Saturday, November 22, 2025

ขบวนแห่ศพนักบุญปีเตอร์

 


หนังสือชื่อ  :  ขบวนแห่ศพนักบุญปีเตอร์

ผู้แต่ง  :  มิยาเบะ มิยูกิ

ผู้แปล  :  บัณฑิต ประดิษฐานุวงษ์

สำนักพิมพ์  :  ไดฟุกุ


สนุกมาก เป็นหนังสือที่สืบสวนที่สนุกที่สุดประจำปี 2025 ที่ได้อ่านมาเลยค่ะ ...หน้าปกและชื่อเรื่องจะเขียนว่าเล่ม 1 แต่ในอีบุ๊กคือครบจบในเล่มเดียวค่ะ 

นักบุญปีเตอร์คือ นักบุญหนึ่งในสาวกของพระเยซู ที่ปฏิเสธการเป็นสาวกของพระเยซูตอนที่พระเยซูถูกรุมล้อมและนำไปตรึงไม้กางเขน นักบุญปีเตอร์คงกลัวตาย กลัวความคลั่งของคนที่เขามาเอาตัวพระเยซู จึงปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ลูกศิษย์ของพระเยซูถึงสามครั้ง ...หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนไปแล้ว นักบุญปีเตอร์จึงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความรู้สึกผิด สุดท้ายนักบุญปีเตอร์ก็เสียชีวิตลงด้วยการถูกตรึงไม้กางเขนเช่นเดียวกับพระเยซู (แต่ตรึงแบบกลับหัวลง) 

ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของคนที่มีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนกระทำลงไป

หนังสือบรรยายตามสายตาของตัวเอกของเรื่อง คือ "ซึงิมูระ ซาบูโร" เป็นลูกเขยมหาเศรษฐี และถูกพ่อตาสั่งให้ลาออกจากงานเก่า มาทำงานเป็นรอง บ.ก. ของนิตยสารภายในของบริษัทพ่อตาเอง 

ซาบูโรและหัวหน้าต้องเดินทางไปสัมภาษณ์อดีตผู้บริหารบริษัทที่บ้านพักตากอากาศสำหรับคนชรา ...ขากลับก็นั่งรถเมล์กลับ ...กลายเป็นว่า หนึ่งในผู้โดยสารรถเมล์ลุกขึ้นมาเป็นโจรจับตัวประกัน 

ตัวประกันมีทั้งหมดหกคนรวมคนขับรถ คนร้ายปล่อยคนขับรถกับคนชราให้ออกไปแจ้งความบอกตำรวจ ดังนั้นในรถเมล์จึงเหลืออยู่ 5 คน รวมทั้งซาบูโรและหัวหน้า

คนร้ายไม่ได้ต้องการเงิน แต่เรียกร้องขอพบคน 3 คน ให้ตำรวจพามาให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง 

แน่นอนอยู่แล้วว่า การจับตัวประกันแบบนี้ คนร้ายจบไม่สวย ...ดังนั้นตอนจบคือตัวประกันทุกคนรอด และคนร้ายเสียชีวิต

....แต่เรื่องทั้งหมดไม่จบเพียงเท่านี้ 

หลังเหตุการณ์จี้ตัวประกันบนรถเมล์ กลายเป็นว่า ชีวิตของคนร้ายเป็นปริศนา ไม่มีใครทราบแรงจูงใจของเขา และสามคนที่เขาต้องการพบนั้นเกี่ยวข้องอะไร ต้องการพบเพื่ออะไร

เรื่องมันไม่จบ เพราะจู่ๆ ตัวประกันทุกคนก็ได้รับพัสดุ ภายในซองเป็นเงินจากคนร้าย บอกว่าเป็นค่าทำขวัญ ตัวประกันจึงมารวมตัวกันเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ตกเป็นตัวประกัน ทำให้ทุกคนรู้สึกผูกพันกัน ...ในหมู่ตัวประกัน มีบางคนต้องการใช้เงิน ส่วนบางคนไม่ต้องการแตะต้องเงินนี้ และอยากให้แจ้งตำรวจ ในที่สุดเลยตกลงกันว่า เก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวก่อน ระหว่างนี้ก็จะสืบหาว่าใครคือคนส่งเงิน และเกี่ยวข้องอะไรกับคนร้าย รวมถึงสืบให้รู้ด้วยว่าคนร้ายมีแรงจูงใจอะไร จึงมาจี้รถเมล์

.

สนุกด้วยสำนวนการเขียน เรื่องที่เดาตอนจบไม่ได้ ซับซ้อน และมีแทรกด้วยชีวิตส่วนตัวของซาบูโรที่ไม่ง่ายเลย กับการเป็นหนูตกถังข้าวสาร ที่ต้องพยายามไม่ใส่ใจกับเสียงคนรอบข้าง และพยายามประคับประคองชีวิตสมรส (ภรรยาที่ไม่เพียงฐานะต่างกัน แต่วิธีคิดของคนเราก็เป็นไปตามฐานะด้วย)

.

