Saturday, July 12, 2025

The Pumpkin Spice Cafe

 


หนังสือชื่อ  :  The Pumpkin Spice Cafe

ผู้แต่ง  :  Laurie Gilmore

สำนักพิมพ์  :  HarperCollinsPublishers


เป็นเล่มที่ 1 ในชุด Dream Harbor Series ของนักเขียนคนนี้ค่ะ แต่ทุกเล่มจบในตอนนะคะ อ่านแยกกันได้ ในซีรี่ย์มีสิ่งที่เหมือนกันคือเกิดขึ้นในหมู่บ้านติดท่าเรือที่ชื่อ Dream Harbor 

นี่เป็นนิยายรัก อ่านเบาๆ สบายๆ ค่ะ แบบมาอ่านคนเขารักกัน เนื้อเรื่องไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ slow burn ทำเอาเราเขินตัวบิด แถมฉากรักก็แซ่บค่ะ

นางเอกชื่อ Jeanie สมัยก่อนเคยทำงานที่บอสตัน เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้จัดการเสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน แล้วนางเอกเป็นคนไปเจอ ... ทำเอานางเอกหลอน และคิดได้ว่า ชีวิตคนเราก็แค่นี้ นางไม่อยากทำงานหนักจนตายแบบผู้จัดการ ประจวบเหมาะกับป้าโดโรธีของนางเอกกำลังจะเกษียณ 

ป้าของนางเอกเป็นเจ้าของร้านกาแฟชื่อ The Pumpkin Spice Cafe ตามชื่อหนังสือเลยค่ะ ร้านอยู่ในเมือง Dream Harbor ในนิวอิงแลนด์ ...คราวนี้เนี่ย ป้าจะพักร้อนไปเที่ยวแคริเบียน ก็เลยให้นางเอกมารับช่วงต่อดูร้านแทน หรือถ้านางเอกจะขายก็ได้ ประมาณว่าป้ายกร้านให้

นางเอกเข้ามาพักบนอพาร์ทเมนต์ชั้นบนของร้าน มา 2-3 วันแรก ได้ยินเสียงประหลาดๆ จนนอนไม่หลับ นางก็จินตนาการจัด คิดว่ามีฆาตกรต่อเนื่องจะมาตามฆ่านาง 

ความประทับใจแรกตอนนางเอกเจอกับพระเอกคือ นางถือไม้เบสบอลจะมาตีหัวพระเอก เพราะเข้าใจว่าพระเอกคือฆาตกรต่อเนื่องที่ทำเสียงประหลาดๆ ทำให้นางนอนไม่หลับมาหลายวัน แล้วพอรู้ว่าพระเอกไม่ใช่คนร้าย นางก็คุยๆๆๆ พูดไม่หยุด 

พระเอกชื่อ Logan อยู่ในหมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิด เป็นฟาร์มเมอร์ ต้องส่งฟักทองให้ร้านนางเอกทุกสัปดาห์ ให้จินตนาการพระเอกแนวตัวใหญ่ หล่อล่ำ แบบจับนางเอกอุ้มแตงได้ไม่มีปัญหา 🥰 ชอบใส่เสื้อเชิ้ตลายตาหมากรุก 

พระเอกเคยมีแฟน คิดจริงจังถึงขั้นจะขอแต่งงานใต้ต้นคริสต์มาส แต่ผู้หญิงไม่ได้จริงจังด้วยไง ผู้หญิงไม่อยากจมอยู่กับพระเอกในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทุกคนในเมืองรู้จักกันและกันตั้งแต่บรรพบุรุษ พอพระเอกขอแต่งงาน ผู้หญิงกลัว หนีกลับบอสตันในวันรุ่งขึ้นเลย 

เรื่องขอแต่งงาน แล้วสาวหนีของพระเอกเลยกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ไป ...เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนนางเอกจะย้ายมาอยู่ แต่คนมันมีปม พระเอกถึงชอบนางเอกยังไง แต่ก็ไม่อยากให้ชาวบ้านรู้ ไม่อยากเห็นสายตาสงสารที่คนทั้งเมืองมองมายังเขา 

อีกปมคือ พระเอกกลัวว่า นางเอกจะไม่อยากปักหลักอยู่ที่ Dream Harbor นานๆ กลัวนางเอกจะหนีไปอีก ไม่อยากเจ็บช้ำ อกหักอีก

ทั้งเรื่องก็ประมาณนี้ เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก คนที่แกล้งนางเอกก็แพ้ภัยตัวเอง ไม่มีมือที่สาม (ชอบตรงนี้) คนในหมู่บ้านก็น่ารัก คิดว่าจะหาเล่มอื่นในซีรี่ย์นี้มาอ่านอีกแน่นอนค่ะ

Wednesday, July 9, 2025

Just Between Us

 


