Monday, October 31, 2022

พระอาทิตย์เที่ยงคืน

 


หนังสือชื่อ  :  พระอาทิตย์เที่ยงคืน

ผู้แต่ง  :  ฮิงาชิโนะ เคโงะ

ผู้แปล  :  สุริยงวรวุฒิ สิริวิวัฒน์กุล

สำนักพิมพ์  :  ไดฟุกุ บริษัท บุ๊ค ไทม์ จำกัด


สนุกมากค่ะ เป็นผลงานชั้นขึ้นหิ้งเลยทีเดียว ถ้ามีคนถามว่านิยายแนวสืบสวนสอบสวน/ทิลเลอร์ เล่มไหนสนุกที่สุด ... หนังสือ "พระอาทิตย์เที่ยงคืน" จะต้องอยู่ในรายการอย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ

คดีเริ่มจากเจ้าของโรงรับจำนำถูกฆ่าตาย พบเป็นศพอยู่ภายในตึกร้างแห่งหนึ่ง ก่อนตายผู้ตายเบิกเงินมาล้านเยน เงินนั้นก็หายไปปริศนาด้วยค่ะ ... การสอบสวนพบผู้ต้องสงสัย หญิงม่ายที่ผู้ตายไปพบก่อนเสียชีวิต และสอบสวนขยายผลไปถึงผู้ชายอีกคนที่ไปมาหาสู่กับหญิงม่ายผู้นี้ด้วยค่ะ ... และตำรวจก็มืดแปดด้าน เพราะยังไม่พบหลักฐานชัดเจนที่จะสาวไปถึงตัวฆาตกรได้ ... และต่อมาไม่ได้ ผู้ต้องสงสัยคือหญิงม้าย และแฟนก็เสียชีวิต

เหมือนเป็นคดีตัน คดีปิดไม่ลง แต่ชีวิตก็ดำเนินต่อไป เรื่องเขียนเล่าภายใต้มุมมองของคนรอบตัว คิริฮาระ เรียวจิ - ลูกชายของชายเจ้าของโรงรับจำนำที่ถูกฆ่าเสียชีวิต และ นิชิโมโตะ ยูกิโฮะ - ลูกสาวของหญิงม่ายที่เป็นผู้ต้องสงสัย

เสน่ห์ของหนังสือไม่ได้อยู่ที่ว่า คนร้ายคือใครค่ะ ... คนร้ายคือใครนั้นเราพอจะเดาออก ถึงแม้จะรู้สึกเหลือเชื่อก็ตามที แต่ความรู้สึกสงสัยก็ตามมาว่า อะไรคือแรงจูงใจ? มันต้องมีอะไรที่เลวร้ายมากๆ เกิดขึ้นกับพวกเขา ที่ทำให้พวกเขาเลือกทางเดินอันมืดมิดนี้ 

ทั้งเรื่องเป็นการสืบสวนที่กินเวลายาวนานถึง 19 ปี ตั้งแต่ทั้งเรียวจิ และยูกิโฮะ ยังเป็นเด็กประถม ไปจนพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ยาวนานจนคดีแรกที่เกิดเหตุของเรื่องนั้นหมดอายุความไปแล้ว ... แต่ 19 ปีที่ผ่านมานั้น ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะอยู่อย่างสงบและไม่มีการฆาตกรรมเกิดขึ้นสักหน่อย

ในเรื่องเราจะได้เห็นพัฒนาการ "ความร้าย" ของพวกเขาค่ะ คนฉลาดที่เลวนี่น่ากลัวที่สุด แถมยังทำงานเป็นทีมอีก ยิ่งน่ากลัว ... 

หนังสือไม่ได้เล่าในมุมของเขาสองคน แต่เล่าในมุมของคนรอบตัวทั้งคู่ (ทั้งคู่อยู่กันคนละสังคมอย่างสิ้นเชิงค่ะ ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่น่าจะรู้จักกัน แต่ถ้าอ่านเราจะเห็นความเชื่อมโยงว่าทั้งคู่มีการติดต่อกันอย่างลับๆ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง และช่วยเหลือกันเสมอในทุกช่วงเวลาของชีวิต) ทำให้เราค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวของพวกเขาเข้าด้วยกัน และเริ่มรู้จักพวกเขาขึ้นทีละน้อยๆ

สนุกมากค่ะ ตอนจบก็ปลายเปิด ชวนให้คิดต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา หนังสือไม่ได้เฉลยอะไรทุกอย่างเคลียร์กระจ่างแจ้งแบบนิยายนักสืบที่เฉลยตอนจบ แต่ทั้งหมดเป็นการคาดเดา สันนิษฐานที่เราคนอ่านปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน หนังสือไม่มีคำสารภาพของฆาตกรว่าทำเช่นนั้นไปทำไมเลยค่ะ ... และนี่ถือเป็นเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ

Sunday, October 30, 2022

ทาจิอาราอิ นักข่าวสาวสืบคดี : ความจริงระยะ 10 เมตร

 


หนังสือชื่อ  :  ความจริงระยะ 10 เมตร

ผู้แต่ง  ;  โยเนซาวะ โฮโนบุ

ผู้แปล  :  วิลาสินี สาโรวาท

สำนักพิมพ์  :  ไดฟุกุ บริษัท ไดฟุกุ ครีเอเตอร์ จำกัด


เล่มนี้สนุกค่ะ แนะนำเลย ผู้เขียนมีชั้นเชิงของการเล่าเรื่องทำให้เรื่องน่าติดตาม และให้บรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่น ผู้แปลก็แปลได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ทำให้เรานึกภาพบุคลิกของตัวเอกตามได้ไม่ยาก เป็นลักษณะของผู้หญิงเอาการเอางาน จริงจัง ลึกๆ แล้วมีความอ่อนไหว แต่กลับแสดงออกด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ เย็นชา เป็นบุคลิกที่เก็บทุกอย่างไว้กับตัว เป็นบุคลิกที่เหมาะกับการเป็นนักข่าวมาก บุคลิกของการเป็น "คนนอก" สันโดษ เป็นผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ 

ตัวเอกของเรื่องเป็นนักข่าวค่ะ ชื่อ "ทาจิอาราอิ" ในหนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องสั้น มีทั้งหมด 6 เรื่องด้วยกัน ตัวละคร ยกเว้นนักข่าวแล้ว ที่เหลือไม่เกี่ยวข้องกันค่ะ จะพลิกอ่านตอนไหนก่อนก็ได้ตามสะดวก

เพราะตัวเอกของเรื่องเป็นนักข่าว (ไม่ใช่ตำรวจ หรือนักสืบ) ดังนั้นเนื้อหาจึงเป็นการตามล่าหาความจริงของข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ดังนั้นโทนของเรื่องจึงเป็นเพียงการอยากรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร แต่ไม่มีการตัดสิน ไม่โทษว่าการกระทำนั้นผิดหรือถูก เป็นการเล่าในบรรยากาศของคนนอก ไม่ใช่ผู้รักษากฎหมาย

ในเล่มเป็นเรื่องสั้น 6 เรื่องด้วยกัน ได้แก่

ความจริงระยะ 10 เมตร

เป็นการตามหาผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อขอสัมภาษณ์ หลังจากที่เธอประสบมรสุมทางด้านการงาน โดนกล่าวหาบริษัทที่พี่ชายเธอเป็นผู้ก่อตั้งนั้นฉ้อโกงเงินของผู้ลงทุน -- เธอหนีไป การติดต่อล่าสุดคือโทรหาน้องสาวตอนกลางดึก และพูดแปลกๆ จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ...

ชายผู้เคารพความยุติธรรม

คนถูกรถไฟชน รูปการเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในญี่ปุ่น ...​แต่บังเอิญว่าในรถไฟขบวนนั้น มีนักข่าว "ทาจิอาราอิ" ตัวเอกของเรื่องโดยสารมาด้วย และเธอรู้สึกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่หากคือการฆาตกรรมต่างหาก 

พิษรักอัตวินิบาตกรรม

หนุ่มสาววัยมัธยมฆ่าตัวตายพร้อมกัน ทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ ...​เรื่องนี้เศร้าที่สุดในเล่มค่ะ... นักข่าวสืบหาว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการคิดสั้นของทั้งคู่ และใครที่ให้ความช่วยเหลือเด็กให้ฆ่าตัวตายด้วยจุดประสงค์ส่วนตัวบางอย่าง

จำรึกไว้ให้โลกจำ

เป็นเรื่องของคนแก่ที่เสียชีวิตคาบ้าน และผู้พบศพคือเด็กมัธยมที่อยู่บ้านใกล้กัน ... ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นข่าวดัง มีนักข่าวมาสัมภาษณ์เด็ก (คนที่เจอศพ) มากมาย รวมถึงมีการโยงไปในประเด็นทางการเมืองเรื่องความโดดเดี่ยว การปล่อยให้คนแก่อยู่ลำพังไม่มีคนดูแล 
เรื่องดูเหมือนไม่ซับซ้อนค่ะ ไม่ใช่ฆาตกรรมด้วย ... แต่ดูเหมือนเด็กที่เป็นผู้พบศพคนแรกนั้น มีอะไรบางอย่างคาใจซ่อนอยู่ อะไรบางอย่างที่ถ้าไม่เปิดเผยออกมา สิ่งนั้นจะติดไปในใจเขาตลอดไป และจะกัดกร่อนใจเขาในขณะที่เขาเติบโตขึ้นด้วย