อ่านจบเห็นด้วยกับซาบูโรที่ว่า ความชั่วร้ายติดต่อกันได้ ซาบูโรเปรียบเทียบว่าความชั่วเหมือนแหวนเอกธำมรงค์ในเรื่องลอร์ดออฟเดอะริง และเมื่ออยู่ในอำนาจของมัน ชีวิตก็ไม่มีวันสงบอีก 

Wednesday, November 19, 2025

โทคิโอะ


 หนังสือชื่อ  :  โทคิโอะ

ผู้แต่ง  :  ฮิงาชิโนะ เคโงะ

ผู้แปล  :  ดนูรัตน์ ทุ่งบูรพา 

สำนักพิมพ์  :   ไดฟุกุ


เป็นแนวเรื่องข้ามเวลา ลูกชายย้อนเวลากลับมาช่วยทำให้พ่อใช้ชีวิตอยู่ในร่องในรอย 

โทคิโอะ เป็นลูกชายของ "มิยาโมโตะ ทาคุมิ" -- ตัวโทคิโอะป่วยด้วยโรคทางพันธุกรรมที่ชื่อ "โรคเกรโกริอุส" -- เป็นโรคที่ไม่มีอยู่จริงค่ะ ผู้แต่งสมมุติขึ้นมา -- โรคนี้แสดงอาการขึ้นเมื่อโทคิโอะใกล้จบ ม.3 และทำให้เขาต้องนอนติดเตียงอยู่กว่าสามปี อาการมีแต่จะหนักขึ้นหนักขึ้น จนใกล้ถึงวาระสุดท้ายเต็มที

กลายเป็นว่า เมื่อตายไป โทคิโอะได้ย้อนเวลามาในปี 1979 ตอนที่ทาคุมิผู้พ่ออายุ 23 ปี -- ในตอนนั้นทาคุมิเป็นคนสันดานแย่ ไม่เป็นโล้เป็นพาย ทำงานไม่ทน เปลี่ยนงานบ่อย เงินก็ไถแฟนใช้ ทำตัวเอาแต่ใจ ลูกคุณหนู เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มีความฝันเลื่อนลอยว่าจะรวยสักวัน แต่สองมือไม่เคยทำอะไร 

โทคิโอะย้อนเวลามาเจอทาคุมิที่สวนสาธารณะฮานะยะชิกิ และก็ตามติดเขาตั้งแต่นั้น 

ทาคุมิตอนนั้นมีแฟนชื่อ "จิสุรุ" เป็นผู้หญิงดี คอยตามล้างตามเช็ดปัญหาที่ทาคุมิก่อ คอยฝากงานให้ แต่ทาคุมิก็ทำไม่ทน ...จนฟางเส้นสุดท้าย จิสุรุขอร้องให้ทาคุมิไปสมัครงานเป็น รปภ. ทาคุมิรับปาก แต่ไปสายเพราะมัวแต่เล่นปาจิโกะ แถมยังปากเสียทะเลาะกับคนให้สัมภาษณ์ ...พอทาคุมิกลับมาก็พบว่าจิสุรุทิ้งจดหมายลาไว้ให้ดูต่างหน้า เจ้าตัวหายไปเสียแล้ว

แต่ดูเหมือนว่า แฟนใหม่ของจิสุรุ (หรือผู้ชายที่จิสุรุหนีไปด้วยกัน) นั้นได้ก่อเรื่องบางอย่างไว้ ทำให้มาเฟียก็ออกตามหาเช่นกัน โดยมาเฟียข่มขู่ให้ทาคุมิหาแฟนให้เจอ

โทคิโอะอยากให้ทาคุมิไปพบแม่แท้ๆ ที่เขารังเกียจมาโดยตลอด ...ทาคุมิมีปมว่าพ่อแม่ทิ้งค่ะ โดยเขาไม่รู้ว่าพ่อแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เขาเกิดมาจากแม่วัยรุ่น ตอนเล็กๆ เขาป่วยบ่อย แม่แท้ๆ ของเขาก็ป่วยทำให้ทำงานหนักไม่ได้ แม่แท้ๆ จึงตัดใจยกเขาให้เป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวที่ไม่มีบุตรคู่หนึ่ง

เมื่อทาคุมิรู้ความจริงเขาจึงรู้สึกโกรธ และไม่อยากฟังคำอธิบายใดๆ จนกระทั่งแม่แท้ๆ ของเขากำลังป่วยหนัก และขอร้องให้เขามาดูใจเธอเป็นครั้งสุดท้าย ทาคุมิปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ...แต่โทคิโอะตื้อให้เขาไปเจอแม่ เพราะเป็นเส้นทางผ่านไปโอซากะเพื่อตามหาจิสุรุ (ที่คาดว่าไปหาเพื่อนที่นั่น)อยู่แล้ว

----

สนุกนะคะ อาจจะไม่ค่อยอินกับเรื่องย้อนเวลา แต่ผู้เขียนเล่าเรื่องได้สนุก คนแปลก็แปลดีค่ะ มีอธิบายบริบท หรือมุกบางมุกที่ถ้าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นจะไม่เข้าใจ

เรื่องนี้ทิ้งปมให้ขบคิดเรื่องการมีชีวิต ...อย่างโทคิโอะ ถ้าเขารู้ว่าเขาเกิดมาพร้อมกับโรคทางพันธุกรรมที่รักษาไม่หาย และต้องตายทรมานตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจะโกรธพ่อแม่ของเขาหรือไม่? โดยเฉพาะถ้าเขารู้ว่าพ่อแม่เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะป่วย แต่เลือกที่จะไม่ทำแท้ง กลับปล่อยให้เขาคลอดออกมา