หนังสือชื่อ  :  Just Between Us

ผู้แต่ง  :  Adele Parks

สำนักพิมพ์  :  HarperCollinsPublishers Ltd


เริ่มจากเรื่องสองเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย อันหนึ่งเกิดขึ้นที่ลอนดอน ตำรวจกำลังตามหา Kylie Gillingham หรือ Leigh Fletcher หรือ Kai Janssen -- ทั้งสามชื่อนี้คือคนๆ เดียวกันค่ะ

ชีวิตของ Kylie ซับซ้อนมาก มั่วมาก ทำเรื่องยากให้ยากขึ้นไปอีก 

Kylie Gillingham คือชื่อจริง แบบที่พ่อแม่ตั้งให้

 Leigh Fletcher คือชื่อที่ Kylie ใช้ตอนแต่งงานกับ Mark Fletcher เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ตอนนั้น Mark เพิ่งเสียภรรยาไป และมีลูกสองคน คือ Oli กับ Seb ที่ยังเล็กอยู่มาก พอแต่งงานกัน Kylie ก็เป็นแม่เลี้ยง และดูแลเด็กๆ อย่างดี จนเด็กทั้งคู่เรียกเธอว่า "แม่" อย่างสนิทใจ

Kai Janssen คือชื่อที่ Kylie ใช้ตอนแต่งงานกับ Daan Janssen เมื่อ 4 ปีที่แล้ว และใช่ค่ะ นี่เป็นการสมรสซ้อน ผิดกฎหมาย ไม่แน่ใจว่าเคสแบบนี้หลุดมาได้อย่างไร อาจเป็นเพราะเป็นการสมรสกับคนต่างชาติ (Daan เป็นคนดัตช์ มาจากครอบครัวร่ำรวยในเนเธอร์แลนด์) -- Kai จะโกหก Daan ว่าต้องไปดูแลแม่ที่ป่วยเวลาที่เธอสลับรางหลบมาใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวสามีคนแรก

.

วุ่นวายแท้

.

แล้วก็มีความวุ่นวายถัดมาคือ Fiona Philipson เป็นเพื่อนสนิทกับ Kylie สนิทกับทั้งครอบครัวเลย เพราะรู้จักกันมาก่อนที่ Kylie จะแต่งงานกับ Mark -- Fiona ยังโสด และมีเดต (มีเซ็กส์) ด้วย กับ Daan Janssen โดยไม่รู้ว่า Daan คือผัวน้อยของเพื่อนสนิทเธอ

.

เรื่องมันแดงเมื่อ Kylie หายตัวไป Mark สามีคนแรกเลยแจ้งตำรวจ และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา Daan สามีคนที่สองก็มาแจ้งตำรวจเช่นกันว่าภรรยาของเขาหายตัวไป ...เลยโป๊ะแตกว่า ทั้งคู่มีเมียคนเดียวกัน ทำเอาผู้ชายทั้งคู่ช็อค รวมไปถึงลูกๆ ด้วย

หลังจากตำรวจหาหลักฐานต่างๆ ก็ตามไปพบว่า Kylie ถูกจับตัวไปขังไว้ในอพาร์ทเมนต์เดียวกับที่ Daan พัก เพียงแต่คนละชั้น และเมื่อตำรวจบุกไปที่ห้องนั้น ก็พบว่า Kylie หายไปแล้ว คนร้ายน่าจะพาเธอหนีไป ...ถึงตอนนี้ตำรวจสันนิษฐานว่า Kylie อาจจะเสียชีวิตแล้ว แต่ยังไม่พบศพ ในขณะที่ผู้ต้องสงสัยที่น่าสงสัยที่สุดคือสามีอันดับสอง และ Daan ก็รู้ตัว เลยชิงหนีออกนอกอังกฤษ กลับไปบ้านที่เนเธอร์แลนด์ก่อนที่ตำรวจจะตามมาจับที่ห้องพัก

---

แล้วก็ตัดมาที่เรื่องของ Stacie Jones ที่กำลังอยู่ระหว่างพักฟื้นจากการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ผลข้างเคียงของการผ่าตัดทำให้เธอสูญเสียความจำ Statie จากเดิมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่ปารีส ก็ลาออกและกลับมาอยู่บ้านเกิดที่ Lyme Regis กับพ่อ โดยหวังว่าบรรยากาศกระท่อมชายทะเลที่ห่างไกลจากผู้คนจะช่วยให้เธอหายเร็วขึ้น

พ่อพยายามช่วย Stacie ฟื้นความจำด้วยการเล่าเรื่องต่างๆ และให้ดูรูปสมัยเด็กๆ -- Stacie เคยอยู่ที่นี่กับพ่อ ส่วนแม่หนีไปตั้งแต่เธอยังเด็ก Stacie เคยหมั้นกับชายในหมู่บ้าน เกือบจะได้แต่งงานกันแล้วด้วย แต่เธอขอยกเลิกงานแต่งในนาทีสุดท้าย และหนีไปปารีส ไม่กลับมาอีกเลยเป็นสิบปี จนป่วยเนี่ยล่ะค่ะ ถึงได้กลับมา 

---

เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2020 ซึ่งมีการระบาดของโควิด-19 และอังกฤษมีการประกาศมาตรการล็อคดาวน์ ดังนั้นการสอบสวนอะไรก็จะมีอุปสรรคหน่อยๆ 

.