มีดทำลายความทรงจำ

ส่วนตัวชอบเรื่องนี้ที่สุดค่ะ ชอบในชั้นเชิงการเล่าเรื่องของผู้เขียน ... เป็นเรื่องของพี่ชายของเพื่อนของนักข่าว (งงไหม คือนักข่าวมีเพื่อนผู้หญิงเป็นคนต่างชาติ และเพื่อนคนนี้มีพี่ชาย และตอนนี้พี่ชายมาทำธุระที่ญี่ปุ่น เลยนัดเจอกับเธอ) ทาจิอาริก็มาเจอตามนั้นค่ะ แต่เธอค่อนข้างยุ่ง เพราะกำลังทำข่าวเรื่อง น้าชายอายุ 16 ใช้มีดฆ่าหลานสาวแท้ๆ อายุ 3 ขวบของตัวเองอยู่ .. เรื่องฆาตกรรมก็ซับซ้อน ในขณะเดียวกันภายในใจของพี่ชายก็ซับซ้อนเช่นกันค่ะ ... เล่าเรื่องได้น่าติดตามมากค่ะ และสมบูรณ์ภายในบทสั้นๆ 

หนทางรอด

บทนี้น่าจะเกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นด้วยน่ะค่ะ ที่มองว่าสิ่งที่ตัวละครทำนั้นน่าละอาย และคนทำก็ละอายแก่ใจ คือถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ยุโรป ... ไม่มีใครว่าอะไรเลยค่ะ ทุกคนเข้าใจ
เป็นเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยออกจากบ้านที่มีโคลนถล่ม บริเวณนั้นมีบ้านอยู่ 3 หลังค่ะ ที่นักข่าวมาทำข่าวคือบ้านของตายายโทนามิ ส่วนอีกสองหลังนั้น ดูเหมือนจะหมดหวังในการช่วยผู้รอดชีวิตไปแล้ว ...​การช่วยเหลืออพยพเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ ทั้งสองตายายปลอดภัย ...​แต่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ค้างคาใจอยู่ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ยังเล่าไม่หมด ...

Saturday, October 29, 2022

กาลิเลโอไขคดีปริศนาลวงตา

 


หนังสือชื่อ  :  กาลิเลโอ ไขคดีปริศนาลวงตา

ผู้แต่ง  :  ฮิงาชิโนะ เคโงะ

ผู้แปล  :  สุรีรัตน์ งามสง่าพงษ์ และ วิลาสินี สาโรวาท

สำนักพิมพ์  :  ไดฟุกุ บริษัท บุ๊ค ไทม์ จำกัด


เป็นครั้งแรกที่อ่านหนังสือของผู้เขียนท่านนี้ค่ะ แต่เรื่องนักสืบกาลิเลโอนี้ เคยดูเป็นซีรีย์เมื่อนานมาแล้วค่ะ ... จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว จำได้แค่ว่าสนุก กับพระเอก (ที่เป็นอาจารย์ฟิสิกส์) หล่อ ...จำได้เท่านั้นเอง

สนุกสมคำรีวิวที่ผ่านๆ มาค่ะ เหมาะสำหรับการอ่านเล่นๆ ไม่คิดมาก ในเล่มเป็นเรื่องสั้นเป็นตอนๆ คือเป็นการสืบสวนหาฆาตกรของตัวเองหลักที่เป็นตำรวจ กับเพื่อนที่เป็นรองศาสตราจารย์ฟิสิกส์ ที่ต้องตกกระไดพลอยโจนช่วยเพื่อน เพราะความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง (ตามประสานักวิทยาศาสตร์)

ส่วนตัวคิดว่าถ้าเรื่องนี้เป็นซีรี่ย์ดูในทีวีจะสนุกกว่าค่ะ พอเป็นหนังสือ มันเลยดูเบาไป มันดูไม่มีความลุ่มลึก ความซับซ้อน หรือมีมิติให้ชวนคิด แต่อ่านสนุกๆ ก็แนะนำเลยค่ะ

ในหนังสือมี 7 เรื่องสั้น ได้แก่

1. งงงวย 

เป็นเรื่องของลัทธินอกรีตแห่งหนึ่ง ตำรวจต้องเข้ามาสืบสวนสาเหตุการตายของหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของลัทธิ ที่จู่ๆ ก็กลัวความผิด และกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ต่อหน้าต่อหน้าสมาชิกที่เหลือ