อ่านแล้วชวนให้พิจารณาเรื่องความตาย คนเราตายในที่สุดทุกคนแหละค่ะ แต่ส่วนใหญ่เราจะไม่รู้ว่าเมื่อไร และวิธีใด การมีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน การสามารถหายใจเข้า-ออกในปัจจุบันขณะ จึงเป็นเรื่องที่ควรขอบคุณแล้ว 


Monday, November 17, 2025

ด้ายแห่งความหวัง

 


หนังสือชื่อ  :  ด้ายแห่งความหวัง

ผู้แต่ง  :  ฮิงาชิโนะ เคโงะ

ผู้แปล  :  บัณฑิต ประดิษฐานุวงษ์

สำนักพิมพ์  :  ไดฟุกุ


สนุกค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นนิยายของผู้เขียน "เคโงะ" ที่สนุกรองมาจากเรื่อง "พระอาทิตย์เที่ยงคืน" เลย -- อย่าให้หน้าปกหลอกเราค่ะ หน้าปกดูเศร้าๆ เรื่องตอนบทนำก็เศร้า แต่ถ้าอ่านจนจบจะสรุปได้ว่าเป็นหนังสือที่อบอุ่นหัวใจเล่มหนึ่งเลยทีเดียว

บทนำเกริ่นเรื่องโศกนาฏกรรมของครอบครัวฮิโอมิ ยูกิโนยุ กับเรโกะ ภรรยา ทั้งคู่สูญเสียลูกทั้งสองคนในคราวเดียวกันด้วยเหตุแผ่นดินไหว ทั้งสองสามีภรรยาใจสลาย แต่สุดท้ายก็ตกลงกันว่าจะพยายามมีลูกใหม่อีกครั้ง เหมือนมีลูกใหม่เพื่อทดแทนความสูญเสีย เยียวยาจิตใจของทั้งคู่

จากนั้นหนังสือก็ตัดกลับเข้ายุคปัจจุบัน มีคดีที่ตำรวจอย่าง "มัตสึยิมะ ชูเฮ" ต้องสืบสวน คือคดีฆาตกรรมของหญิงวัยกลางคนเจ้าของร้านเค้ก ที่พบเสียชีวิตจากการถูกแทง ...เป็นคดีที่ปวดหัวมาก เพราะผู้ตายไม่มีศัตรูที่ไหน เป็นคนดี หย่า และโสด ...ตำรวจมืดแปดด้านในการหาแรงจูงใจกับคดีฆาตกรรมครั้งนี้

ในอีกบท หนังสือก็เล่าถึง "โยชิฮาระ อายาโกะ" ผู้จัดการโรงแรมแบบเรียวกังแห่งหนึ่ง ซึ่งพ่อของเธอกำลังป่วยหนัก และวาระสุดท้ายใกล้เข้ามาทุกทีๆ พ่อได้ทำพินัยกรรมแบบรับรองอย่างเป็นทางการไว้แล้ว ดังนั้นทนายจึงส่งสำเนาพินัยกรรมนั้นในเธออ่าน (ตามกฎหมายญี่ปุ่นคือ การทำพินัยกรรมแบบนี้ เปิดอ่านก่อนเสียขีวิตได้ คนข้างหลังจะได้เตรียมตัว เพราะพินัยกรรมตัวจริงได้รับการรับรองและลงทะเบียนในศาลแล้ว -- เหมือนของฮอลแลนด์) --- เนื้อหาหนึ่งในพินัยกรรมคือการรับรองบุตร ...บุตรซึ่งอายาโกะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตนเองมีน้องชาย (คนละแม่) และน้องชายที่ว่าคือ "มัตสึยิมะ ชูเฮ" 

ดังนั้นในเล่มนี้ จึงมีสองเรื่องในเล่มเดียวกัน คือ เรื่องไขปริศนาคดีฆาตกรรม ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับครอบครัวฮิโอมิ ยูกิโนยุ อย่างคาดไม่ถึง และอีกเรื่องคือเรื่องชาติกำเนิดส่วนตัวของ "มัตสึยิมะ ชูเฮ" 

ความหมายของ "ด้ายแห่งความหวัง" ในหนังสือเล่มนี้ คือสายใยบางๆ ทางสายเลือดที่ผูกพันคนเข้าด้วยกัน ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดู 


Sunday, November 16, 2025

ไซเลนต์ โตเกียว

 


หนังสือชื่อ  :  ไซเลนต์ โตเกียว

ผู้แต่ง  :  ทาเคฮิโกะ ฮาตะ

ผู้แปล  :  เกวลิน ลิขิตวิทยาวุฒิ

สำนักพิมพ์  :  ไดฟุกุ


อ่านแล้วเหมือนดูนิยายแอคชั่นมันๆ เรื่องหนึ่งเลยค่ะ 

.