เนื้อเรื่องเป็นเหตุเป็นผลอยู่หรอกค่ะ แต่มุกความจำเสื่อมนี่ออกจะ...เหมือนนิยายไทยไปหน่อย 

อีกอันหนึ่งที่นึกภาพไม่ออกคือ Kylie ปลีกตัวสับรางได้อย่างไร ในเมื่อเป็นแม่แบบมีลูกชายสองคน (คนโตอายุ 15 คนเล็กอายุ 12 แต่ให้คิดว่า Kylie อยู่กินแต่งงานซ้อนกับ Daan มาสี่ปีแล้ว ตอนนั้น คนโตก็อายุ 11 คนเล็ก 8 ขวบ) คือถ้าไม่มีลูกยังนึกภาพออก แต่นี่มีลูกไง ยังไงแม่ก็ต้องกลับมานอนบ้านทุกคืนป่ะ

Thursday, July 3, 2025

My Sister is Missing

 


หนังสือชื่อ  :  My sister is missing

ผู้แต่ง  :  Carissa Ann Lynch

สำนักพิมพ์  :  Killer Reads


สนุกมาก อ่านเสียการเสียงาน อ่านวางไม่ลงเลยค่ะ เพราะเรื่องดำเนินเร็ว และเต็มไปด้วยปริศนาทำให้เราอยากรู้ จึงต้องพลิกหน้าถัดไป บทถัดไป จนกระทั่งจบเล่มไม่รู้ต้ว

Emily Ashburn กลับมาบ้านเกิดที่ Bare Border อินเดียนน่า หลังจากไม่กลับมาเลยเกือบสิบปี ไม่กลับมาแม้มาร่วมงานศพของพ่อเมื่อปีที่แล้ว

เหตุที่ Emily กลับมาตอนนี้เพราะพี่สาวคือ Madeline ขอร้อง และบอกว่ามีเรื่องสำคัญมากๆ ที่จะต้องบอกเธอ Emily จึงกลับมา กลับมาก็ทำความรู้จักกับลูกๆ ของ Madeline ซึ่งไม่เคยเจอกันเลยตั้งแต่เด็กๆ เกิด 

คืนนั้น Emily ก็ได้รู้ว่า John สามีของ Madeline และพ่อของเด็กๆ ย้ายไปอยู่กับเมียน้อยที่สาวกว่าและสวยกว่าแล้ว ขณะนี้ทั้งคู่กำลังทำเรื่องหย่า Madeline จึงขอให้ Emily อยู่ช่วยดูเด็กๆ ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเทอม ซึ่ง Emily ก็รับปาก

แต่เรื่องหย่าร้างของ Madaline ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญที่ Madaline ต้องการจะบอก เธอบอกว่าไว้คุยกันพรุ่งนี้ ...

เช้าวันรุ่งขึ้น Madaline กลับหายไป ทิ้ง Emily ไว้กับเด็กๆ 

สนุก เพราะไม่ใช่แค่อยากรู้ว่า Madaline หายไปไหน? แต่คือเรื่องสำคัญมากที่เธอต้องการจะบอกคืออะไร? รวมถึงเรื่องในอดีตของ Emily ที่แม้แต่ตัว Emily เองก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมเธอจึงกลัวการเข้าป่าหลังบ้าน มันเกิดขึ้นหลังจากวันที่เธอได้รับอุบัติเหตุนอนสลบ เลือดท่วมอยู่ในป่า และพี่สาวเป็นคนไปเจอ หลังจากนั้น ความจำในช่วงที่เกิดเหตุของ Emily ก็หายไป จำได้แค่เพียงรู้สึกกลัวจนแพนิคเมื่อต้องเดินเข้าป่าหลังป่า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เดินเล่นอยู่ทุกวัน

รวมถึง Paul แฟนคนแรกของ Emily ก็กลับมาวนเวียน ในฐานะตำรวจเจ้าของคดี 

Paul เคยทิ้ง Emily ให้รอเก้อ ไม่มารับไปงานพรอม ทั้งที่นัดแนะกันดิบดี ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เลิกกันโดยปริยาย 

กลับมาครั้งนี้ดูเหมือนถ่านไฟเก่าจะปะทุอีกครั้ง ทั้งคู่ยังมีความทรงจำที่ดีต่อกัน แต่เงามืดในใจคืออะไรที่ทำให้ Paul ทิ้ง Emily ไป สิ่งนี้ยังไม่ได้คำตอบ 