2. มองเห็นทะลุปรุโปร่ง

การตายของพนักงานต้อนรับในบาร์แห่งหนึ่ง พนักงานคนนี้มีความสามารถพิเศษในการเล่นกลว่ามองเห็นทะลุสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าของลูกค้าได้ ซึ่งพระเอกก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่าเธอ "ดูเหมือน" มองเห็นจริง ... และดูเหมือนความสามารถพิเศษนี้ ทำให้เธอพบจุดจบในชีวิต

3. เสียงจากใจ

เสียงแว่ว และพนักงานฆ่าตัวตาย 2 คนในเวลาไล่เลี่ยกัน ดูเหมือนพนักงานที่ฆ่าตัวตายนั้นจะได้ยินเสียงแว่วจนทนไม่ไหว นอกไปจากนี้ ยังมีพนักงานในบริษัทแห่งนั้น ที่มีอาการเสียงแว่วจนใกล้จะบ้าเต็มที ...​เกิดอะไรขึ้นในบริษัทแห่งนี้? มันจะบังเอิญไปไหม ที่พนักงานหลายคนเกิดอาการเสียงแว่วในเวลาไล่เลี่ยกัน

4. บอลโค้ง

เป็นเรื่องของนักเบสบอลที่กำลังจะหมดไฟในการเล่นแล้วค่ะ อายุเยอะแล้ว ความสามารถก็ถดถอยลง ...แล้วก็มาเกิดเรื่องเศร้ากับภรรยาของเขา ภรรยาถูกฆาตกรรม คดีนี้ตำรวจจับคนร้ายได้เร็ว ไม่ซับซ้อน เป็นเรื่องของการฆ่าชิงทรัพย์ ...​แต่ปริศนาคือ ในรถของผู้ตายมีกล่องของขวัญอยู่ ผู้ตายกำลังไปพบใคร? ปริศนาคือความลึกลับในชีวิตของผู้ตายก่อนเสียชีวิตค่ะ 

5. ส่งกระแสจิต

เป็นเรื่องของความผูกพันของคู่แฝด ที่ถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่ห่างไกลกัน แต่อีกฝ่ายกลับรับรู้ได้ หรือมีลางสังหรณ์ว่าคู่แฝดของตนกำลังได้รับอันตราย -- แต่กระแสจิตส่งถึงกันของคู่แฝดนี้ เป็นเรื่องจริงหรือ? มันควรมีเหตุที่น่าจะอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์มากกว่า ความลึกลับของกระแสจิตไหม?

6. บิดเบือน 

บทนี้ พระเอกกับเพื่อนไปร่วมงานแต่งงานค่ะ ตามสูตรคือฝนตกหนัก ปิดทางเข้า ... และก็เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในพื้นที่ใกล้ๆ โรงแรมที่จัดงานแต่งงาน พระเอกกับเพื่อนจึงได้รับเกียรติ (จริงๆ แกมบังคับ) ให้เป็นเจ้าหน้าที่ชุดแรกที่เข้ามาดูสถานที่เกิดเหตุก่อน 
พระเอกพบความไม่ชอบมาพากลของที่สภาพศพ และสืบสวนเบื้องหลังว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ

7. แสดงละครตบตา

ผู้กำกับละครถูกแทงตายในบ้านพัก คดีเริ่มด้วยการบอกคนอ่านตั้งแต่แรกเลยค่ะ ว่าใครคือฆาตกร ความสนุกอยู่ที่การที่ฆาตกรพยายามอำพรางหลักฐานทุกอย่างที่จะสาวถึงตัว ... และคนอ่านก็ลุ้นกันว่า ตำรวจจะรู้ความจริงเมื่อไร ในเมื่อฆาตกร และผู้ต้องสงสัยทุกคนต่างเป็นนักแสดงฝีมือดีกันทั้งนั้น

Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น

 


หนังสือชื่อ  :  Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น

ผู้แต่ง  :  James Clear

ผู้แปล  :  ประพาฬรัตน์ ยงมานิตชัย

ผู้เรียบเรียง  :  กนิษฐ์ พรหมเสน

สำนักพิมพ์  :  ซีเอ็ดยูเคชั่น


เป็นหนังสือดังค่ะ ดังในต่างประเทศมากด้วย ซื้อฉบับแปลเพราะมีจัดลดราคา คิดเสร็จสรรพแล้ว ราคาหนังสือฉบับแปลเป็นไทยถูกกว่าราคาหนังสือต้นฉบับภาษาอังกฤษเสียอีกค่ะ

ส่วนตัวมีเพื่อนสนิทชาวจีนคนหนึ่งค่ะ เพื่อนคนนี้อ่านหนังสือ Atomic Habits แล้วได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่าน นอกจากการนำสิ่งที่ได้อ่านมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว เธอจะคิดที่จะทำแอปพลิเคชั่นมาใช้เป็นการส่วนตัว เพื่อใช้ในการติดตามความคืบหน้าในการเปลี่ยนนิสัยของเธอด้วย ... และพอได้มาอ่านเอง ก็เห็นด้วยกับเพื่อนชาวจีนคนนั้นค่ะว่า นี่เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างที่ดีจริงๆ 

หนังสือฉบับแปลภาษาไทยถือได้ว่าแปลดีเลยทีเดียวค่ะ เรียบเรียงประโยคได้ดี อ่านลื่นไหลดี ...​คำแนะนำสำหรับคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ในรูปแบบอีบุ๊กคือ ให้ดาวน์โหลดมาอ่านในรูปแบบไฟล์ pdf ค่ะ เพราะในรูปแบบ ePub นั้น มีการจัดหน้าที่งงๆ มาก การจัดหัวข้อย่อยในบทดูงงๆ ทำให้มองความสำคัญของลำดับเรื่องในภาพรวมไม่ออก แถมการเว้นวรรคระหว่างคำก็งงๆ รูปประโยคดูงงไปเลยเมื่อเว้นวรรคผิด ... ดังนั้นอ่านแบบ pdf ดีที่สุดค่ะ

ผู้เขียนบอกว่า การเปลี่ยนนิสัย การสร้างพฤติกรรมที่ดี ที่เราอยากเป็นนั้นประสบความสำเร็จได้ ถ้าเราทำตามกฎ 4 ข้อ คือ

กฎข้อที่ 1. ทำให้เห็นชัดเจน เช่น การทำบันทึกประจำวันเพื่อติดตามนิสัยที่ต้องการจะเปลี่ยน หรือการเขียนให้เป็นรูปธรรมว่าต้องการจะเปลี่ยนนิสัยใด

กฎข้อที่ 2. ทำให้น่าดึงดูดใจ เช่น จับคู่กระทำที่อยากทำหรือที่ชอบทำ กับการกระทำที่จะเปลี่ยนนิสัย เพื่อสร้างสิ่งล่อใจหรือให้รางวัลเล็กๆ 

กฎข้อที่ 3. ทำให้เป็นเรื่องง่าย เช่น การสร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมาะกับการเปลี่ยนนิสัย การเปลี่ยนนิสัยแต่น้อย แค่วันละ 2 นาที แต่ทำทุกวันๆ จนติดกลายเป็นกิจวัตร เป็นต้น

กฎข้อที่ 4. ทำให้น่าพึงพอใจ เช่น การติดตามผลที่เห็นได้ วัดประเมินได้ มันจะทำให้เรารู้สึกพึงพอใจในความก้าวหน้าของตัวเองค่ะ 

ในทางตรงกันข้าม ผู้เขียนก็ได้บอกถึงกฎการเลิกพฤติกรรม หรือนิสัยที่ไม่ดี ที่เราต้องการเลิกด้วย โดยใช้กฎผกผันของกฎ 4 ข้อที่กล่าวไปแล้ว ได้แก่

กฎผกผันข้อที่ 1. ทำให้มองไม่เห็น เช่น อยากเลิกนิสัยเล่นเฟสบุ๊ก ก็บล็อกไปเลย คือถ้าเราไม่เห็นมัน แล้วเรายุ่งกับเรื่องอื่น เราก็จะลืมมันไป

กฎผกผันข้อที่ 2. ทำให้ไม่น่าดึงดูดใจ ปรับทัศนคติใหม่ เน้นให้เห็นประโยชน์จากการเลิกนิสัยนี้

กฎผกผันข้อที่ 3. ทำให้เป็นเรื่องยาก เช่น ในหนังสือยกตัวอย่างคนที่อยากเลิกนิสัยกัดเล็บเวลาเครียดๆ ก็ทำให้เป็นเรื่องยากโดยการไปทำเล็บให้สวยๆ ดังนั้นเวลาเครียดอยากกัดเล็บอีก มองเห็นเล็บสวยๆ ก็ไม่อยากกัดเล็บอีก สติก็มาเมื่อมองเห็นเล็บที่ทำไว้สวยแล้ว

กฎผกผันข้อที่ 4. ทำให้ไม่น่าพึงพอใจ อันนี้อาจต้องขอให้คนรอบข้างช่วยในการเลิกนิสัยนี้

-

จริงๆ แล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นคำที่กว้างมากค่ะ (ไม่เหมือนการปรับเปลี่ยนเฉพาะเจาะจง เช่น การเลิกบุหรี่ การออกกำลังกาย ฯลฯ) ... พอเขียนเป็นหนังสือเกี่ยวกับการปรับพฤติกรรม มันจึงเต็มไปด้วยการอุปมาอุปมัย การยกตัวอย่างไปมา ในเรื่องที่ไม่ต่อเนื่องกัน ... แต่หนังสือเล่มนี้ทำได้ดีทีเดียว ในแง่ที่ทำให้คนอ่านเห็นด้วย โดยเทียบกับประสบการณ์ที่ผ่านมาในการพยายามเลิกนิสัยบางอย่าง หรือพยายามสร้างนิสัยดีๆ บางอย่าง แต่ล้มเหลวมาก่อน 

นอกจากนี้ หนังสือยังเขียนถึงความพยายามในการรักษานิสัยที่ดีไว้ให้คงอยู่ การรักษาความกระตือรือร้นไว้ตลอดไป เพราะถ้าเราเปลี่ยนนิสัยได้จนถึงจุดหนึ่ง เราจะเริ่มเบื่อ และแสวงหาความท้าทายใหม่ 

และบทที่ดีที่สุดในหนังสือเล่มนี้ คือ ภาคผนวกค่ะ (อ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอ่านแนวคิดเรื่องการบำบัดทุกข์ในทางพุทธศาสนา แต่เขียนในเวอร์ชั่นตะวันตกเลยค่ะ)

Monday, October 17, 2022

The Dinner Guest

 


หนังสือชื่อ  :  The Dinner Guest

ผู้แต่ง  :  B P Walter

สำนักพิมพ์  :  HarperCollins Publishers


เล่มนี้สนุกค่ะ เรียกว่าอ่านเสียงานเสียการกันไปเลย ... ดำเนินเรื่องรวดเร็ว แต่ละบทมีแต่ความสงสัยๆ จนต้องอ่านบทต่อไป เรียกว่าผู้เขียนมีความสามารถในการเล่าเรื่องจนทำให้คนอ่านวางเล่มไม่ลง ต้องอ่านบทต่อบทไปเรื่อยๆ

เรื่องเริ่มจาก Metthew ถูกแทงตายระหว่างการรับประทานอาหารค่ำภายในครอบครัว ซึ่งประกอบไปด้วย Titus - ลูกชายบุญธรรม Charlie - คู่สมรสของ Matthew (เป็นครอบครัวเกย์ค่ะ ชายรักชาย) และ Rachel - ที่เป็นแขกเพียงคนเดียวในมื้อนั้น

หลัง Metthew ถูกแทง Rachel คือคนที่โทรไปแจ้งตำรวจ และสารภาพในที่เกิดเหตุว่าเธอเป็นคนแทง Metthew เอง ... ซึ่งทิ้งปริศนาเป็นคำถามแก่ทั้งสองคนในเหตุการณ์ที่เหลือมากว่า "ทำไม?"

หนังสือบอกชัดตั้งแต่บทแรกๆ เลยค่ะ ว่า Rachel ไม่ได้ทำ แต่สิ่งที่เราไม่เข้าใจคือ แล้วถ้างั้นเธอสารภาพกับตำรวจว่าเป็นคำทำทำไม? แล้วใครเป็นคนสังหาร Metthew ตัวจริง?

จากนั้นหนังสือก็เล่าในแต่ละช่วงเวลาย้อนไปในอดีต โดยแบ่งเป็นบทภาคความคิดของ Rachel และของ Charlie สลับกันไปกัน ... อดีตเริ่มตั้งแต่ที่ Rachel พยายามเข้ามามีบทบาทในครอบครัวของ Charlie

ในภาคของ Rachel เราจะรู้สึกว่า เธอมีความหลังที่เจ็บปวด การสูญเสียคนสำคัญในครอบครัว ที่เกิดขึ้นจากคนใดคนหนึ่งในครอบครัวของ Charlie 

ในภาคของ Charlie เราจะเห็น Charlie เองไม่ค่อยชอบ Rachel นัก และสงสัย หรือสังหรณ์อะไรบางอย่างว่า Rachel พยายามเข้ามาตีสนิทในครอบครัวของพวกเขา ... แต่พอ Charlie เอาเรื่องนี้ไปเล่าคนอื่นในครอบครัว กลับไม่มีใครเชื่อค่ะ ทุกคนชอบ Rachel

Charlie มาจากครอบครัวร่ำรวย รายล้อมไปด้วยคนฐานะดีๆ ในขณะที่ Rachel คือคนอังกฤษชั้นกลาง (ถึงล่าง) ธรรมดาๆ คนหนึ่งค่ะ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ Charlie จะสังหรณ์แปลกๆ กับการพยายามตีสนิทของ Rachel แต่ที่แปลกคือ ทำไมไม่มีใครคิดแบบเดียวกับ Charlie?

หนังสือเล่าฉากอดีต สลับกับฉากหลังวันเกิดเหตุฆาตกรรม Metthew ค่ะ ... โดยพ่อแม่ของ Charlie พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยลูกและหลานให้พ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งก็ไม่น่าจะลำบากอะไร เพราะ Rachel สารภาพแล้วว่าเธอเป็นคนทำ ...​และหนังสือก็เริ่มเฉลยอย่างช้าๆ ว่าใครกันแน่คือฆาตกรตัวจริง และแรงจูงใจของการสังหารคืออะไร

สนุกค่ะ ...แต่ไม่ค่อยชอบตอนจบเท่าไร เพราะจากเดิมเป็นเรื่องฆาตกรรม แต่ตอนจบออกแนวกลายเป็นเรื่องแบล็คเมล์ไป ... หนังสือเล่มนี้จบแบบปลายเปิดนะคะ ให้เราคิดต่อเองค่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต


Friday, October 14, 2022

The Ninth Grave

 


หนังสือชื่อ  :  The Ninth Grave

ผู้แต่ง  :  Stefan Arnhem

ผู้แปล  : Paul Norlen

สำนักพิมพ์  :  Head of Zeus Ltd


สนุกค่ะ  ผู้แต่งผูกปมเรื่องต่างๆ ได้ดี หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังสือ ในแต่ละฉาก เหมือนจะไม่เกี่ยวเนื่องอะไรกันเลย ทำให้คนอ่านอย่างเราสงสัยว่ามันจะมาเชื่อมโยงกันตอนไหน กว่าจะเฉลย ก็อ่านเรื่อยๆ จนจะจบเล่มแล้วค่ะ ...เดาคนร้ายผิดด้วยนะคะ คนร้ายเป็นคนที่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนร้ายค่ะ ...

แต่ถึงหนังสือเล่มนี้จะสนุก แต่สนุกไม่สุดค่ะ ... มีหลายอย่างคาใจ คือในหน้าปกยกยอว่าดีกว่าหนังสือของ Jo Nesbo ... แต่ส่วนตัวคิดว่า Jo Nesbo สนุกกว่าค่ะ

เรื่องเร่ิมด้วยจดหมายในอดีตเมื่อสิบปีที่แล้วฉบับหนึ่ง จดหมายนี้เขียนโดยนักโทษคนหนึ่ง และแอบส่งโดยจ่าหน้าซองแค่ชื่อผู้รับแต่ไม่มีที่อยู่ หวังเพียงพระเจ้าจะช่วยบันดาลให้จดหมายนี้ถึงมือผู้รับ ...​แต่ปาฏิหาริย์ก็มีจริง หลายปีต่อมา มีคนมาพบ และส่งจดหมายนี้ต่อไปยังผู้รับที่จ่าหน้า โดยเป็นที่อยู่ที่ประเทศสวีเดน

...​แล้วในหนังสือ ก็ทิ้งเรื่องจดหมายนี้ไปเลยค่ะ หายไปเลยยยย จนเราคนอ่านงง ว่ามันจะมาเกี่ยวกับเรื่องที่เหลืออย่างไร แบบเกริ่นมา แล้วก็ทิ้ง ไม่เขียนถึงอีกเลย 

มาส่วน Part ที่สอง เป็นเรื่องในเดือนธันวาคมปี 2009 ตำรวจของสวีเดนกำลังปวดหัวกับคดีการหายตัวไปอย่างลึกลับ 2 คดี คดีหนึ่งเป็นการหายตัวไปของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หายตัวไปจากอาคารรัฐสภาเลยค่ะ เข้าไปทำงาน แล้วไม่ออกมา ทั้งที่ภายในอาคารนั้นมีกล้องวงจรปิดแน่นหนา ...กับอีกคดีคือการหายตัวไปของหนุ่มเพลย์บอย ลูกชายของอดีตท่านทูตอิสราเอลประจำสวีเดน

คดีการหายตัวไปของรัฐมนตรียุติธรรมนั้น ยังไม่พบศพ ดังนั้นตำรวจจึงอยากให้สอบสวนในทางลับ ... ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับหน้าที่นี้คือ Fabian Risk ตัวเอกของเรื่องนี้นี่เอง ทำงานร่วมกับคู่หู Malin Rehnberg ซึ่ง Malin นั้นกำลังตั้งครรภ์เจ็ดเดือนอยู่ค่ะ (ในเล่ม นางจะขี้หงุดหงิดหน่อยๆ)

ในขณะเดียวกันนั้น ที่เดนมาร์ก ก็เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญขึ้นเช่นกัน ผู้ตายเป็นภรรยาของพิธีกรรายการทีวีชื่อดัง โดนสังหารโหดในบ้านพัก และสามีที่เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งก็หายตัวไป ...เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับหน้าที่ทำการสืบสวนเรื่องนี้คือ Dunja Hougaard เป็นตำรวจหน้าใหม่ ประสบการณ์น้อย สวยด้วย เจ้านายหวังเคลม เลยมอบหมายงานใหญ่ให้ทำ ด้วยเสน่หาเป็นพิเศษ

