Thursday, June 11, 2015

แผนเลือดลวง : The Drop





หนังสือชื่อ  :  แผนเลือดลวง (The Drop)

ผู้แต่ง  :  ไมเคิล คอนเนลลี่

ผู้แปล  :  โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล

สำนักพิมพ์  :  แพรวสำนักพิมพ์


เมื่อเดือนที่แล้ว (พฤษภาคม) ออยกลับเมืองไทยค่ะ เลยหาซื้อหนังสือแปลที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ มาอ่าน ได้เล่มนี้มาค่ะ ออยเคยเห็นหนังสือของ ไมเคิล คอนเนลลี่ วางขายอยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยอ่าน คราวนี้เลยเป็นโอกาสอันดีค่ะ ถือเป็นหนังสือของผู้แต่งคนนี้เล่มแรกเลยที่ได้มีโอกาสอ่าน

หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในหนังสือชุดสืบสวนของสารวัตรแฮร์รี่ บอช ค่ะ ในเล่มนี้ สารวัตรบอชทำงานอยู่ในแผนกหน่วยสืบสวนคดีเก่า เขาต้องทำการสืบสวนคดีฆ่าข่มขืมที่ปิดไม่ลง เมื่อ 22 ปีก่อน เหยื่อเป็นเด็กสาวถูกข่มขืนและฆ่ารัดคอ และยังหาตัวฆาตกรไม่ได้ ตำรวจพบเพียงคราบเลือดเล็กๆ คราบหนึ่ง ... 22 ปีต่อมา วิทยาการทางนิติเวชก้าวหน้าขึ้นมาก DNA จากคราบเลือดนั้นบังเอิญไปตรงกับชายที่มีประวัติอาชญากรรมชื่อ เคลย์ตัน เพลล์ ...ดูเหมือนจะง่ายใช้ไหมคะ ก็แค่ไปจับชายคนนั้นในข้อหาฆาตกรรม แค่นั้นก็จบ...หากแต่ว่า ในขณะที่เด็กสาวคนนั้นถูกฆาตกรรม เพลล์เพิ่งอายุแค่ 8 ขวบเอง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีแรงมากพอที่จะฆ่ารัดคอเด็กสาวคนนั้นได้ และเมื่อค้นประวัติของเพลล์ต่อ ก็พบว่า เพลล์เอง ถึงเเม้ว่าจะต้องคดีทางเพศ แต่เหยื่อของเพลล์เป็นเด็กผู้ชาย !!!  ...เพลล์เป็นพวกรักร่วมเพศ และชอบเด็กชาย จึงยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ ว่าเขาจะฆ่าหญิงสาวเมื่อ 22 ปีก่อนได้ ...ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสารวัตรบอช ที่จะค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น และใครคือฆาตกรตัวจริง

ในระหว่างที่สารวัตรบอชกำลังทำคดีของเพลล์อยู่นั้น เขาก็โดนเรียกตัวอย่างกระทันหันให้มาทำคดีของลูกชายของสมาชิกสภาเทศบาลเออร์วิง สมาชิกเทศบาลท่านนี้ไม่ได้เป็นที่รักของพวกตำรวจนักหรอกนะคะ เพราะเขาหาเรื่องตัดงบประมาณตำรวจ ส่วนสมาชิกเทศบาลเองก็ไม่ชอบสารวัตรบอชอย่างเเรงด้วย แต่กลับจำเพาะเจาะจงให้บอชมาทำคดีนี้ 

ลูกชายของเออร์วิงกระโดดลงมาจากระเบียงห้องพักที่โรงแรมค่ะ ลักษณะเหมือนการฆ่าตัวตาย แต่เออร์วิงผู้เป็นพ่อ ไม่อยากปักใจเชื่อว่าลูกของเขาจะฆ่าตัวตาย ทั้งๆ ที่มีอนาคตไกล หน้าที่การงาน ครอบครัวก็มั่นคง เขาคิดว่าน่าจะมีคนคิดสังหารลูกชายเขามากกว่า

