หนังสือชื่อ : The Coffin Maker's Garden
ผู้แต่ง : Stuart Macbride
สำนักพิมพ์ : HarperCollins Publishers
เป็นการอ่านครั้งแรกของนักเขียนคนนี้ค่ะ หยิบมาอ่านเพราะหน้าปกบอกว่าเป็นคนเดียวกับที่แต่งซีรีย์ DCI Banks ซึ่งบังเอิญเคยดูซีรี่ย์นี้มาก่อนในทีวีน่ะค่ะ เลยอยากรู้ว่าสำนวนเขียนเป็นยังไงค่ะ
อ่านยากค่ะ มารู้ตอนจบว่า หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มล่าสุดในชุดของนักสืบ Ash Anderson -- คือมาอ่านเล่มสาม ดังนั้นจึงเหมือนมาดูหนังตอนกลางเรื่องน่ะค่ะ คืองงไปหลายบทเลยว่าใครเป็นใคร คุยเรื่องอะไรกัน เพราะแต่ละคนในเล่มต่างมีความหลังเชื่อมโยงกันมา
อ่านยากเพราะอังกฤษสำนวนสก๊อตด้วยค่ะ ไม่คุ้น ผู้เขียนบรรยายภาพต่างๆ อย่างละเอียด ซึ่งช่วยได้บ้าง แต่ยังไงก็ไม่คุ้นกับภูมิประเทศของสก๊อตแลนด์ ก็จะจินตนาการตามยากสักนิดค่ะ
.
เรื่องมันเริ่มจากที่มีคนเจอโครงกระดูก และบังเอิญคนที่เจอนั้นเป็นอดีตนักศึกษานิติเวช เธอเห็นแว่บแรกก็รู้เลยว่าเป็นกระดูกมนุษย์ เลยแจ้งเจ้าหน้าที่ ... แต่ปัญหาคือโครงกระดูกนั้นถูกฝังอยู่ในสวนหลังบ้าน ที่อยู่ริมหน้าผา และกำลังจะถล่มได้ทุกเมื่อ!
บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของ Gordon Smith ชายแก่หน้าตาใจดีคล้ายซานตาครอส อายุ 75 เนื่องจากบ้านเขาอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะถล่มลงทะเลข้างล่างได้ทุกเมื่อ ดังนั้นทางเทศบาลจึงไล่เขาออกไปค่ะ ... เขาเพิ่งอพยพออกไปเมื่อไม่นานมานี้เอง อพยพไปไหนไม่มีใครรู้
คดีนี้ Ash กับ Dr. Alice ถูกขอให้มาช่วยดูโครงกระดูกค่ะ พอทั้งคู่เห็นก็รู้เลยว่าเป็นโครงกระดูกมนุษย์ แต่ขุดหรือทำอะไรกับโครงกระดูกนั้นไม่ได้ เพราะมันอยู่ตรงหน้าผา เพราะบางส่วนมันถล่มลง มันเลยเผยในเห็นโครงกระดูกที่ถูกฝังไงคะ และดูเหมือนจะมีหลายศพเลยที่ถูกฝังอยู่ ... ดังนั้นทั้งคู่เลยเสี่ยงเข้าไปในบ้านของ Gordon ค่ะ
ในบ้านของ Gordon ก็ชัดเลยว่านี่คือบ้านของฆาตกรต่อเนื่องโรคจิต ที่ใช้ห้องหนึ่งบ้านหลังนี้ในการทรมานและสังหารเหยื่อ ดูเหมือน Gordon เองจะรู้ว่า บ้านนี้จะถล่มในอีกไม่นาน ดังนั้นเขาจึงทิ้งหลักฐานต่างๆ ไว้ เหมือนเป็นคอลเล็กชั่นงานชิ้นเอกของเขาน่ะค่ะ ที่ถ้ามันถล่ม ก็จะไม่มีใครรู้เห็นไปตลอดกาล
คดีนี้รู้ตัวฆาตกรตั้งแต่ต้นเรื่องเลยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ไหน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของการตามหา Gordon Smith ในระหว่างนั้นก็มีเห็บหมาอย่างอดีตคู่นอนของ Ash ที่ตามสะกดรอยเพื่อเอาเรื่องคดีไปเขียนหนังสือ รวมถึง Helen MacNeil ที่ต้องการตามล่า Gordon เพราะเชื่อว่า Gordon ฆ่าลูกสาวเธอ และล่อลวงหลานสาวให้หนีตาม Gordon ไปด้วยกัน (Helen เคยเป็นเพื่อนบ้านสนิทกับ Gordon ค่ะ และ Gordon ก็ช่วยดูแลทั้งลูกและหลานให้ ในระหว่างที่ Helen ติดคุก)