หนังสือเริ่มด้วยการเล่าถึงตัวละครแต่ละคน ซึ่งดูเหมือนทั้งหมดไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย เช่น 

ฮาซาฮินะ จิน พ่อครัวฝีมือดีทำงานร้านอาหาร แต่เหมือนกำลังหนีใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง ทำให้เขาต้องเปลี่ยนงานไปร้านอื่นๆ เรื่อยๆ

อินามิ อายาโนะ ที่มางานปาร์ตี้จับคู่ และได้เจอกับ สุนางะ โมโตกิ โปรแกรมเมอร์ที่ร่ำรวยและสันโดษ

คุรุสุ โคตะ เด็กทำงานเป็นพาร์ทไทม์ในรายการข่าวทีวี 

ยามาอุจิ ไอโกะ แม่บ้านธรรมดาๆ ที่ออกไปช้อปปิ้งซื้อของขวัญให้สามี ..ความซวยเกิดขึ้นเมื่อเธอไปนั่งพักที่ม้านั่งตัวหนึ่ง จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งมาบอกว่า ม้านั่งที่เธอนั่งอยู่นั้นมีระเบิด และถ้าเธอลุกขึ้นมันจะระเบิดทันที และออกคำสั่งให้เธอทำตาม 

.

..พอนักข่าวไปทำข่าว อายาโนะก็เลยสลับในนักข่าวคนหนึ่งนั่งแทน ...แต่เมื่อทีมกู้ระเบิดมาจัดการ ระเบิดก็เกิดระเบิดขึ้น ...แต่โชคดีเป็นระเบิดที่มีแต่เสียง ไม่มีดินระเบิด ...ส่วนไอโกะก็ลากโคตะหนีออกจากที่เกิดเหตุตามคำสั่งของคนราย

คนร้ายขู่ว่าจะมีการวางระเบิดอีก มีการระบุวันและเวลา พร้อมทั้งประกาศว่านี่คือสงคราม คนร้ายเรียกร้องขอคุยกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

.

ตำรวจพบว่า ระเบิดที่คนร้ายวางนั้น สร้างโดยผู้เชี่ยวชาญ ...แต่ดูเหมือนตำรวจไม่ค่อยเชื่อว่าคนร้ายจะทำตามคำขู่ จะวางระเบิดอีก แต่ก็ไม่ประมาท ส่วนนายกฯ ก็ปฏิเสธข้อเสนอขอพบของคนร้าย

คนร้ายขู่ว่าจะวางระเบิดที่รูปปั้นฮาจิโก ตำรวจเลยต้องปิดสถานที่และค้นหาระเบิด แต่ประชาชนก็สนใจ มามุงดู มาถ่ายรูปจนที่ตรงนั้นคึกคักกว่าทุกวัน (เลยเห็นได้ชัดว่า ตำรวจไม่ได้ซีเรียสว่าคนร้ายจะลงมือจริงๆ)

กลายเป็นว่า ระเบิดเกิดขึ้นจริง มีคนตายเยอะมาก 

.

คนร้ายขู่ว่าจะวางระเบิดอีกครั้ง แต่รอบนี้ไม่บอกสถานที่ บอกเพียงว่าเป็นที่ใดที่หนึ่งในโตเกียว

.

ความสนุกนอกจากการหาว่าใครคือคนร้ายแล้ว ยังคือการหาความเชื่อมโยงของตัวละครแต่ละตัว ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกันเลย 




Friday, November 14, 2025

ยืมชื่อฆ่า

 


หนังสือชื่อ  :  ยืมชื่อฆ่า

ผู้แต่ง  :  ชิโมมุระ อัตสึชิ

ผู้แปล  :  ดนูรัตน์ ทุ่งบูรพา

สำนักพิมพ์  :  ไดฟุกุ


เป็นนิยายที่อึดอัดที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยค่ะ ...คือด้วยการอ่านหนังสือ เราไม่เห็นหน้าตัวละคร เราจะจำแนกตัวละครแต่ละคนด้วยชื่อ ...แต่เล่มนี้ ตัวละครทุกคนมีชื่อเดียวกัน คือ "โอยามะ มาซาโนริ" แถมมีคนชื่อนี้ 9-10 คนในเล่มด้วย อีกทั้งตอนผู้แต่งเล่าย้อนอดีตก็ไม่ได้บอกว่านี่คือส่วนที่ย้อนอดีต 

ถึงแม้จะอ่านไปงงไป อึดอัดจนอ่านๆ วางๆ แต่ก็อ่านจนจบค่ะ เพราะเทไม่ลง เพราะอยากรู้ว่าใครกันแน่คือคนร้าย 

เรื่องเริ่มจากมีคดีฆาตกรรมเด็กหญิงมานามิจัง อายุ 6 ขวบ คนร้ายลงมืออย่างโหดเหี้ยม ในยุคที่ไม่มีการเซ็นเซอร์ภาพศพ ทำให้ภาพหลุดไปออนไลน์ และคนญี่ปุ่นมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์นี้มาก ...จนในที่สุดตำรวจก็สามารถจับฆาตกรได้ ...แต่ฆาตกรเป็นเยาวชนอายุ 16 ปี จึงไม่สามารถเปิดเผยชื่อและหน้าตาได้ ทำให้ประชาชนยิ่งโกรธแค้น เพราะเยาวชนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้คงติดคุกไม่นาน จึงมีการเรียกร้องให้เปิดเผยชื่อของคนร้าย

