Tuesday, January 28, 2025

If Cats Disappeared From The World

 


หนังสือชื่อ  :  If cats disappeared from the world

ผู้แต่ง  :  Genki Kawamura

ผู้แปล  :  Eric Selland

สำนักพิมพ์  :  Picador


ความตายมาถึงเราไม่ช้าก็เร็ว

หนังสือเขียนในลักษณะคล้ายไดอารี่ คนเขียนอายุ 30 ปี ทำงานเป็นบุรุษไปรษณีย์ โสด อยู่บ้านคนเดียวกับแมวลายทักซิโด ชื่อ Cabbage มีบุคลิก introvert มีความคิดลึกซึ้ง แต่ไม่พูดอธิบายสิ่งที่ตนรู้สึก ซึ่งพ่อของเขาก็มีนิสัยแบบนี้เช่นกัน ทำให้หลังจากแม่ของเขาเสียไปเมื่อสี่ปีก่อน เขาและพ่อก็ไม่พูดคุยกันอีกเลย 

เริ่มจากเขาไม่สบายเรื้อรัง และเมื่อไปหาหมอ หมอวินิจฉัยว่าเขาเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินหกเดือน หรือพูดง่ายๆ ว่าแต่ละวันที่เขายังหายใจอยู่ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว

เมื่อกลับมาบ้าน เขาเจอกับปีศาจ (ที่เขาตั้งช่ือว่า Aloha) ปีศาจยื่นขอเสนอกับเขา ให้เขาแลกให้สิ่งของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหายจากโลกนี้ไปหนึ่งชิ้น แลกกับชีวิตเขายาวนานขึ้นอีกหนึ่งวัน

ตอนแรกปีศาจเสนอแลกให้ชอคโกเลตหายจากโลกนี้ไป แต่พอปีศาจได้ชิมชอคโกเลตก็เปลี่ยนใจ มันอร่อยมาก เลยเกิดเสียดายถ้าของอร่อยแบบนี้จะหายไปจากโลกนี้

ของที่หายไปในที่นี้หมายถึง คนในโลกไม่รู้เลยว่ามันเคยมีอยู่ ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการใช้สิ่งของนั้นๆ เลย มีแต่ตัวเจ้าของเรื่องเองเท่านั้นที่จำได้ว่าโลกนี้เคยมีสิ่งนั้นอยู่

วันแรก โทรศัพท์หายไปจากโลกนี้ -- ปีศาจอนุญาตให้เจ้าของเรื่องใช้โทรศัพท์ได้เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อติดต่อคนที่เขาอยากโทรหาเป็นคนสุดท้าย

วันที่สอง ภาพยนตร์หายไปจากโลกนี้ -- เจ้าของเรื่องรักการชมภาพยนตร์ ปีศาจอนุญาตให้เขาเลือกภาพยนตร์ที่อยากชมเป็นเรื่องสุดท้าย

วันที่สาม นาฬิกาหายไปจากโลกนี้ -- ไม่มีเวลา เวลาเป็นการกำหนดของมนุษย์ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่เป็นผู้กำหนดมาตรฐานชั่วโมง นาที วันในปฏิทิน 

วันที่สี่ แมวหายไปจากโลกนี้ ...

ทั้งเล่มจึงเป็นไดอารี่ความทรงจำของผู้เขียน ชีวิตในอดีตที่ผ่านมา เรื่องราวต่างๆ ... คือเขามีชีวิตที่เรียบง่ายค่ะ ไม่ได้ชายผู้ทำเรื่องยิ่งใหญ่อะไร เป็นตัวแทนของคนธรรมดาๆ เหมือนเราๆ 

คนมักจะคิดว่า คนที่รู้ตัวเองว่ากำลังจะตาย คงจะทำลิสต์รายการที่อยากจะทำก่อนตาย สิ่งที่ไม่เคยทำ เปลี่ยนเป็นคนในแบบที่ไม่เคยเป็นเพราะไม่กล้า แต่งตัวแบบที่อยากแต่งแต่ไม่กล้า เพราะกลัวสายตาชาวบ้าน หรือไม่ก็เสียใจที่ไม่ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ...แต่เอาเข้าจริง คนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย กลับสงบกว่านั้นค่ะ เรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญเลย ไม่ว่าสไตล์การแต่งตัว คำนินทาของคนอื่น ฯลฯ พวกนี้ไม่สำคัญเลย -- no matter how you look at it, life is full of regrets anyway.

