Tuesday, April 29, 2014

ความสุขแห่งชีวิต : The Human Comedy


หนังสือชื่อ  :  ความสุขแห่งชีวิต (The Human Comedy)

ผู้แต่ง  :  วิลเลียม ซาโรยัน

ผู้แปล  :  มัทนี เกษกมล

สำนักพิมพ์  :  แพรว
 


เคยไหมคะ เคยอ่านหนังสือเล่มไหน เมื่ออ่านจบแล้ว รู้สึกสงบ คือหนังสือไม่ได้ทำให้สนุก หัวเราะ หากแต่ทำให้รู้สึกสงบ ครุ่นคิด ตรึกตรอง ...สำหรับออยแล้ว "ความสุขแห่งชีวิต" คือหนังสือเล่มที่ว่านี้ค่ะ

หนังสือเป็นเรื่องของครอบครัวแมคคอลี่ ที่อาศัยอยู่ในเมืองอิธคา ในช่วงเวลาสงครามค่ะ เมืองอิธคาเป็นเมืองเล็กๆ ผู้คนยากจน หนังสือสะท้อนถึงช่วงสงคราม ที่คนหนุ่มสาวในอเมริกาถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ยังเหลือแต่ผู้หญิง เด็ก และคนชราที่รออยู่ข้างหลังในเมืองอันสงบเงียบนี้ด้วยความหวัง

ครอบครัวเเมคคอลี่ ประกอบไปด้วย แมทธิว ผู้พ่อที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อสองปีก่อน ลี่มิสซิสแมคคอลี่ คุณแม่ผู้เข้มแข็ง มาร์คัส ลูกชายคนโตที่โดนเกณฑ์ทหาร เบส น้องสาวคนต่อมา โฮเมอร์ น้องชายผู้ต้องทำงานตอนหลังเลิกเรียน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และ ยูลิสซิส น้องคนสุดท้องอายุสี่ขวบ

ในท่ามกลางบรรยากาศของความเงียบเหงา ของการที่คนที่รักจากไป และไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ การรอคอยข่าวของบุคคลอันเป็นที่รักอย่างมีความหวัง โฮเมอร์ ได้งานทำเป็นเด็กส่งโทรเลขค่ะ เขาต้องนำข่าวด่วนไปให้ผู้คน ในสถานการณ์อย่างนี้ ข่าวด่วนของเขาคือ ความตายของบุคคลอันเป็นที่รักที่อยู่ไกล เขาจึงเหมือนผู้ส่งสารความตาย ...มันจึงเป็นงานที่กดดันทางอารมณ์สำหรับเด็กชายอายุสิบสี่ยิ่งนัก
 
"หนูต้องจำเอาไว้นะลูก" แม่พูด "จงให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีแก่คนอื่นเสมอ แม้จะต้องทำไปอย่างโง่ๆ และฟุ่มเฟือย หนูต้องให้แก่ทุกคนที่ผ่านมาในชีวิต แล้วจะไม่มีอะไรหรือใครจะใช้อำนาจใดมาหลอกลวงหนูได้ เพราะถ้าหนูให้แก่ขโมย เขาก็จะขโมยจากหนูไม่ได้ และเขาเองก็จะไม่ได้เป็นขโมยอีกต่อไป และยิ่งหนูให้มากเท่าไร ก็ต้องให้มากขึ้นอีกเท่านั้น"

"ย่อมจะมีความเจ็บปวดอยู่ในสิ่งต่างๆ เสมอ" มิสซิสแมคคอลี่พูด "แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเราจะต้องสิ้นหวังไปเสียหมด คนดีๆ ย่อมจะทำให้ความเจ็บปวดหายไปได้เสมอ คนโง่จะไม่สังเกตเห็นนอกจากในตัวเอง คนชั่วจะทำให้ความเจ็บปวดฝังลึก แล้วแพร่ยังทุกแห่งที่เขาไป แต่ไม่ใช่ความผิดของใครเลย คนชั่วก็ไม่ต่างอะไรกับคนโง่หรือคนดี เขาไม่ได้ขอมาที่นี่และไม่ได้มาเพียงลำพังจากความไม่มีอะไรเลย แต่มาจากหลายๆ โลก หลายๆ อย่างประสมให้เกิดขึ้น คนชั่วไม่รู้หรอกว่าตัวเองชั่วร้าย เขายังเป็นคนบริสุทธิ์ ทุกๆ วันคนเราจะต้องยกโทษให้คนที่ชั่วร้าย พวกเขาจะต้องมีคนรัก เพราะมีบางอย่างในตัวเราทุกคนอยู่ในตัวคนที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก และบางอย่างในตัวคนที่ชั่วร้ายที่สุดก็มีอยู่ในตัวเราทุกคน เขาเป็นของเราและเราก็เป็นของเขา เราทุกคนเป็นอันหนึ่งเดียวกัน แยกกันไม่ได้ บทสวดมนต์วิงวอนของชาวนาก็เป็นบทสวดของแม่ เหมือนกับอาชญากรรมของฆาตกรก็เป็นอาชญากรรมของเเม่เหมือนกัน เมื่อคืนนี้ลูกร้องไห้ก็เพราะลูกเริ่มเรียนรู้ถึงสิ่งเหล่านี้"