...และในที่สุด ชื่อของคนร้ายคดีนี้ก็หลุดออกมา นั่นคือชื่อ "โอยามะ มาซาโนริ" แต่ไม่มีภาพคนร้าย มีแต่ชือ ...ผลก็คือ คนที่ชื่อเหมือนคนร้ายและยิ่งอายุใกล้กันกลายเป็นซวยไปเลย ชีวิตตกอับ เขวไปเลย

เช่น โอยามะ มาซาโนริ ที่เป็นนักฟุตบอลดาวรุ่ง ก็ถูกหลุดจากทีมคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ...เขาคิดว่าสาเหตุน่าจะเป็นเพราะชื่อของเขา

หรือ โอยามะ มาซาโนริ ที่เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ร้านสะดวกซื้อ ก็โดนเพื่อนร่วมงานเมิน 

...และเมื่อวลาผ่านไป คนร้ายติดคุก คนก็เริ่มเลือนๆ ชื่อ "โอยามะ มาซาโนริ" ไปแล้ว 

เจ็ดปีต่อมา เมื่อคนร้ายพ้นโทษ พ่อของเหยื่อที่คับแค้นใจ ก็บุกไปทำร้าย จนกลายเป็นข่าว ทำให้ชื่อของ "โอยามะ มาซาโนริ" กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง

คนที่ชื่อ "โอยามะ มาซาโนริ" เหมือนกัน จึงรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม เลยรวมกลุ่มกันขึ้นเป็น "ชมรมเหยื่อชื่อ-สกุลเดียวกัน โอยามะ มาซาโนริ" มีสมาชิกตอนก่อตั้ง 9 คน ทั้งหมดชื่อ โอยามะ มาซาโนริ ...พอตอนนี้หนังสือจะแยก โอยามะ มาซาโนริ แต่ละคนด้วยรูปร่างหน้าตา หรืออดีต เช่น โอยามะ มาซาโนริคนตาเล็ก โอยามะ มาซาโนริจมูกชมพู่ โอยามะ มาซาโนริอดีตนักฟุตบอล โอยามะ มาซาโนริผมน้ำตาล เป็นต้น

...เริ่มต้นชมรมก็เหมือนมารวมกลุ่มกันปรับทุกข์จากการมีชื่อซ้ำกับฆาตกร ...ไปๆ มาๆ ก็มีการหา โอยามะ มาซาโนริ ที่เป็นฆาตกร เพราะคิดว่า ถ้าเปิดเผยหน้าตาของฆาตกรได้ ชีวิตพวกเขาก็จะได้สงบสักที (สมัยตอนเกิดเหตุเปิดไม่ได้เพราะยังเป็นเยาวชน แต่ตอนนี้เปิดได้แล้ว)

...แต่ถ้าหนึ่งใน โอยามะ มาซาโนริ นั่นคือฆาตกรตัวจริงล่ะ?

.

สนุกค่ะ (แต่อึดอัด) ให้แง่คิดด้วย เรื่องการล่าแม่มด ...สำหรับสถานการณ์ในหนังสือ เป็นสังคมญี่ปุ่น แต่ถ้าบริบทเปลี่ยนเป็นประเทศไทยคงไม่ใช่ปัญหา เพราะการเปลี่ยนชื่อทำได้ง่าย 

Tuesday, November 11, 2025

ฆาตกรรมเหนือเมฆ

 


หนังสือชื่อ  :  ฆาตกรรมเหนือเมฆ

ผู้แต่ง  :  ฮิงาชิโนะ เคโงะ

ผู้แปล  :  ดนูรัตน์ ทุ่งบูรพา

สำนักพิมพ์  :  ไดฟุกุ


นิยายนักสืบเบาๆ ค่ะ ที่ว่าเหนือเมฆก็เพราะตัวเอกของเรื่องเป็นแอร์โฮสเตสทำงานบนเครื่องบิน สายการบิน NJA สายการบินในประเทศญี่ปุ่น ก็เลยเป็นที่มาของชื่อเหนือเมฆ แต่ไม่มีการฆาตกรรมบนเครื่องบินอะไรหรอกนะคะ มักจะเป็นเหตุเกิดเมื่อแลนด์บนพื้นดินแล้ว

ตัวเอกของเรื่องคือ Aโกะ กับ Bโกะ เป็นแอร์โฮสเตสทั้งคู่ ไม่ใช่พี่น้องกัน บุคลิก รูปร่างหน้าตาก็ต่างกัน แต่ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน 

ในหนังสือจะมีคดีต่างๆ เกิดขึ้นที่ให้คนทั้งคู่ต้องใช้ความสังเกตในการแก้ปัญหา (แล้วแจ้งตำรวจให้มาจับคนร้าย) 

ส่วนตัวคิดว่า ตอนที่สนุกที่สุดคือตอน "โปรดตรวจสัมภาระของท่าน" ซึ่งเป็นตอนที่ไม่มีการฆาตกรรมใดๆ เกิดขึ้นเลยค่ะ มีแต่ปริศนา -- คือสายการบินที่ทั้งสอง A B โกะทำงาน  ได้จัดกิจกรรมเที่ยวบินเบบี้ทัวร์ มีการจัดทัวร์พ่อแม่ลูกอ่อนไปเที่ยวเป็นเที่ยวบินพิเศษ ในเที่ยวบินนั้นมีเด็กทารกในเที่ยวบินทั้งหมด 26 คน ซึ่ง B โกะได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้โดยสารครอบครัวเด็กๆ เหล่านี้ -- ขาไปไม่มีปัญหาค่ะ แต่ขากลับโตเกียว ตอนที่ผู้โดยสารทุกคนลงจากเครื่องหมดแล้ว และแอร์โฮสเตสต้องตรวจสอบความเรียบร้อยภายในเครื่อง --- กลับปรากฎว่า มีเด็กทารกถูกทิ้งอยู่!

ทารกมาจากไหน? มาได้อย่างไร? ในเมื่อแม่ๆ ทุกคนที่พาลูกเดินทางมาในเบบี้ทัวร์ไม่มีใครที่ลูกตัวเองหายไป 

เราอ่านเป็น e-book และหนังสือมีการพิมพ์ผิดพลาดนิดหน่อย คือซ้ำทั้งเล่ม กลายเป็นเหมือนมีหนังสือสองเล่มในเล่มเดียว แต่ไม่มีอะไรเสียหายค่ะ แค่อ่านถึงครึ่งเล่มก็จบวางได้ เพราะอีกครึ่งคือวนบทซ้ำกลับมาหน้าแรกใหม่ 


Monday, November 10, 2025

The Ginger Bread Bakery

 


หนังสือชื่อ  :  The Ginger Bread Bakery

ผู้แต่ง  :  Laurie Gilmore

สำนักพิมพ์  :  HarperCollinsPublishers Ltd


เป็นซีรี่ย์อยู่ในชุด Dream Harbor ค่ะ แต่อ่านแยก อ่านสลับกันได้นะคะ นิยายรักอ่ะ ไม่มีงงหรอกค่ะ

ในเรื่องเป็นคู่ของ Annie เจ้าของร้านเบเกอรี่ กับ Mac เจ้าของผับประจำเมืองค่ะ ในเล่มอื่นๆ เราจะเห็นว่ามีฉากที่ทั้งคู่ทะเลาะกันเสมอๆ เหมือนไม่ว่า Mac จะทำอะไร Annie ก็ไม่ถูกใจไปซะทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่าคู่นี้มีความหลังกัน

แล้วก็จริงๆ ด้วยค่ะ ทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ไม่ใช่เพื่อนกัน เพราะ Annie ขุ่นใจที่ Mac ชอบแกล้ง Logan (Mac เป็นหนุ่มฮอต และขี้แกล้ง) Annie จึงทำตัวเหมือนแม่แมวคอยปกป้อง Logan ดังนั้นทุกครั้งที่ Annie เจอหน้า Mac ก็จะทำหน้าเหม็นเบื่อไม่อยากเจอ ทำให้ Logan งงว่าเขาไปทำอะไรให้ หนุ่มนักกีฬาฮอตอย่างเขามีแต่สาวๆ รุมตอม ...ยกเว้นก็แต่ Annie

จนถึงตอนเรียนจบมัธยม (อายุ 19 ปี) ในขณะที่เพื่อนทุกคนมีเหตุให้ออกนอกเมือง ในเมืองช่วงคริสมาสต์เหลือแต่ Annie กับ Mac ต่างคนต่างไม่มีเพื่อนแฮงค์เอ้า ทั้งคู่ก็เลยคืนดีกันชั่วคราว 

Annie เลยได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้ว Mac นิสัยน่ารัก ขี่เล่น และเมื่อ Mac รู้ว่าอะไรในตัวเขาที่ทำให้ Annie ไม่พอใจมาตลอด เขาก็รีบส่งข้อความไปขอโทษ Logan ทันที ...ส่วน Mac ก็ได้รู้ว่า Annie มีความมุ่งมั่น ทั้งคู่ต่างเรียนรู้ความฝันของกันและกัน Mac ตั้งใจจะขอพ่อแม่ออกจากบ้านไปท่องเที่ยวทั่วอเมริกา เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร ในขณะที่ Annie รู้ความต้องการของตนเองชัดเจนที่จะเปิดร้านเบเกอรี่ของตัวเอง

ทั้งคู่ตกหลุมรักกันในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนคริสมาสต์ ...ก่อนที่ Mac จะออกจากเมืองไปท่องโลก และ Mac สัญญาว่าจะกลับมาหาเธอ

....มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น และ Mac ไม่กลับมาหา Annie อีกเลย (Mac จากเมืองไป 8 ปี มีกลับมาเยี่ยมแม่บ้าง แต่ไม่ได้เจอ Annie เลย) จนกระทั่งเมื่อสามปีก่อน Mac กลับมารับช่วงต่อกิจการผับจากพ่อ และ Annie ก็ไม่ให้อภัยสิ่งที่ Mac ทำต่อเธอตั้งแต่นั้นมา

เห็นได้ในทุกเล่มของซีรี่ย์นี้ว่า Mac พยายามแหย่ ตอแย Annie ...เล่มนี้จึงมาเฉลยว่า เกิดอะไรขึ้นในอดีต และในขณะเดียวกัน ในเล่มนี้ก็เป็นเรื่องการตรียมจัดงานแต่งงานของ Logan กับ Jeannie (พระเอกกับนางเอกในเล่ม The Pumpkin Spice Cafe) โดยมี Annie และ Mac เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว จึงเป็นเวลาที่ทั้งคู่ต้องใกล้ชิดกัน และต้องทำตัวดีๆ อย่าให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวลำบากใจ ...เลยเป็นโอกาสอันดีที่ Mac จะงอนง้อ และขอโอกาสครั้งที่สองค่ะ

 

Thursday, November 6, 2025

A Cinnamon Falls Mystery

 


หนังสือชื่อ  :  A Cinnamon Falls Mystery

ผู้แต่ง  :  R.L. Killmore

สำนักพิมพ์  :  Simon & Schuster UK Ltd, 2025


เป็นนิยายออกแนว romantic-crime ค่ะ แบบเน้นโรแมนติก เหตุเกิดในเมืองชื่อ "Cinnamon Falls" อยู่ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา

เรื่องเริ่มด้วย Nia หอบผ้าหอบผ่อน และจิตใจที่บอบช้ำ กลับบ้านเกิดที่ Cinnamon Falls หลังจากไปเรียน และทำงานอยู่ที่เมืองใหญ่แอตแลนต้าเสียหลายปี ก่อนไปถึงขั้นสาบานว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก ... แต่หลังจากเมียของคู่หมั้นมาเคาะประตูบ้าน Nia จึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นน้อยโดยไม่รู้ตัว คู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันนั้น จริงๆ แล้วมีเมียมีลูกอยู่แล้ว ... Nia จึงหอบผ้าผ่อนออกจากอพาร์ทเมนต์ที่เคยเป็นรังรักโดยไม่อยู่รอเคลียร์กับคนหลอกลวง

.

มาแค่คืนเดียวก็เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นค่ะ คนที่ตายคือ Rosie เจ้าของร้านอาหารที่เป็นที่รักของทุกคนในเมือง Nia เพิ่งไปกินมื้อเย็นกับเพื่อนๆ ที่ร้านของ Rosie ในคืนก่อนเกิดเหตุ และ Nia สัญญาว่าจะแวะมาหา Rosie ในวันรุ่งขึ้น ...แต่กลายเป็นว่า Rosie ถูกฆาตกรรมในคืนวันนั้นเอง บนศพมีกระดาษเขียนข้อความไว้ว่า "ใครจะเป็นรายต่อไป" ชวนให้ระแวงว่าเมืองอันเงียบสงบนี้กำลังเผชิญกับฆาตกรต่อเนื่อง!

Rosie นั้นเปรียบเสมือนแม่คนที่สองของ Nia ค่ะ

และ Rosie ก็เป็นแม่ของ Sienna เพื่อนสนิทของ Nia ตอนสมัยเรียนมัธยมที่นี่ด้วยกัน ...แต่ Sienna เสียชีวิตแล้ว สันนิษฐานว่าฆ่าตัวตาย Sienna กระโดดน้ำเสียชีวิตในคืนวันเรียนจบมัธยม โดยไม่มีใครทราบสาเหตุแม้แต่ Nia เพื่อนสนิท หรือ Rosie ผู้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ว่าทำไม อะไรเป็นเหตุให้ Sienna จบชีวิตตัวเอง

ส่วนพระเอกของเรื่องคือ Jesse เป็นแฟนเก่านางเอก Nia ค่ะ แฟนเก่าสมัยมัธยม ..แต่พอ Sienna เสียชีวิต Nia เสียใจมากจนไม่อยากอยู่ที่เมืองนี้อีกต่อไป เลยทิ้งทุกคน ทิ้งอดีต เดินทางออกไปผจญภัยในเมืองใหญ่ตามลำพัง

Jesse ตอนนี้ปลดประจำการทหาร และเพิ่งรับงานเป็นตำรวจในเมืองนี้

หนังสือก็เล่าถึงการหาเงื่อนงำของคดี และไฟเก่าที่สปาร์คขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งคู่ต่างรู้สึกว่าต่างยังไม่เคยลืมรักแรกของกันและกัน แต่หกปีที่แยกกัน ไม่ได้ติดต่อกันเลยทำให้มีช่องว่างขวางอยู่ มีหลายอย่างที่รอการปรับความเข้าใจ ในขณะเดียวกัน ต่างก็หาว่าใครคือคนร้ายที่สังหาร Rosie

ช่วงแรกๆ ต่างกันต่างสอบสวนตามแนวของตัวเองค่ะ Nia แอบเข้าร้านของ Rosie และขโมยเอกสารขันสูตรศพของ Nia มาโดยบังเอิญ ในขณะที่ Jesse ก็ทำหน้าที่ตำรวจของตนเองไป ...แต่สุดท้าย Jesse ถูกกีดกันออกจากคดีนี้ เนื่องจากตำรวจมองว่าเขามีความผูกพันกับเมืองนี้มากเกินไป อาจทำให้วิจารญาณในการทำคดีไม่เป็นกลางพอ อีกทั้งเขาเป็นตำรวจใหม่ด้วยค่ะ

จนในที่สุด ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้ ก่อนวันงานเทศกาลประจำปี ...แต่ Jesse ไม่เชื่อว่านี่คือผู้ร้ายตัวจริง เขาจึงแอบสืบคดีด้วยตนเอง โดยได้รับความช่วยเหลือจากบุคลากรในสถานีตำรวจที่มีพื้นเพเป็นคนในเมืองนี้

.

