหละคือ the Trawler -- แต่ไม่ว่า Bret จะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ก็ไม่มีใครเชื่อค่ะ เพราะวิธีการเล่าของ Bret นั้นในสายตาผู้ใหญ่มันไม่น่าเชื่อถือ </p><p style="text-align: left;">คือทุกคนในเรื่องเป็นพวกคิดถึงตัวเองก่อนทั้งนั้นค่ะ ดังนั้นเลยไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครคนไหนเป็นพิเศษ หนังสือเล่าในมุมความทรงจำของ Bret ทำให้เรารู้สึกว่า Bret เป็นพวกใช้ชีวิตขับเคลื่อนไปตามอารมณ์ และถึงแม้เรื่องเล่าย้อนหลัง เราก็ไม่ได้เห็นความรู้สึกผิดแม้เศษเสี้ยวของการกระทำในอดีตของเขาเลย </p><p style="text-align: left;">ถ้าหวังจะอ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อหาว่าใครคือฆาตกรต่อเนื่อง the Trawler แล้วคุณจะผิดหวังค่ะ เพราะสุดท้าย the Trawler ก็ยังอาละวาดต่อไป และจับไม่ได้ว่าใครทำ -- แต่ถ้าอยากอ่านเรื่องจิตๆ ความคิดจิตๆ ล่ะก็ เรื่องนี้เหมาะเลยค่ะ </p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2548862099991255683.post-22377058828923213752023-07-02T03:22:00.002-07:002023-07-02T03:22:08.519-07:00Beautiful World, Where Are You<p style="text-align: center;"> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgsmoD4cjmqNL-MuJRriBeFF06F4H3yYHVUOVrCl2SP-iJW0PzQQMl-X9lVJ784GNpuwnwg_RnBA4b5nYa9mZPbyf8TDhNoquaMMc7NndqeIMSF8ZG07ny4PDhVwA2Fbu8Vp_ElzY66HzBQF9r9gu-1QxslK8FYV73Myr81V5NbVcBRUT9p3N3PcdDjaUo/s2160/FC102E97-63F3-4374-9EB7-7E3A19A42CB2.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="2160" data-original-width="1620" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgsmoD4cjmqNL-MuJRriBeFF06F4H3yYHVUOVrCl2SP-iJW0PzQQMl-X9lVJ784GNpuwnwg_RnBA4b5nYa9mZPbyf8TDhNoquaMMc7NndqeIMSF8ZG07ny4PDhVwA2Fbu8Vp_ElzY66HzBQF9r9gu-1QxslK8FYV73Myr81V5NbVcBRUT9p3N3PcdDjaUo/s320/FC102E97-63F3-4374-9EB7-7E3A19A42CB2.png" width="240" /></a></div><br /><p></p><p style="text-align: center;">หนังสือชื่อ : Beautiful world, where are you</p><p style="text-align: center;">ผู้แต่ง : Sally Rooney</p><p style="text-align: center;">สำนักพิมพ์ : Faber & Faber Limited</p><p style="text-align: center;"><br /></p><p style="text-align: left;">ไม่ใช่แนวอ่ะค่ะ คือเป็นหนังสือที่อ่านได้เรื่อยๆ ไม่มีพีก ไม่คุ้นกับวิธีการนำเสนอเรื่องของผู้แต่ง รวมถึงหัวข้อที่ตัวละครเขียนถึงกันหรือพูดคุยกันนั้น ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในความสนใจส่วนตัวของเรา แต่ที่ทำให้ยังอ่านได้อยู่จนจบ ก็เพราะสำนวนการเขียนค่ะ สำนวนดี บรรยายเรื่องต่างๆ ได้ดี อ่านสมูท </p><p style="text-align: left;">จิตใจคนเรายากแท้ยั่งถึงค่ะ หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของสองเพื่อนรัก คือ Eileen และ Alice </p><p style="text-align: left;">Eileen เป็นผู้หญิงสวย ทำงานเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในกรุงดับลิน มีพี่สาวที่กำลังจะแต่งงาน มีเพื่อนสมัยเด็กชื่อ Simon