ที่โรงเรียน โฮเมอร์มีเพื่อนร่วมชั้นที่เขาหมั่นไส้ คือ ฮิวเบิร์ต แอ๊คลี่ ค่ะ เนื่องจากกริยาเป็นผู้ดี และผู้หญิงที่โฮเมอร์แอบชอบ ดันไปชอบนายคนนี้ โฮเมอร์ป่วนจนคุณครูต้องลงโทษทั้งคู่หลังเลิกเรียนค่ะ

"ครูรู้จ้ะเรื่องนั้น" มิสฮิคส์อธิบาย "ครูรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร แต่คนทุกคนในโลกก็รู้สึกว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นๆ ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ดีเท่ากับคนอื่นๆ โจ เทอร์ราโนว่า เป็นเด็กฉลาด มีไหวพริบกว่าฮวเบิร์ต แต่ฮิวเบิร์ตเขาก็มีแบบฉบับของเขาเอง ในประเทศประชาธิปไตย คนทุกคนมีสิทธิเท่ากันในแง่ของความพยายาม ทุกคนมีอิสระที่จะพยายามทำความดีหรือความเลว ที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีเกียรติหรืออย่างโง่เง่า ครูกระตือรือร้นอยากให้ลูกศิษย์ของครูทุกคนมีความพยายามที่จะทำความดี และเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีเกียรติด้วยกันทุกคน ลูกศิษย์ครูจะมีกิริยาท่าทางภายนอกเป็นอย่างไร ครูไม่เคยเดือดร้อนเลย ท่าทางโก้กับกิริยาสุภาพไม่เคยหลอกครูได้ ครูสนใจเฉพาะสิ่งที่อยู่เบื้องหลังลึกลงไปในกิริยาแต่ละชนิดนั้นต่างหาก ไม่ว่าลูกศิษย์ครูจะเป็นคนรวย หรือคนจน จะดำ จะขาว จะเหลือง ไม่ใช่เรื่องสำคัญ จะเป็นเด็กฉลาดหรือปัญญาทึบ จะเป็นอัจฉริยะหรือเป็นเด็กธรรมดา ครูไม่สนใจทั้งนั้น ถ้าหากว่าเด็กคนนั้นมีความรักเพื่อนมนุษย์ ถ้าเขามีหัวใจ -- ถ้าเขารักความจริงและรักเกียรติ -- ถ้าเขาเคารพผู้ที่ด้อยกว่าและรักผู้ที่เหนือกว่า ถ้าเด็กๆ ในชั้นของครูเป็นมนุษย์ ครูก็ไม่ได้อยากให้เป็นมนุษย์ที่มีกิริยามารยาทเหมือนกันไปหมด ถ้าเป็นเด็กดีแล้ว จะแตกต่างกันไปถึงไหนก็ไม่เป็นไรเลย ครูอยากให้ลูกศิษย์ของครูทุกคนเป็นตัวของตัวเอง โฮเมอร์ ครูไม่ได้อยากให้เธอเป็นเหมือนใครสักคนเพียงเพื่อจะทำให้ครูพอใจหรือเพื่อว่าครูจะสอนได้ง่ายขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้น อีกหน่อยครูก็คงเบื่อ เพราะห้องเรียนจะเต็มไปด้วยสุภาพสตรีสุภาพบุรุษตัวน้อยๆ ที่เพียบพร้อม ครูอยากให้ลูกศิษย์ของครูเป็นคนธรรมดาๆ ที่แตกต่างกันไป -- คนหนึ่งอาจจะเก่งเป็นพิเศษ -- อีกคนอาจจะร่าเริงหรือแก่นแก้ว -- ครูอยากให้ฮิวเบิร์ต แอ๊คลี่ มาฟังครูที่นี่ด้วยกันกับเธอเหลือเกิน -- เขาจะได้ทำความเข้าใจกับเธอ ถ้าหากว่าเดี๋ยวนี้เธอสองคนจะไม่ถูกกัน นั่นก็เป็นธรรมดา ครูอยากให้เขารู้ว่าทั้งเธอและขาเริ่มเป็นอารยะ เพราะเธอยอมรับนับถือซึ่งกันและกันทั้งๆ ที่ไม่ถูกกัน นี่และคือความหมายของอารยะ นี่แหละคือสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์โบราณ"

 ออยได้หนังสือเล่มนี้มานานแล้วค่ะ ตั้งแต่ปี 2543 แต่อ่านทีไร ก็ได้ความสงบกลับมาเหมือนเดิม หนังสืออาจจะเขียนว่า เป็น "วรรณกรรมเยาวชน" แต่คนผู้ใหญ่ยิ่งอ่านยิ่งดีค่ะ เพราะเราผ่านโลกมามากกว่า ยิ่งอ่านเเล้ว ยิ่งเข้าใจโลกมากขึ้น 

ออยเช็คในเวปไซค์ของแพรวสำนักพิมพ์ พบว่าหนังสือเล่มนี้ยังไม่มีพิมพ์ใหม่ ...น่าเสียดายค่ะ อยากให้อ่านกัน เป็นหนังสือดีที่แนะนำ

No comments:

Post a Comment