"ปีศาจ ก่อกำเนิด ปีศาจ - Monsters beget monster"

ประโยคนี้น่าจะเป็นประโยคสรุปของหนังสือเล่มนี้ได้ดีที่สุดค่ะ

 

Tuesday, July 1, 2025

Killing Moon

 


หนังสือชื่อ  :  Killing Moon

ผู้แต่ง  :  Jo Nesbo

ผู้แปล  :  Sean Kinsella

สำนักพิมพ์  :  Harvill Secker

เป็นนิยายสืบสวนในชุดของนักสืบ Harry Hole ค่ะ 

ตอนนี้ Harry ไปเป็นโรบินฮู้ดอยู่ที่ LA อเมริกา เขากำลังคิดจะจบชีวิตตัวเองด้วยการดื่มเหล้าๆ เมาหัวราน้ำ จนเงินหมด และจะกลับไปปลิดชีวิตที่ห้อง -- แต่มีเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิตเมื่อหญิงชราคนหนึ่งเลี้ยงเหล้าเขาและขอให้เขาช่วย หญิงชราอดีตเป็นดารายืมเงินมาเฟียมาลงทุนทำภาพยนตร์แต่กลับขาดทุน ไม่มีเงินจ่าย มาเฟียเม็กซิโกเลยจะจับตัวเรียกค่าไถ่ 

จุดที่ทำให้ Harry ยื่นมือเข้ามาช่วยเนื่องจากความรู้สึกว่า เธอคล้ายแม่ของเขา ตาเศร้าที่มองมาเหมือนเข้าใจและยอมรับในชะตากรรมทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น มันสะกิดต่อมความรู้สึกผิดที่ Harry เคยทำไว้กับแม่ของเขาค่ะ 

ในขณะเดียวกันที่นอร์เวย์ มีหญิงสาวสองคนหายตัวไป ทั้งสองมีสิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงกันคือต่างมี sugar daddy คนอุปภัมป์คนเดียวกันคือ เศรษฐีที่ชื่อ Markus Roed 

หญิงคนแรกที่พบศพคือ Susanne Anderson สภาพศพคือถูกปาดคอ ดวงตาหายไปข้างหนึ่ง และสมองหายไป

หญิงคนที่สองที่พบศพในเวลาต่อมา คือ Bertine Bertilsen เจอศพในสภาพที่หัวถูกตัดออก ส่วนหัวหายไป เจอแต่ตัว 

Markus Roed อ้างว่าช่วงเวลาที่หญิงสาวทั้งสองคนหายไปนั้น เขาอยู่กับภรรยาของเขา แต่ตำรวจไม่ค่อยเชื่อนัก -- ข่าวที่เขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมสร้างความเสียหายให้แก่ภาพลักษณ์และธุรกิจของเขามาก ดังนั้น ผ่านคำแนะนำของทนาย เขาจึงจ้างนักสืบเอกชนฝีมือดีมาช่วยตำรวจคลี่คลายคดีนี้ เพื่อให้คดีนี้จบให้เร็วที่สุด นักสืบเอกชนที่เขานึกถึงก็คือ Harry Hole ค่ะ -- และ Harry ก็เรียกเงินในจำนวนที่เพียงพอที่จะจ่ายค่าไถ่หญิงชราได้

นี่คือจุดเริ่มต้นให้ Harry เข้ามาข้องเกี่ยวในคดีนี้ 

.

ความรู้สึกหลังอ่าน คือ สนุกมากกกก และก็ขยะแขยงมากด้วย 

สรุปสั้นๆคือ ฆ่าด้วยพยาธิ! 

ล้ำมาก คนเขียนคิดได้ไง แล้ววิธีการที่ฆาตกรใช้ก็ล้ำมาก ขยะแขยงด้วย 


เราทายถูกด้วยว่าฆาตกรคือใคร แต่ก็เมื่อตอนอ่านเลยครึ่งเล่มไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย เพราะ Jo Nesbo ฉลาด มีตัวหลอก มีตัวละครซึ่งหลอกให้เราคิดว่าเขาอาจจะคือฆาตกร แถมตอนที่ดูเหมือนทุกอย่างจะคลี่คลายได้แล้ว จับคนร้ายได้แล้ว ... กลายเป็นว่านั่นไม่ใช่คนร้ายตัวจริง

เล่มนี้จบดีค่ะ เหมือน Harry จะเริ่มมูฟออนแล้ว เริ่มให้อภัยตัวเองและก้าวเดินต่อ ในขณะที่ Katrine Bratt ก็เริ่มสำนึกถึงความผิดพลาดที่เธอทำลงไป ซึ่งก็สายเกินไป แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว คงต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด