Saturday, March 16, 2013

The Alchemist : A beautiful book



หนังสือชื่อ : The Alchemist

ผู้แต่ง : Paulo Coelho

สำนักพิมพ์ : HarperCollins



       หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีไว้ขายค่ะ แต่อยากรีวิว เนื่องจากเป็นหนังสือที่ดีมากกกก สวยมากกก... หนังสือเล่มนี้ได้รับการแนะนำจากแฟนให้อ่านค่ะ แนะนำตั้งแต่คบกันใหม่ๆ ถึงขั้นเอามาให้ยืมอ่านด้วย หากแต่ว่า...สามปีผ่านไป พึ่งหยิบมาอ่านค่ะ แหะ แหะ

        หนังสือเล่มนี้ต้นฉบับเป็นภาษาโปรตุเกสค่ะ เนื่องจากคนแต่งเป็นคนบราซิล และหนังสือเล่มนี้ได้รับการแปลไปมากกว่า 63 ภาษาทั่วโลก ขายได้มากกว่า 30 ล้านเล่ม (ข้อมูลได้จากปกหลังของหนังสือ ปี 2006 ค่ะ ป่านนี้น่าจะขายได้มากกว่านี้) สำหรับเวอร์ชั่นภาษาไทยของหนังสือเล่มนี้ ชื่อ "ขุมทรัพย์ที่ปลายฟ้า" แปลโดย คุณชัยวัฒน์ สถาอานันท์ สำนักพิมพ์คบไฟ ค่ะ

         หนังสือเล่มนี้ มีอิทธิพลกับชีวิตของใครหลายๆ คนเลยค่ะ ประธานาธิบดีคลินตันก็อ่านนะ มาดอนนาก็อ่านค่ะ :)  จึงอยากให้คนที่ยังลังเล รีบหามาอ่านกันค่ะ ได้อะไรกับชีวิตแน่นอนค่ะ

         หนังสือเล่มนี้ เล่าเรื่องเด็กหนุ่มเลี้ยงเเกะชาวสเปนคนหนึ่ง ชื่อ Santiago (ซานดิเอโก) ซี่งพ่อของเขาอยากให้เขาเป็นพระ หากแต่เขายังไม่แน่ใจนักว่านั่นคืออนาคตที่เขาตั้งการจริงๆ เขาอยากเป็นนักผจญภัยมากกว่า พ่อผู้ซึ่งใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในแต่หมู่บ้าน ไม่เคยไปไหนไกล แต่กลับซื้อฝูงแกะให้เขา และให้เขาเริ่มอาชีพเด็กเลี้ยงเเกะ เนื่องจากเป็นอาชีพเดียวที่จะได้เดินทาง ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ

          ซานดิเอโกมีความฝันซ้ำๆ ถึงขุมทรัพย์ที่อยู่ที่ปิรามิดในอียิปต์ เขาจึงไปหายิปซี เพื่อให้ทำนายฝัน ยิปซีทำนายฝันให้โดยให้เขาสัญญาว่าจะต้องเเบ่งสมบัติที่ค้นพบนั่น 1 ใน 10 ส่วนให้กับเธอ ซานดิเอโกตกลง เธอจึงทำนายฝันของเขาว่า "เมื่อเขาฝันว่ามีสมบัติที่ใต้ฐานปิรามิด ถ้างั้น เขาก็ต้องเดินทางไปอียิปต์ เพื่อหาสัมบัติที่นั่น"  (เป็นคำทำนายที่ลุ่นๆ ง่ายๆ มาก)

        ขณะที่ซานดิเอโกกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปตามความฝันของตนเองดีไหม เขาก็ได้พบกับชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นกษัตริย์แห่ง Salem ชื่อ Melchizedek กษัตริย์บอกกับซานดิเอโกว่า หลายๆ คนทิ้งความฝันของตัวเองโดยยังไม่แม้แต่จะลองดู เพราะมันดูเสี่ยง ดูยากที่สำเร็จ ทุกคนมีความฝัน แต่มีใครเลยจะพยายามให้ถึงฝัน กษัตริย์ได้บอกเคล็ดลับ (โดยเเลกกับแกะ 10 ตัว) ว่า ใช้เชื่อในลางสังหรณ์ของตน มีประโยคหนึ่งที่กษัตริย์พูดกับซานดิเอโก และออยประทับใจมากกก...ประโยคนั้นคือ

"...When you want something, all the universe conspired in helping you
to achieve it"