หนังสือเล่มนี้จึงเหมือนพินัยกรรมของเจ้าของเรื่อง สอนให้เราขบคิดถึงชีวิต ยังไงในที่สุดคนเราก็ต้องตายอยู่ดี ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า และส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไร...การใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะให้เต็มที่นั่นคือสิ่งเดียวที่เราทำได้

"There's a reason that things exist in this world. And there's no reason good enough for making them disappear."



Saturday, January 25, 2025

Butter

 


หนังสือชื่อ :  Butter

ผู้แต่ง  :  Asako Yuzuki

ผู้แปล  :  Polly Barton

สำนักพิมพ์  :  4th Estate


"There are two things that I simply cannot tolerate: feminists and margarine."

ถ้าเปรียบหนังสือเหมือนอาหาร หนังสือเล่มนี้คงเป็น boeuf bourguignon (สตูว์เนื้อแบบฝรั่งเศส) ค่ะ เพราะ low heat ตลอดทั้งเล่ม ไม่มีความตื่นเต้นแบบพีค แต่กลายเป็นว่ารสชาดกลมกล่อม และอ่านเรื่อยๆ วางไม่ลง มันมีความเป็นชีวิตจริง 

หนังสือเล่มนี้อาจจะอ่านยากสำหรับคนชาติตะวันตกค่ะ แต่สำหรับชาวเอเชียอย่างเรา ที่เข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นพอสมควร หนังสือเล่มนี้อ่านไม่ยากค่ะ

เป็นเนื้อเรื่องนักข่าวสาวชื่อ Rika Machida ที่กำลังพยายามตื้อขอสัมภาษณ์แบบเอ็กคลูซีฟกับนักโทษสาว ผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมต่อเนื่อง Manako Kajii 

เหยื่อของ Kajii คืออดีตแฟนของเธอเอง มีอย่างน้อยสามคน 

เหยื่อรายแรก Todanobu Motonatsu อายุ 73 ปี เสียชีวิตเนื่องจากกินยานอนหลับเกินขนาด

เหยื่อรายที่สอง Hisanori Niimi เสียชีวิตจากการจมน้ำในอ่างอาบน้ำ

เหยื่อรายที่สาม Tokio Yamamura เสียชีวิตจากการกระโดดให้รถไฟทับ

ทั้งสามรายมีสิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นชายสูงอายุ โดดเดี่ยว โสด และเป็นแฟนกับ Kajii อย่างรักอย่างหลง และเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย หลังจากที่ Kajii ตัดสัมพันธ์

Kajii อายุ 35 ปี มาจากเมืองนีงะตะ และย้ายมาอยู่โตเกียวหลังจากจบมัธยม หนังสือบรรยายว่าเธอไม่ได้สวยเลอเลิศอะไรค่ะ ออกจะอ้วนและตัวใหญ่สำหรับมาตรฐานคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนเธอมีดีตรงที่ทำอาหารอร่อย อาหารชั้นสูงหรู และรู้จักวิธีเอาใจชายโสดสูงวัยผู้โดดเดี่ยว -- Kajii มีรายได้จากการเป็นโสเภณีตั้งแต่เรียนจบมัธยม เป็นโสเภณีแบบที่เอาใจคนแก่หัวงู ประเภทที่หาเงินเก่ง แต่จีบผู้หญิงไม่เป็น Kajii จะใช้เสน่ห์ปลายจวัก และความสามารถในการเอาใจทำให้คนเหล่านี้หลงและเลี้ยงดูเธอค่ะ

แต่มันก็ยากที่จะจินตนาการว่า เธอฆาตกรรมแฟนเก่าด้วยตัวเอง เพราะการตายของทุกคนเหมือนการฆ่าตัวตาย รวมถึงตัว Kajii เองก็มีพยานแน่นหนาว่าไม่ได้ทำร้ายพวกผู้ชายเหล่านั้น

ริกะ (Rika) พยายามตีสนิท Kajii ด้วยการถามสูตรอาหาร และ Kajii ก็บอกเคล็ดลับในการเพิ่มรสสัมผัสในการรับประทานอาหารให้ริกะลองทำตาม ไม่ว่าจะเป็นลองกินข้าวร้อนๆ กับเนยและซีอิ้วขาว (จะได้ลิ้มรสสัมผัสของเนย) กินราเมนเนยตอนเช้ามืดหลังจากมีเซ็กส์ที่เร่าร้อน (ราเมนจะอร่อยขึ้นอีกเท่าตัว) 

ริกะพยายามทำตามสิ่งที่ Kajii เคยทำ ไปบ้านเกิดของ Kajii พบน้องสาวและแม่ของเธอ ลงคอร์สเรียนทำอาหารฝรั่งเศสที่ Kajii เคยเรียนก่อนโดนจับ -- ทั้งหมดนี้เพื่อเข้าใจภายในจิตใจและวิธีคิดของ Kajii 

