Sunday, June 11, 2023

The Institute

 


หนังสือชื่อ  :  The Institute

ผู้แต่ง  :  Stephen King

สำนักพิมพ์. :  Hodder & Stoughton


พล็อตเรื่องซ้ำๆ เหมือนหลายๆ เล่มของคิง แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการเล่าเรื่องในสนุกจนวางไม่ลงค่ะ

หนังสือเริ่มด้วยเล่าเรื่องของชายที่ชื่อ Tim Jamieson อดีตตำรวจที่ถูกบังคับให้ลาออกจากงาน กำลังเปลี่ยนใจแลกตั๋วเครื่องบินไปนิวยอร์คกับเงินสองพันดอลลาห์ แล้วใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยโบกรถไปเรื่อยๆ ที่ไหนมีงานก็ทำแลกเงินสักพัก จนกระทั่งเขาเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ ชื่อ DuPray

ที่เมือง DuPray ทิมสมัครงานเป็น Night Knocker (หน้าที่คล้ายๆ ยามเดินตรวจตราตามท้องถนนตอนกลางคืน) -- ที่เมืองนี้ ทิมทำงานได้ดี ดูเข้ากับชีวิตใหม่ได้ดีค่ะ และก็กำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นตำรวจในเร็วๆ

-

เสร็จแล้วหนังสือก็ตัดมาที่ เรื่องชีวิตของ Luke Ellis เด็กชายอัจฉริยะวัย 12 ขวบ กำลังเตรียมตัวสอบ SAT เพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย 

แต่แล้วคืนหนึ่งชีวิตของ Luke ก็เปลี่ยนผันไปตลอดกาล -- Luke ถูกลักพาตัวในขณะกำลังหลับ! คนร้ายยิงสังหารพ่อกับแม่แล้วโปะยาสลบเด็กชาย และนำตัวมายัง "สถาบัน"

ที่สถาบัน Luke เจอกับเด็กหลายคนที่ประสบชะตากรรมแบบเดียวกับเขา คือถูกลักพาตัวมา และถูกบังคับเป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง ถูกฉีดยา จับโยนลงในถังน้ำ ให้ดูหนังจนกระทั่งเห็นแสงเห็นจุด

เด็กทุกคนที่ถูกจับตัวมานั้น ถูกเลือกมาอย่างรอบคอบ ทุกคนมีความสามารถพิเศษ คือ มีโทรจิต (TP) หรือสามารถเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยพลังจิต (TK) และที่พวกเขาเลือกเด็ก เพราะความสามารถด้านพลังจิตเหล่านี้จะจางลงเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ค่ะ (และเด็กควบคุมง่ายด้วยแหละ)

ในหนังสือบอกว่าความสามารถของเด็กพวกนี้ไม่ได้พิเศษมากมายนะคะ คือพิเศษกว่าคนปกติแหละ แต่ไม่ได้ถึงขนาดเป็นพระเจ้าอะไรขนาดนั้น ...สถาบันจึงจับตัวพวกเขามาเพื่อทดสอบและ "เพิ่ม" ความสามารถทางด้านพลังจิตของพวกเด็กๆ ให้เข้มข้นขึ้น ถึงแม้ว่าวิธีการนั้นจะเป็นการทำทารุณเด็กๆ เหล่านี้อย่างมากก็ตาม สถาบันก็ไม่ได้สนใจค่ะ เพราะพวกเขามีจุดมุ่งหมายที่ใหญ่กว่านั้น

สถาบันตั้งอยู่กลางป่าในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐเมน อเมริกา -- สถาบันตั้งมาหลายสิบปีแล้ว มีคนทำงานกับสถาบันมากมาย (แต่ไม่มีคนท้องถิ่น) -- ทุกคนเห็นรู้ และบางคนก็ลงมือกระทบทารุณลงโทษเด็กด้วยซ้ำ แต่ผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำงานในสถาบันมองว่าเด็กเหล่านี้เปรียบเสมือนวัตถุ หรือสมบัติอย่างหนึ่ง ไม่ได้มองว่าเด็กมีชีวิต มีจิตใจ ดังนั้นในสามัญสำนึกของพวกเขาจึงไม่ได้มองว่าเรื่องนี้ผิดศีลธรรมแต่อย่างใด

เนื่องจากพวกเขาเป็นเด็ก (ถึงแม้เด็กบางคน เช่น Luke) จะฉลาดมากก็ตาม แต่ยังไงก็เด็ก ดังนั้นการควบคุมจึงง่าย และทางหนีก็เด็กเหล่านี้จึงแทบปิดตายไปได้เลยค่ะ 

ดังนั้นความลุ้นความสนุกของหนังสือ คือการลุ้นว่า Luke จะหนีออกไปได้อย่างไร ซึ่งการทำเช่นนั้นได้ต้องการผู้ใหญ่ที่เป็นพนักงานของสถาบันร่วมมือช่วยชี้ช่องหนี แล้วใครผู้ใหญ่ที่ไหนจะกล้าเสี่ยงชีวิตช่วยเด็กเหล่านี้? ----

ช่วงที่สามคือช่วงที่ Luke หนีจากสถาบันมาเจอกับทิมค่ะ และทั้งคู่ต้องเข้าไปช่วยเพื่อนๆ เด็กคนอื่นๆ ในสถาบัน ถือเป็นช่วงที่สนุกสุด วางไม่ลง และให้ความสะใจได้ดีค่ะ ...แต่เมื่ออ่านมาตั้งแต่ต้นถึงสิ่งที่ผู้ใหญ่เหล่านั้นกระทำกับเด็กๆ ก็ให้รู้สึกว่าตายง่ายไปไหม

--

ในช่วงเฉลยปมสุดท้าย ถึงความเป็นมาของสถาบัน อันนี้รู้สึกว่าพล็อตหลวมไปค่ะ มันไม่สมเหตุสมผล ออกแนวทฤษฎีสมคบคิด แต่มันดูตื้นเขินและเลื่อนลอยเกินไป -- คือไม่น่าเชื่อว่าแนวคิดแบบนี้ มีคนที่ฉลาด รวย และมีอิทธิพลกลุ่มหนึ่งเชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้งๆ ที่มีข้อมูลทางคณิตศาสตร์หักล้างแล้วว่าความเชื่อของพวกเขาไม่เป็นจริง 



No comments:

Post a Comment