คดีฆาตกรรมในสองประเทศนี้ ตำรวจแต่ละประเทศก็ต่างฝ่ายก็สืบสวนกันไป ไม่มีเกี่ยวข้องกันเลยค่ะ ตำรวจทั้งสองประเทศไม่ได้ประสานข้อมูลอะไรกัน คนอ่านเองก็มองไม่เห็นความเชื่อมโยงอะไรกันด้วย นอกจากเห็นความเหมือนกันที่ว่า อวัยวะบางอย่างหายไปจากร่างกายของเหยื่อ

...

คือมันสนุกตรงที่ ถ้าให้เล่าก็จะเป็นการสปอยด์เรื่อง เพราะเรื่องจะค่อยๆ เปิดเผยความจริงขึ้นมาทีละนิดๆ ... ตอนแรกที่อ่านลุ้นให้ตำรวจจับฆาตกรให้ได้ ... แต่พออ่านไปๆ กลับเห็นใจ และอยากให้ฆาตกรทำภารกิจสังหารให้ครบตามแผนก่อนที่จะโดนจับ  

.

นอกจากคดีฆาตกรรมที่ลุ้นว่าใครคือฆาตกรตัวจริงแล้ว หนังสือยังมีดราม่าชีวิตส่วนตัวของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีด้วยค่ะ ...​ อย่างชีวิตคู่ของ Fabian Risk ก็กำลังง่อนแง่น ใกล้จะเลิกกันเต็มที เหลือแค่ใครสักคนออกปากเลิกเท่านั้นเอง ... คืออ่านแล้วคนอ่านอย่างเรารู้สึกว่า จริงๆ เขาก็รักกันอยู่นะ คือถ้าเขาไม่มีลูก เขาคงยังอยู่ด้วยกันได้ แต่เพราะมีลูก และลูกกลายเป็นอุปสรรคในการทำงาน และพวกเขาเลือกงานมากกว่าลูก ดังนั้นลูกที่อยู่ตรงกลางของทั้งคู่ จึงกลายเป็นสิ่งกีดขวางความสัมพันธ์ไป 

ชีวิตของ Malin ก็เหมือนกัน คือนางกำลังตั้งครรภ์อยู่นะ แต่ทำอะไรไม่ระวังเลย และไม่ได้คิดถึงลูกในท้องด้วยซ้ำ

.

ในหนังสือมีบางตอนที่รู้สึกขัดใจ เพราะมันดูไม่สมจริงค่ะ เช่น

1. ตอนที่ Dunja ไปตามหาฆาตกร แล้วก็เจอฆาตการกำลังหั่นศพ Dunja เป็นลม แต่ฆาตกรไว้ชีวิต (ด้วยจุดหมายบางอย่าง) พร้อมปล่อยทิ้ง Dunja ไว้กับศพ ... แทนที่ Dunja ฟื้นขึ้นมา จะรีบหาคนมาช่วยโทรเรียกตำรวจ แจ้งความ ...​นางกลับเดินทางกลับบ้าน ทั้งๆ ที่ตัวเปื้อนเลือดของเหยื่อเต็มไปหมด แถมถึงบ้านก็อาบน้ำชำระร่างกาย??? ได้ด้วยเหรอ!!! คือเธอเป็นตำรวจนะ มันไม่ใช่กระบวนการปกติที่คนเป็นตำรวจ หรือคนปกติควรทำ 

2. ฆาตกรฉลาดมาก อันนั้นโอเค แต่เอาเวลาที่ไหนมาฆาตกรรมไล่ๆ กันสองประเทศ แถมตัวฆาตกรเองก็มีงานประจำทำ??? มันควรจะมีคนช่วยป่ะ??? -- เช่น ตอนพา Malin ไปทิ้งไว้ที่สถานทูต คือผู้หญิงท้องไม่ใช่ตัวเล็กๆ นะ 

.

นั่นแหละค่ะที่ขัดใจ ทำให้สะดุด และกลายเป็นหนังสืออ่านสนุก แต่สนุกไม่สุด ... ส่วนตอนที่ตัวเองของเรื่องทั้งหลายเป็นถึงตำรวจ แต่พอเจอสถานการณ์ฉุกเฉินจริงๆ กลับทำอะไรไม่ถูก ขาตาย ช็อค ... อันนี้ก็เข้าใจได้ค่ะ ชีวิตจริงเราก็อาจเกิดอย่างนี้ขึ้นได้