        แปลน่าจะได้ว่า เมื่อคุณต้องการสิ่งใด ทั้งจักรวาลจะพยายามช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ (แอบสงสัยว่าหนังสือ The Secret อาจจะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเล่มนี้ก็เป็นได้)

           ซานดิเอโกจึงขายแกะของเขา และเดินทางตามโชคชะตาไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อค้นหาสมบัติที่อยู่ใต้ฐานปิรามิด เขาสูญเสียเงินที่ได้จากการขายแกะไปกับคนโกง เมื่อไม่มีเงิน เขาจึงต้องทำงาน โดยไปเป็นลูกจ้างที่ร้านขายเครื่องแก้วคริสตัล

       ชายเจ้าของร้านเครื่องแก้วคริสตัล ก็มีความฝันเหมือนกันค่ะ ตลอดทั้งชีวิตเขาใฝ่ฝันที่จะได้ไปเมกกะ หากเเต่เมื่อกิจการร้านคริสตัลของเขา ภายใต้การช่วยเหลือของซานดิเอโก ดีวันดีคืน จนเขามีเงินมากพอที่จะไปเมกกะได้ เขากลับปฏิเสธที่จะเดินทาง เนื่องจากเขากลัวค่ะ ชายเจ้าของร้านคริสตัลกลัวว่า เมื่อเขาบรรลุสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาทั้งชีวิตแล้ว เขาจะรู้สึกว่างเปล่า และปราศจากความฝันอีกต่อไป (เหมือนเราบางคนนะคะ บางคนมีฝัน แต่ไม่ได้พยายามมากมายนักที่จะทำให้ตัวเองบรรลุฝันนั่น เนื่องจากกลัวความสำเร็จ และเขามีความสุขที่จะได้ฝันมากกว่า) 

          ซานดิเอโกทำงานในร้านคริสตัล จนเก็บเงินได้มากพอ เขาจึงบอกลาเจ้าของร้าน และเดินทางข้ามทะเลทรายเพื่อไปยังปิรามิด โดยเดินทางไปกับกองคาราวาน และในกองคาราวานนี้เอง เขาได้รู้จักกับชายชาวอังกฤษ ผู้คงแก่เรียนและมีความฝันเหมือนกันค่ะ และกำลังเดินทางหาฝันนั้น 

     ชายชาวอังกฤษฝันที่จะเป็นผู้รอบรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุค่ะ สามารถเปลี่ยนตะกั่วราคาถูกให้เป็นทองคำได้ ดังนั้นเขาจึงออกเดินทางมาหา "Alchemist"  เพื่อขอเรียนวิชานี้ค่ะ ซึ่งเขารู้มาว่า Alchemist พักอยู่ที่โอเอซิส กลางทะเลทรายแห่งนี้

          การเดินทางผ่านทะเลทรายเพื่อไปยังปิรามิดของซานดิเอโก มีการผจญภัยมากมายค่ะ ทั้งสงครามระหว่างชนเผ่าในทะเลทราย การพบรักกับฟาติมา สาวสวยที่โอเอซิส การเจอกับ Alchemist และเรียนรู้สิ่งที่ Alchemist สอน การพบกับหัวหน้าโจรและถูกปล้น

         ไม่อยากสปอยหนังสือไปมากกว่านี้ค่ะ สามารถหาซื้ออ่านต่อกันได้นะคะ ถ้าอยากรู้ว่าในที่สุดความฝันของซานดิเอโกเป็นจริงหรือไม่ เขาได้พบสมบัติหรือไม่

           ออยเองไม่แน่ใจว่า ฉบับภาษาไทยยังมีจำหน่ายอยู่หรือไม่ หากไม่มีแล้ว แนะนำว่า ฉบับภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ยากเลยค่ะ อ่านง่าย และสวย ... หนังสือที่ใช้ภาษาที่สวยเป็นยังไง ลองอ่านเล่มนี้ดูนะคะ




      


Thursday, March 14, 2013

ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ







หนังสือชื่อ : ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ

ผู้แต่ง : ติช นัท ฮันท์

ผู้แปล : พระประชา ปสนนธมโม

สำนักพิมพ์ : มูลนิธีโกมลคีมทอง



     หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้คิดจะขายค่ะ เพราะพิจารณาแล้วคงไม่คุ้ม เนื่องจากราคาจากหน้าปกก็ 95 บาทเองค่ะ ถึงลดราคาให้ 50% แต่บวกค่าขนส่งแล้ว ก็จะเกินราคาหนังสือเอา แต่อยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ เพราะบางครั้ง ถึงโลกจะก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ไปเพียงใด แต่ทางด้านจิตใจ เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องมี "ศาสนา" เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวค่ะ

       สิ่งแรกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่เคร่งศาสนาอย่างออยก็คือ หนังสือเล่มนี้ เหมาะกันทุกศาสนา อยากเรียกว่าเป็นหนังสือปรัชญาซะมากกว่า ผู้แต่งคือ พระอาจารย์ติช นัท ฮันท์ ท่านเป็นพระชาวเวียดนาม หากแต่ลี้ภัยสงครามไปอยู่ที่ฝรั่งเศส แต่ก่อตั้งสำนักสงฆ์ที่ชื่อ "หมู่บ้านพลัม" ที่นั่น เพื่อเผยแพร่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา 

      ในหนังสือเล่มนี้ ได้บอกกับเราว่า "เวลา ณ ปัจจุบัน คือเวลาที่สำคัญที่สุด" เนื่องจาก อดีต ได้ผ่านไปแล้ว จงไม่ใช่ของเราอีกต่อไป และ อนาคต ก็ยังมาไม่ถึง จึงยังไม่เป็นของเรา เราทุกคนจึงมีเพียงปัจจุบันขณะเท่านั้น ที่เป็นของเรา เราจึงต้องอยู่กับปัจจุบัน ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเรา ณ ขณะนี้ให้ดีที่สุด และนี่คือวิธีที่เรียกว่า "การฝึกสติ"

      เราควรมีสติ รู้ตัวทุกๆ การกระทำของเรา หนังสือได้ยกตัวอย่าง "การล้างจาน เพื่อล้างจาน" คือการล้างจานอย่างมีสติ อย่างรับรู้ว่าขณะเรากำลังล้างจาน ทำการล้างจานให้ดีที่สุด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าจานสกปรกที่อยู่ตรงหน้าเรา หรือการหาความสงบจากชิ้นส้ม คือการที่เมื่อเรากินอาหาร หากแต่ใจเรากลับไม่ได้ลิ้มรสอาหารที่อยู่ตักเข้าปากนั้น ใจเรากลับคิดไปถึงสิ่งที่เราจะทำหลังจากทานอาหารเสร็จ หรือเรื่องอื่นๆ ซึ่งนั่นน่าเสียดาย ทำให้เราพลาดความรู้สึกมหัศจรรย์ในรสชาดของอาหาร ดื่มด่ำความสุขของการทานส้มชิันหวานชิ้นนั้น

      ผู้แต่งบอกว่า ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในทุกวัน ทุกนาที คือ ปาฏิหาริย์ของการเกิดมา รับรู้ และมีสติ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่ง การรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง เมื่อโกรธ ก็รู้ว่าฉันกำลังโกรธ (เขาไม่ได้บอกให้ระงับโกรธ หรือเสแสร้งว่าไม่ได้โกรธนะคะ) แต่ให้พิจารณาอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองนั่น แล้วเดี๋ยวอารมณ์นั่นก็จะหายไปเองแหละค่ะ (คงเหมือนเวลาเราอ่านเรื่องลึกลับ เรื่องผี แล้วเอาวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบาย อารมณ์กลัวก็จะหายไปเอง)

      ในหนังสือมีนิทานด้วยค่ะ เรื่อง "คำตอบอัศจรรย์ 3 ประการ" เรื่องมีอยู่ว่า จักรพรรดิองค์หนึ่งต้องการรู้คำตอบของ 3 ปัญหา โดยเชื่อว่า หาได้คำตอบแล้ว จะทำให้พระองค์เป็นคนที่ทำอะไรไม่เคยผิดพลาดเลย คำถาม 3 ข้อนี้คือ
        1. เวลาไหนเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจแต่ละอย่าง
        2. ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ควรทำงานด้วย
        3. อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา

      มีคนพยายามหาคำตอบแก่พระจักรพรรดิ์หลายคนเลย แต่คำตอบก็ยังไม่ถูกใจ พระจักรพรรดิ์ทราบมาว่า มีพระฤาษีตนหนึ่งอาศัยอยู่บนเขา อาจรู้คำตอบต่อปัญหาทั้งสามนี้ พระองค์จึงเสด็จไปหา ตามลำพัง โดยให้องครักษ์รออยู่ที่ตีนเขา ส่วนตัวพระองค์เองก็ปลอมตัวเป็นชาวนาเข้าไป