หนังสือเล่าถึงชีวิตส่วนตัวของริกะ เพื่อนหญิงคนสนิท แฟน และแหล่งข่าว เพื่อนร่วมงาน รวมถึงปมครอบครัวในอดีตของริกะ ทำให้เราเข้าใจชีวิตส่วนตัวของนักข่าวสาวคนนี้มากขึ้น 

ดูเหมือนริกะและ Kajii มีความเหมือนกันมากกว่าที่คิด 

แต่อ่านไปก็ยากจะจินตนาการว่า Kajii เป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรมแฟนทั้งสามของเธอได้อย่างไร ...อ่านไปๆ ก็เริ่มเห็นตรรกะวิธีการคิดที่บิดเบี้ยวของ Kajii -- คือในสังคมที่ผู้หญิงคิดว่าตนเองเท่าเทียมกับผู้ชาย แต่ Kajii กลับยอมรับว่า ผู้หญิงควรทำหน้าที่เป็นแม่บ้านดูแลผู้ชาย Kajii เกลียดผู้หญิง ไม่มีเพื่อนผู้หญิง เป็นคนหลงตัวเองที่โดดเดี่ยว 

...จนบทใกล้ๆ สุดท้าย คนอ่านอย่างเราก็เริ่มเข้าใจว่า ทำไมพวกผู้ชายเหล่าแฟนสูงอายุของ Kajii จึงฆ่าตัวตายเมื่อ Kajii สลัดรัก ... นางเป็นไซโคพาธโดยธรรมชาติค่ะ คือไม่ได้ทำเพื่อหวังเงิน ถึงจะได้ประโยชน์จากพวกผู้ชายเหล่านั้น แต่เนื่องจากไม่ได้แต่งงานกัน ผู้ชายตาย นางก็ไม่ได้อะไร แต่ Kajii ทำไปเพราะหมดรักแล้ว ...เริ่มด้วยทำให้พวกผู้ชายรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรางวัลใหญ่ มีความสุข จากนั้นก็สลัดพวกเขาทิ้ง เพิกเฉย ไม่สนใจอีก ผู้ชายเหล่านี้เดิมโดดเดี่ยวอยู่แล้ว พอกลับมาต้องโดดเดี่ยวอีกครั้ง จึงเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว...


Wednesday, January 1, 2025

Mrs England

 


หนังสือชื่อ  :  Mrs England

ผู้แต่ง  :  Stacey Halls

สำนักพิมพ์  :  Manilla Press


เป็นนิยายพีเรียดย้อนยุคค่ะ ประมาณปี 1896 หนังสือเล่าในมุมของ Ruby May หรือพยาบาลเมย์ เมย์เป็นพยาบาลพี่เลี้ยงเด็กของโรงเรียนพยาบาลพี่เลี้ยงเด็กที่มีชื่อเสียง เป็นสถาบันที่ครอบครัวคนรวยจองตัวพยาบาลของโรงเรียนนี้ให้มาดูแลบุตรหลานของตน 

เรื่องเล่าช้าๆ ทำให้เรารู้ว่า เมย์มีแผลในใจบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ Elsie น้องสาวอายุ 11 ขวบที่พิการเดินลำบาก เมย์ต้องทำงานเพื่อหาเงินมารักษาน้อง เมย์เป็นเสาหลักของครอบครัว ดูเหมือนเธอจะมีพ่อและแม่ที่อ่อนแอ เมย์มีน้องชายอีกสามคน และต้องรับผิดชอบเลี้ยงน้องๆ มาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่พ่อและแม่ยุ่งกับธุรกิจร้านขายของชำ ...ด้วยนิสัยพี่สาวคนโต การมาทำงานเป็นพยาบาลพี่เลี้ยงเด็กจึงเหมาะกับบุคลิกของเธอมาก

เรื่องเริ่มต้นด้วยเมย์ต้องเปลี่ยนนายจ้าง เนื่องจากนายจ้างคนปัจจุบันจะย้ายครอบครัวไปต่างประเทศ แต่เมย์ไม่สามารถย้ายตามไปได้ เมย์ก็เลยต้องหานายจ้างใหม่ ...นายจ้างใหม่คือครอบครัว England อยู่เมือง Yorkshire ทางเหนือของอังกฤษ

ครอบครัว England มีลูก 4 คน คือ Decca, Saul, Millie และคนสุดท้องอายุ 1 ขวบชื่อ Charley 

เมย์มาทำงานกับครอบครัวนี้ และได้เห็นความแปลกๆ ของทั้ง Mr และ Mrs England -- เช่น 

- ที่แปลกที่สุดคือ Mrs England ผู้เป็นแม่ ไม่เคยดูดำดูดี ดูแลลูกๆ ของตัวเองเลย วันๆ ก็คลุกอยู่แต่ในห้อง เก็บตัวเงียบ 

- Mr England ผู้พ่อกำชับพยาบาลเมย์ว่า ก่อนนอนต้องล็อคห้องของเด็กๆ ทุกคืน (เมย์นอนรวมกันกับเด็กๆ ค่ะ) เหมือนกลัวว่าจะมีใครมาบุกรุก หรือเป็นนัยๆ ว่า กลัวแม่จะมาทำร้ายลูกของตัวเอง

- Mrs England ยืนยันไม่ต้องการสาวใช้ช่วยแต่งตัว ผิดวิสัยผู้หญิงผู้ดีสมัยนั้น ในขณะที่ทั้งบ้านมี Mr England เป็นผู้ชายคนเดียว คนใช้ทุกคนเป็นผู้หญิงหมด ไม่มีคนใช้ผู้ชายคนสนิท ซึ่งก็แปลก เมย์ตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมเหมือน Mr England ต้องการวางตนเป็นจ่าฝูง

- เมื่อเมย์อยู่ที่บ้านนั้นระยะหนึ่ง น่าแปลกที่ไม่มีจดหมายจากใครส่งมาหาเมย์อีกเลย จนในที่สุดก็พบว่า มีคนในบ้านนั้น เก็บจดหมายของเธอไว้ และไม่นำมาให้เธอ 

เรื่องแปลกๆ ในบ้านดำเนินมาเรื่อยๆ ในสายตาการเล่าของเมย์ สลับกับการย้อนรำลึกเรื่องในอดีตของเมย์เอง เรื่องเล่าช้ามาก จนใกล้จะจบเล่ม เราถึงได้เฉลยว่า เมย์มีปมในใจที่พ่อของเมย์เคยพยายามฆ่าเธอกับ Elsie น้องสาว โดยพยายามผลักตกหน้าผา ทั้งคู่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ เมย์ไม่บาดเจ็บอะไรเลย แต่ Elsie เส้นประสาทที่ขาถูกทำลาย ทำให้เดินไม่ได้ -- และนี่คือความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจของเมย์

เนื้อเรื่องเร่ิมไม่สนุกก็ตอนที่เมย์เริ่มแอบชอบ Mr England และเริ่มตำหนิ Mrs England ที่ไม่ทำหน้าที่แม่ที่ดี

จนตอนใกล้จบ เราจึงได้รู้ว่า นิยายเรื่องนี้คือเรื่องความรุนแรงในครอบครัวในทางด้านจิตใจ การควบคุมคนอื่นโดยให้จิตวิทยา 

แต่หนังสือมีหลายปมที่ไม่เข้าใจ และหนังสือเล่าได้ไม่ชัดเจน เช่น

1. ตอนใกล้จบ Mr England ทะเลาะกับพ่อตาอย่างรุนแรง โมโห และจะพาตัว Millie ออกจากบ้านไปเยี่ยม Saul ที่บ้านพ่อตา เมย์เห็นสัญญาณของความรุนแรงและเป็นลมสลบไป ตื่นมา Millie ก็กลับมาแล้ว และก็ไม่เห็นจะมีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น แต่ก็ไม่เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้นด้วยเช่นกัน??

2. แม่ของเมย์รู้หรือเปล่า ว่าพ่อจะฆ่าเมย์และ Elsie??? เพราะแม่เป็นคนบอกให้แม่ตามไปกับพ่อ ไม่แม้แต่จะถามว่าไปที่ไหน ออกจากบ้านไปทำไมตอนกลางคืน -- แถมพอเกิดเรื่อง แม่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเมย์จึงไม่ให้อภัยพ่อ

สรุปคือ ไม่สนุกค่ะ คือเริ่มต้นเหมือนจะสนุก อ่านไปประมาณครึ่งเล่ม แล้วก็เริ่มไม่สนุกแระ เนื้อเรื่องก็ไม่ชัดเจน ไม่เคลียร์ จะเทก็ไหนๆ อุตส่าห์อ่านมามากกว่าครึ่งเล่ม ก็เลยไถๆ อ่านอย่างช้าๆ ไปจนจบ เรียกว่าอ่านนานหลายเดือนเลย เพราะไม่อยากอ่าน