คดีนี้สารวัตรบอชลำบากใจมากค่ะ เพราะดูเหมือนเออร์วิงจะพยายามเขามาล้วงลูก อยากเห็นความคืบหน้าของคดี ในขณะเดียวกันบอชเองก็ไม่อยากทิ้งคดีของเพลล์ 

ทั้งสองคดีนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกันค่ะ เพียงแต่เข้ามาในชีวิตสารวัตรบอชในช่วงเวลาเดียวกันเท่านั้นเอง คดีที่สองนี้สุดท้ายแล้ว สารวัตรบอชถูกกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือทางการเมืองในวงการตำรวจ และโดนเพื่อนใช้เป็นเครื่องมือกลายๆ ด้วย ...การเมืองมีอยู่ทุกที่ค่ะ หนีไม่พ้น

หนังสืออ่านได้เรื่อยๆ สนุกดีค่ะ ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว คราวหน้าออยจะหาโอกาสหยิบงานต้นฉบับ แบบไม่แปลของ ไมเคิล คอนเนลลี่ มาอ่านและรีวิวให้อ่านกันค่ะ อยากรู้ว่าต้นฉบับจะสนุกกว่าไหม


Wednesday, June 10, 2015

Cell





ชื่อหนังสือ  :  Cell

ผู้แต่ง  :  Stephen King

สำนักพิมพ์  :  Hodder and Stoughton


ขอรีวิวหนังสือของ King อีกสักเล่มค่ะ Cell คือชื่อหนังสือเล่มนี้ค่ะ Cell  ในที่นี้หมายถึง Cell Phone หรือโทรศัพท์มือถือนั่นเองค่ะ  King เขียนเล่มนี้เมื่อปี 2006 ค่ะ (ออยก็ซื้อเล่มนี้ช่วงนั่นแหละ เวลาผ่านไปเกือบสิบปี เพิ่งจะหยิบมาอ่าน แหะ แหะ) สมัยปี 2006 ที่ King เขียนเล่มนี้ โทรศัพท์มือถือที่ฮิตกันในช่วงนั้นยังเป็นโทรศัพท์แบบพับอยู่เลยค่ะ ยังไม่มีสมาร์ทโฟนแบบทุกวันนี้ 

เหตุการณ์สยองเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม เวลา 15.03 น. ค่ะ หนังสือเล่าเหตุการณ์ผ่าน Clay ชายนักเขียนการ์ตูนจากเมือง Kent Pond รัฐ Maine ค่ะ  ในช่วงเวลานั้น Clay เดินทางมานำเสนองานที่ Boston ค่ะ เขากำลังเดินทางกลับโรงแรมที่พัก ระหว่างทางก็ต่อคิวซื้อไอศครีม ...ทันใดนั้นเอง ผู้คนที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถือก็เกิดบ้าขึ้นมา บางคนก็ฆ่าตัวตาย กระโดดลงมาจากตึก บ้างที่ขับรถอยู่ก็พุ่งชนไม่เลือกหน้า บ้างก็กระโดดกัดคอคนอื่น ...เมืองทั้งเมืองมีแต่คนบ้าเต็มไปหมด 

ระหว่างที่ตกใจอยู่นั้น Clay พบกับ Tom ค่ะ ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะเดินไปที่โรงแรมที่ Clay พักอยู่ เพราะน่าจะปลอดภัยที่สุด ที่โรงแรม Clay และ Tom ได้ช่วย Alice สาวน้อยอายุ 15 ที่รอดตายจากรถแท็กซี่ (แม่ของ Alice เกิดบ้าขึ้นมาขณะคุยโทรศัพท์ กระโดดกัดคอคนขับแท็กซี่ขณะที่รถยังวิ่งอยู่) ทั้งสามคนหลบเข้าไปพักที่โรงแรม โดยในโรงแรมนั้น มีพนักงานโรงแรมคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ Mr. Ricardi

เมื่อตกค่ำทั้งสามคนตัดสินใจที่จะเดินทางต่อไปค่ะ แต่ Mr. Ricardi ยืนกรานจะเฝ้าโรงแรม ไม่ยอมร่วมเดินทางไปด้วยกับทั้งสามคนนั้น (ต่อมาพวกเขาก็พบว่า Mr. Ricardi ฆ่าตัวตาย) จุดหมายต่อไปจากนี้คือ บ้านของ Tom ที่ Malden ค่ะ

ขณะที่พักที่บ้านของ Tom พวกเขาเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของมนุษย์โทรศัพท์เหล่านั้นค่ะ พบว่าพวกเขาเริ่มไม่ฆ่ากันเองอีกต่อไป พวกเขาเดินไปกันเป็นขบวน บางคนก็ช่วยเหลือกันและกัน ในมือของพวกเขาบางคนถือวิทยุ (ในขณะที่ไม่แตะต้องเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เลย)

Clay ตัดสินใจจะเดินทางไปหาลูกและภรรยาค่ะ โดยเฉพาะลูกชาย "Johnny" มีโทรศัพท์มือถือที่ Clay เป็นคนซื้อให้ ยิ่งเพิ่มความกังวลเเก่ Clay เป็นอย่างมาก ส่วน Tom และ Alice ก็ตัดสินใจเดินทางไปด้วยกันกับ Clay ค่ะ เพราะอยู่ที่นั่นไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว

พวกเขาเดินทางกันตอนกลางคืน เพราะไม่มีมนุษย์โทรศัพท์ในตอนกลางคืนค่ะ ทั้งสามเดินทางมาจนถึง Gaiten Academy พวกเขาได้พบกับ Ardai หรือ "the Head" ชายชราผู้เคยเป็นหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ กับ Jordan เด็กหนุ่มนักโปรแกรมเมอร์ ทั้งคู่ได้เชื้อเชิญให้ทั้งสามคนพักด้วยกันที่ Academy ค่ะ และทั้งสามก็ตกลง

และที่ Gaiten Academy นั่นเอง พวกเขาก็ได้รู้ว่า กลางคืนพวกมนุษย์โทรศัพท์เหล่านี้ไปไหน พวกเขานอนรวมกันในสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยค่ะ โดยมีเพลงจากวิทยุเปิดอยู่ คล้ายกับการชาร์ตเเบตเตอรี่อย่างไงอย่างงั้นเลย ดังน้นพวกเขาจึงเห็นเป็นโอกาสค่ะที่จะกำจัดมนุษย์โทรศัพท์ซอมบี้เหล่านี้ โดยการวางเพลิงในขณะที่พวกเขากำลังชาร์ทเเบตเตอรี่ในตอนกลางคืน

เมื่อเผาคนเหล่านั้นแล้ว ก็ต้องเดินทางกันต่อ แต่ว่า...the Head แก่แล้ว ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ และคนอื่นๆ ก็ไม่คิดจะเดินทางต่อหาก the Head ไปด้วยไม่ได้ ...แต่การที่ยังอยู่ที่ Academy ต่อก็ไม่เป็นที่ปลอดภัย the Head เองก็รู้ค่ะ ว่าตัวเองเป็นตัวถ่วง จึงบอกกับ Clay ว่าเขาจะฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกินขนาด

ในกลางวันนั้นเอง ในขณะที่พวกเขานอนอยู่ ทุกคนก็ฝันเเปลกๆ เหมือนกันค่ะ ฝันถึงชายคนหนึ่งในฮูดสีแดง และเมื่อพวกเขาตื่นขึ้น พวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากับชายในฮูดสีแดงนั้นจริงๆ พวกเขาเรียกชายคนนี้ว่า "The Raggedy Man" เป็นเหมือนหัวหน้าของพวกมนุษย์โทรศัพท์ซอมบี้ค่ะ พวกมันโมโหมากที่กลุ่มของ Clay เผาเพื่อนของพวกมัน พวกมันแก้แค้นด้วยการลากมนุษย์ทุกคนที่พักอยู่แถวน้ันออกมาฉีกเป็นชิ้นๆ หากแต่ไม่ทำอะไรกับกลุ่มของ Clay และบอกให้ Clay เดินทางต่อไปได้ ...ก่อนที่กลุ่มของ Clay จะเดินทางต่อนั้น เขาก็พบว่า the Head ตายแล้ว แต่แทนที่จะฆ่าตัวตายอย่างที่บอก the Head (โดยการบังคับทางจิตของ the Raggedy Man) ให้เขียนคำว่า "บ้า" ในภาษาต่างๆ 14 ภาษา แล้วก็เอาปากกานั้นทิ่มตาตัวเองทะลุสมองตาย (สยองจริงๆ)

the Raggedy Man บอกพวกมนุษย์ซอมบี้ว่า กลุ่มของ Clay เป็น "คนบ้า" อย่าแตะต้อง ...ดังนั้นเมื่อพวกเขาเดินไปที่ใด จะไม่มีใครอยากยุ่งกับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ปกติ หรือซอมบี้ก็ตาม ใครที่แตะต้องพวกเขา จะต้องพบจุดจบอย่างทรมานจาก the Raggedy Man ค่ะ

แต่ไม่ได้มีแค่กลุ่มของ Clay ค่ะ ที่เป็น "คนบ้า" ในระหว่างการเดินทางพวกเขาได้พบกับ Dan ชายวัยกลางคน, Denise หญิงท้อง และ Ray ทั้งสามคนนี้เป็น "คนบ้า" เช่นเดียวกันค่ะ เพราะพวกเขาฆ่ามนุษย์ซอมบี้ไปเช่นกัน พวกเขาจึงร่วมเดินทางไปด้วยกันค่ะ (อันเป็นความต้องการของ the Raggedy Man)

the Raggedy Man มีความสามารถทางโทรจิตค่ะ สามารถบังคับให้มนุษย์ทำตามต้องการได้ และสื่อสารกับมนุษย์ผ่านทางโทรจิต the Raggedy Man  บังคับให้พวก Clay เดินทางไปเมือง Kashwak ค่ะ แม้ว่า Clay จะไปคนเดียว ไม่เอาใครไปด้วย (ไปเพราะ Clay เชื่อว่าจะเจอลูกชายที่นั่นค่ะ the Raggedy Man เปลี่ยนลูกชาย และภรรยาของ Clay ไปเป็นซอมบี้แล้ว) และคนที่เหลือในกลุ่มเดินทางไปที่อื่น ปรากฏว่า the Raggedy Man ไม่ยอม ใช้พลังจิตบังคับให้ทุกคนต้องเดินทางไปด้วยกันกับ Clay

ที่ Kashwak มีอะไร และ the Raggedy Man จะแก้แค้นพวกของ Clay ที่ฆ่าคนของพวกมันไปอย่างไร Clay จะได้เจอลูกชายหรือไม่  ...

ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะเขียนนานแล้ว แต่ก็ยังอ่านได้ความสยองอยู่ค่ะ โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ โทรศัพท์มีความจำเป็นมากกว่าเมื่อก่อน ทุกคนมีโทรศัพท์ และใช้โทรศัพท์เป็นเหมือนปัจจัยที่ห้า ลองคิดดูซิคะ ว่าถ้าโทรศัพท์มีไวรัสบางอย่างเหมือนในหนังสือเล่มนี้ คงจะสร้างความเสียหายในปัจจุบันได้มากทีเดียว คงทำให้มากกว่า 95% ของมนุษย์ทั้งหมดกลายเป็น มนุษย์โทรศัพท์ซอมบี้