      เมื่อถึงที่พักของพระฤาษี พระองค์พบว่า ฤาษีผู้ชรากำลังขุดดินอยู่ จึงอาสาเข้าไปช่วย พร้อมทั้งถามคำถามทั้งสามข้อนั่นไปด้วย หากแต่ฤาษีก็ไม่ตอบ พระจักรพรรดิ์จึงต้องขุดดินต่อจนบ่ายคล้อย และขณะที่จะถามคำถามอีกครั้งนั้นเอง มีชายคนหนึ่งถูกแทง วิ่งเตลิดมา และล้มหมดสติลง 

      พระจักรพรรดิ์จึงต้องทำการปฐมพยาบาลชายผู้นั่น และคอยเฝ้าไข้ชายผู้นั่นตลอดทั้งคืน เมื่อชายผู้นั่น ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็สารภาพต่อพระจักรพรรดิ์ว่า จริงๆ แล้วเขาตั้งใจที่จะมาลอบสังหารพระองค์ เพื่อแก้แค้นให้พี่ชาย ที่ถูกฆ่าตายในสงคราม หากแต่ถูกองครักษ์ของพระจักรพรรดิ์พบเข้า และถูกแทง จนหนีมา จนเจอพระจักรพรรดิ์ ผู้ช่วยชีวิตตน จึงขอประทานอภัยโทษ พระจักรพรรดิ์ก็ดีใจ ที่ศัตรูกลับมาเป็นมิตร จึงให้อภัย

       เมื่อพระจักรพรรดิ์จะเสด็จกลับ จึงถามคำถามสำคัญสามข้อนี้ กับฤาษีเป็นครั้งสุดท้าย ฤาษีก็ตอบว่า ท่านได้รับคำตอบทั้งหมดแล้วนี่

         1. เวลาที่เหมาะในการทำกิจแต่ละอย่าง คือ เวลาในช่วงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลาเดียวเท่านั้นที่เราเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

         2. คนที่สำคัญที่สุด ที่ควรทำงานด้วย คือ คนที่อยู่ต่อหน้าเรา คนที่เรากำลังติดต่ออยู่ เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตเราจะมีโอกาสได้ติดต่อกับเขาอีกหรือไม่

       3. สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา คือ ภารกิจการทำให้คนที่อยู่กับเราขณะนั้นมีความสุข เพราะนั่นเป็นภารกิจอย่างเดียวของชีวิต!!!


       สนใจหนังสือเล่มนี้ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปนะคะ (งานสัปดาห์หนังสือ น่าจะมีลดราคา) หรือสั่งซื้อที่ book@komol.com ค่ะ




      

Tuesday, March 12, 2013

ทวิภพ






หนังสือชื่อ  :  ทวิภพ

ผู้แต่ง : ทมยันตี

สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรม

ขายแล้วค่ะ!!!



      หลังจากที่ได้รีวิวหนังสือเครียดๆ วิชาการๆ มาหลายเล่มแล้ว คราวนี้ เรามาโรแมนติกกันบ้าอะไรบ้างค่ะ

      ทวิภพเล่มนี้ ซื้อมานานแล้วค่ะ ซื้อสมัยละครที่คุณสิเรียม เล่นคู่กับคุณศรัณยู แต่หนังสือสภาพยังดีอยู่นะคะ และรับประกันความโรแมนติกก็ยังไม่ลดลงค่ะ

      อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว รับรองว่าจะได้อมยิ้มกับความน่ารักของแม่มณีกับคุณหลวจะได้เห็นว่า คนสมัยก่อนเวลาเขาจีบกัน รักกัน ชอบกันนี่ ช่างล้ำลึกนัก!!!   รับรู้ว่ารัก โดยไม่ได้บอกรัก การกระทำ สำคัญกว่าคำพูด 

        ในหนังสือเล่มนี้ ผู้แต่งยังได้สอดแทรกวัฒนธรรม ความเชื่อ ของคนไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ไว้ด้วย ทำให้เรานึกภาพตามถึงชีวิตที่ร่มเย็น สงบ และไม่เร่งรีบ 