ซึ่งเป็นคนที่ Eileen แอบชอบ แต่ไม่กล้าพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากไปกว่าเป็นเพื่อนกัน เพราะกลัวว่าถ้ากลายเป็นแฟนกันแล้ว เกิดเลิกกัน จะมองหน้ากันไม่ติด แล้วกลายเป็นเสียเพื่อนไป </p><p style="text-align: left;">Alice เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง กำลังอยู่ในช่วงพักเบรคหลังจากป่วยทางจิตจนต้องเข้าโรงพยาบาล โดยไปพักผ่อนที่ Ballina แล้วได้เจอกับ Felix ทางแอปทินเดอร์</p><p style="text-align: left;">สรุปก็คือเป็นเรื่องของคนสองคู่ (Eileen กับ Simon และ Alice กับ Felix) ผู้เขียนเขียนแบบบรรยาย เหมือนการบรรยายละครให้คนตาบอดฟัง เราคนอ่านจะไม่รู้ว่าตัวละครคิดอะไรอยู่ รับรู้แค่การกระทำ ส่วนความคิดของตัวละครจะบรรยายจากอีเมล์ที่ Eileen และ Alice เขียนถึงกัน </p><p style="text-align: left;">เนื่องจากผู้เขียนเขียนแบบบรรยายความจริงโดยไม่ตัดสิน คล้ายๆ กับการสังเกตพฤติกรรมคนในการสังเกตทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเราคนอ่านจะงงๆ กับการกระทำบางอย่างของตัวละคร (เพราะเราไม่ทราบแรงจูงใจของการทำเช่นนั้น) หรืออาจจะเพราะพื้นฐานทางสังคมของตัวละครกับคนอ่านไม่เหมือนกัน ทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของพวกเขานัก</p><p style="text-align: left;">ตัวละครแต่ละคนดูมีพฤติกรรมทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก มักตั้งคำถามกับ "ความหมายของชีวิต" ตั้งคำถามให้เชิงปรัญญา พยายามจะลุ่มลึก แต่ผลที่ได้กลับฉาบฉวย </p><p style="text-align: left;">ไม่รู้สิ อ่านแล้วเราไม่ค่อย "อิน" กับเรื่องพวกเขา เรื่องปรัญญาชีวิตที่พวกเขาตั้งคำถามกับตัวเองก็ไม่อิน ผู้เขียนพยายามเชื่อมโยงพระเจ้าเข้ากับความสับสนในชีวิตของพวกเขา โดยคิดว่า "ความรัก" ที่เป็นคำสอนของพระเจ้าจะคือคำตอบ ...แต่คือเบื้องหลังของคนอ่านอย่างเรา เราไม่ใช่คริสเตียนไง เราเลยงงๆ </p><p style="text-align: left;">บางครั้งพวกผู้หญิงก็ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก อย่างตอนที่ Eileen อยากรักษาความเป็นเพื่อนกับ Simon ตลอดไป ... แล้วเธอจะนอนกับเขาทำไม??? คือมันย้อนกลับไม่ได้แล้ว ถ้าอยากเป็นเพื่อนก็อย่านอนกับเพื่อน นี่ไปยั่วเขา นอนกับเขา แล้วสับสน อยากขอเป็นแค่เพื่อน What??? </p><p style="text-align: left;">นิยายมันไม่มีจุดพีค เรื่องมันเรื่อยๆ ข้อดีคือมันสมจริง เหมือนชีวิตจริงๆ ของพวกเรานี่แหละ ที่บางทีทำอะไรไปโดยไม่มีเหตุผล แต่คือพอเป็นนิยาย ไปจนเกือบจบ ยังสงสัยว่ามันจะจบเล่มอย่างไร เพราะมันไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย ปมบางอย่างก็ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ เช่น เรื่องพี่ชายของ Felix หรือครอบครัวของ Eileen </p><p style="text-align: left;">นิยายจบดีนะคะ จัดว่าเป็นกึ่งๆ นิยายรักโรแมนติกก็ได้ค่ะ เพียงแต่วิธีเล่าของผู้แต่งทำให้มันไม่โรแมนติก 55 ส่วน NC เนี่ย ชัดเจนประหนึ่งนั่งสังเกตการณ์อยู่ข้างเตียงเลยค่ะ เหอ เหอ</p><p style="text-align: left;"><br /></p>OYhttp://www.blogger.com/profile/12553399482852775884noreply@blogger.com0