ที่ใช้ชื่อเรื่องว่า Coffin's maker คนทำโลงศพ เพราะ Gordon เป็นชายใจดีค่ะ ถ้าเด็กคนไหน สัตว์เลี้ยงตาย เขาก็จะทำโลงศพให้สัตว์เลี้ยงของเด็กๆ ซึ่งพ่อแม่และเด็กต่างซาบซื้งมาก เลยทำให้ Gordon เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวบ้านด้วยฉายานี้
ในระหว่างที่ตามหา Gordon, Ash และ Dr. Alice ก็มีอีกคดีก่อนหน้าที่ต้องสะสางค่ะ คือการตามหาฆาตกรต่อเนื่องสังหารเด็ก ... เด็กถูกลักพาตัวและถูกทรมานจนเสียชีวิต
คดีนี้เป็นการหาตัวฆาตกรที่ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร Dr. Alice เป็นอาชญาจิตแพทย์ตั้งสมมุติฐานว่า ฆาตกรมีประวัติขาวสะอาด ไม่เคยทำผิดทางเพศมาก่อน เหยื่อที่เป็นเด็กคนแรกคือการทำครั้งแรก และเป็นการเปิดประตูฆาตกรให้ค้นพบว่าเขาตื่นเต้น และชอบฆ่าเด็ก
การทำงานสืบสวนของ Dr. Alice ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะตอนนี้มีเด็กคนที่สี่ ที่เพิ่งหายตัวไป และยังหาไม่พบ จึงมีความหวังว่า ถ้าหารู้ตัวฆาตกรได้เร็ว ก็อาจจะช่วยชีวิตเด็กได้ทัน!
.
สรุป หนังสือเล่มนี้มี 2 คดีค่ะ 2 อาชญากรโรคจิต ที่ทั้งคู่ไม่เกี่ยวกันค่ะ เพียงแต่คาบเนื่องในช่วงเวลาเดียวกัน และนักสืบ ตัวละครหลักในหนังสือต้องสืบสวนสองคดีนี้ไปพร้อมๆ กัน
.
ในระหว่างนั้น ผู้เขียนก็แทรกเรื่องในอดีตของ Ash และความจิตใจอ่อนไหวใจดีของ Alice ลงไปค่ะ
Ash - ลูกสาวถูกฆาตกรโรคจิตลักพาตัวไปทรมานและฆ่า ตอนอายุ 13 ปี ผ่านมา 9 ปีแล้ว แต่ Ash ยังลืมไม่ได้ค่ะ
Alice - ติดเหล้า จิตใจอ่อนโยน และอุทิศตัวให้กับการตามหาฆาตกรต่อเนื่อง แต่ยังเชื่อในความดีของมนุษย์ อ่านไปก็ประหลาดใจไปว่า ทำไมเธอยังคงโลกสวยได้ทั้งที่รอบข้างและงานที่ทำเต็มไปพวกจิตวิปริต?
.
ในเล่มมีหลายเรื่องที่รู้สึกว่าเว่อร์ไป เช่น Jennifer อดีตชู้ของ Ash ที่ยังคงตามสะกดรอย Ash อยู่เพื่อเอาข้อมูลมาเขียนหนังสือ คืองงว่า สิ่งที่นางทำลงไปกับอดีตของ Ash นางไม่มีสำนึกมโนธรรมบ้างหรือไร? คือผู้หญิงปกติไม่น่าจะทำแบบนั้น ยกเว้นว่านางจะแค้น Ash ...แต่พอตอนจบ ก็ไม่ใช่ เพราะบทนางจะจากไป นางก็หายไปง่ายๆ
หรือภาคไอที แหม... Sabir ซึ่งเป็นผู้ช่วยไอทีของ Ash แค่คนเดียว ทำงานได้ดีกว่าแผนกไอทีของตำรวจทั้งกรม! ไม่ว่าจะเป็นการระบุตำแหน่งของฆาตกรจากสัญญาณมือถือ การดึงข้อมูลติดต่อของ Alice ในวันที่ถูกทำร้าย ฯลฯ คือแบบชีวิตจริง มันไม่ได้ง่ายขนาดทำคนเดียวได้นะเออ
หรือตอนที่ฆาตกรจะตัดนิ้ว Ash เพื่อเอาไปใช้ปลดล็อกมือถือ ซึ่งไม่รู้ว่า Ash ใช้มือถือยี่ห้ออะไร ...แต่มือถือส่วนใหญ่ นิ้วที่ตายปลดล็อกมือถือไม่ได้นะเออ
.
No comments:
Post a Comment