   เนื่องด้วยช่วงเวลาในยุคเเม่มณีกับคุณหลวงนั่น เป็นยุคล่าอาณานิคมของฝรั่ง ทางใต้ของไทย มาเลเซียก็ถูกครอบครองด้วยอังกฤษ เช่นเดียวกับพม่า ในขณะที่เพื่อนบ้าน ทางอีสาน กัมพูชา และลาวก็โดนยึดโดยฝรั่งเศส ไทยจึงเป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง หนังสือเล่มนี้ จึงไม่ได้เป็นแค่นิยายที่บอกเล่าเรื่องราวรักเท่านั้น หากแต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความรักชาติของคนในสมัยก่อนด้วย ความรักชาติที่อยากให้ย้อนเวลากลับมาในสมัยนี้จัง ในหนังสือ เราจะได้เห็นกลยุทธ์ที่บรรพบุรุษของเรา พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะรักษาเอกราชของประเทศไว้!!!

       สนใจหนังสือเล่มนี้ ขายต่อในราคาลด 50% ค่ะ เหลือ 220 บาท มีสองเล่มจบ และค่าจัดส่งทาง EMS อีก 50 บาทค่ะ สนใจติดต่อ kasibanoy@gmail.com


Sunday, March 3, 2013

TEAN THINKING : แนวคิดแบบลีน



หนังสือชื่อ : แนวคิดแบบลีน

ผู้แต่ง : James P. Womack และ Daniel T. Jones

ผู้แปล : ดร.วิทยา สุหฤทดำรง และ ยุพา กลอนกลาง

สำนักพิมพ์ : อี.ไอ.สแควร์

ราคา 450 บาท  ลด 50%!!!

เหลือ 225  บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท

สนใจติดต่อ kasibanoy@gmail.com


 หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่สนใจการจัดการเเบบลีนค่ะ ถือเป็นหนังสือคัมภีร์สำหรับการจัดการเเบบลีนเลยก็ว่าได้ เป็นหนังสือการจัดการแบบลีนเล่มนี้เป็นที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกค่ะ สำหรับคนที่ทำงานด้านการจัดการควรมีเก็บไว้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ทำงานด้านการจัดการทางอุตสาหกรรมเท่านั่นนะคะ เพราะการจัดการด้านการบริการ ตอนนี้ก็มีการนำการให้บริการแบบ "ลีน" เข้าไปใช้เเล้วค่ะ

     ลีน - Lean ถ้าเเปลตรงตัว จะแปลว่า ไม่มีส่วนเกิน ดังนั้นการจัดการแบบลีน คือการจัดการให้ผลิตภัณฑ์สามารถลื่นไหลไปในสายธารคุณค่า โดยลดการสูญเสียให้มากที่สุด ลดการผลิตเกินจำเป็น หากแต่ว่า ก่อนที่จะนำการจัดการแบบลีนมาใช้ได้ เราก็ต้อง "คิดแบบลีน - Lean Thinking"  ให้ได้เสียก่อน

         การคิดแแบบลีนช่วยให้ผู้จัดการสามารถระบุ "คุณค่า - Value" ของสินค้าหรือบริการของตัวเองได้อย่างชัดเจน เพื่อนำไปจัดเรียงกิจกรรมตาม "สายธารคุณค่า - Value Stream" และช่วยให้เกิด "การไหล - Flow" ของคุณค่า ตาม "การดึง - Pull" ของลูกค้า

         รายละเอียด ความหมาย ของแต่ละคำศัพท์ เช่น "คุณค่า" "สายธารคุณค่า" "การไหล" มีคำอธิบายอยู่ภายในหนังสือเล่มนี้แล้ว ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย มีการยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัด จากความสำเร็จของโรงงานที่นำลีนไปใช้ เช่น โตโยต้า เป็นต้น

       หนังสือเล่มนี้ ออยซื้อมาสมัยที่เรียนปริญญาโท สาขาการจัดการอุตสาหกรรมค่ะ อ่านแล้ว และพบว่ามีประโยชน์มากมาย แต่เนื่องจากตอนนี้ มีโครงการย้ายไปต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถขนหน้งสือหลายๆ เล่มไปด้วยได้ ประกอบกับมีแผนที่จะเปลี่ยนสายงานไปทำงานทางด้านสายคอมพิวเตอร์แทน จึงคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ เลยนำมาเสนอขายต่อ ในราคาลด 50% ค่ะ เหลือ 225 บาท บวกค่าจัดส่งทาง EMS  50 บาทค่่ะ สนใจติดต่อมาที่ kasibanoy@gmail.com ค่ะ