หนังสือเน้นเรื่องราวโรแมนติกมากกว่าการสืบคดี แบบพ่อแง่แม่งอน (แต่ไม่มี NC นะ ก็เพราะมัวแต่งอนไปมาอยู่) ...เหมือนเป็นนิยายรัก แต่มีการฆาตกรรมเป็นแบล็กกราวน์ให้พระเอกนางเอกได้ทำงานร่วมกันและปรับความเข้าใจกัน ...สนุกดีค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ

 

Monday, November 3, 2025

จิตกาธาน

 


หนังสือชื่อ  :  จิตกาธาน

ผู้แต่ง  :  สรจักร

สำนักพิมพ์  : แพรวสำนักพิมพ์


คำเตือน : มีฉากความรุนแรงในครอบครัว พ่อข่มขืนลูก (แต่ไม่ใช่แกนหลักของเนื้อหาในหนังสือ)

จิตกาธาน อ่านว่า จิด-ตะ-กา-ทาน แปลว่า เชิงตะกอน คำนี้ใช้กับเจ้านาย ... แต่ในหนังสือไม่มีใครเป็นระดับเจ้านายชั้นที่ต้องใช้คำนี้ค่ะ แต่หนังสือต้องการสื่อว่า ในที่สุดเราทุกคนก็ใช้ชีวิตมุ่งสู่เชิงตะกอนทุกคน สิ่งสำคัญระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ทำอะไรเพื่อจารึกหรือไม่

ตัวเอกของเรื่องชื่อ "จรดทราย" นักศึกษามหาวิทยาลัย ฝึกงานในมูลนิธิคุ้มครองเด็กและสตรี จรดทรายเป็นลูกคุณหนู แต่บ้านแตก เนื่องจากพ่อแม่รับไม่ได้ที่ตนเองให้กำเนิดลูกชาย ซึ่งคือ "ภูผา" พี่ชายของจรดทราย ที่เป็นออทิสติก มีปัญหาในการสื่อสาร 

จรดทรายค้นพบความไม่ชอบมาพากล หลังจากน้องที่เธอดูแลอยู่ฆ่าตัวตาย เธอไม่เชื่อ เธอจึงหาทางสืบว่าเกิดอะไรขึ้น 

ในขณะเดียวกัน "ธรินทร์" ตำรวจ สน. ดอนเมือง เจ้าของคดีก็พบกับความไม่ชอบมาพากลของการมีการฆ่าตัวตายถี่ๆ ในท้องที่ดอนเมือง ถี่เกินไป บ่อยเกินกว่าพื้นที่อื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ

จรดทรายขอคำปรึกษาจากเพื่อนออนไลน์ "พราวพรรณ" ซึ่งเธอได้รวบรวมข้อมูลและแม็ปพื้นที่ที่เกิดเหตุกับแผนที่ ปรากฎว่าสามารถลากสถานที่เกิดเหตุคนฆ่าตัวตายได้เป็นรูปดาว! ถึงแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดปกติ เป็นฝีมือของมนุษย์มากกว่าจะเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ...แต่ปัญหาคือใคร และพวกเขาทำได้อย่างไร เนื่องจากทุกเคส มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าผู้ตายเจตนาฆ่าตัวตายชัดเจน

นิยายเขียนมาหลายปี (พิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. 2542) ดังนั้นประเด็นที่นักเขียนต้องการสอดแทรกลงในนิยาย เช่น ประเด็นเรื่องสิทธิสตรี ประเด็นไม่ได้ล้าสมัย แต่วิธีคิดล้าสมัย และเราได้ข้ามผ่านสิ่งที่ถกเถียงกันในเวลานั้นมาแล้ว ตอนนี้มีประเด็นเรื่องสิทธิสตรีใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย 

แต่ประเด็นที่ยังไม่ล้าสมัยในนิยายและยังเกิดขึ้นอยู่ทุกวันนี้ในสังคมไทย ก็คือ "คนดีตรวจสอบไม่ได้" -- เพราะท่านเป็นคนดี ไม่ต้องมาตั้งข้อสงสัย ใช้ความอาวุโส บารมี ทำท่าโกรธเคืองบ่ายเบี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ...ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า ยี่สิบปีผ่านไป เหตุการณ์ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ในบทต้นๆ ของหนังสือ เป็นฉากในห้องพิจารณาคดีพ่อข่มขืนลูก และมีการให้เหยื่อ (ลูก) ที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ เผชิญหน้ากับผู้ข่มขืน (พ่อแท้ๆ) และให้ทนายฝ่ายจำเลยซักฟอกเหยื่อ -- การกระทำแบบนี้ เหมือนเหยื่อถูกข่มขืนซ้ำอีกรอบต่อหน้าคนแปลกหน้าหลายคน -- ในหนังสือตำหนิทนายจำเลยว่าไม่มีมโนธรรม ... อ่านแล้ว ....คือ ทำไมไม่ตำหนิ "ระบบยุติธรรม" ทำไมจึงตำหนิคนที่ทำหน้าที่ของตน ทนายจำเลยก็ทำหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้ทำได้ และเขาก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ กฎหมายต่างหากที่เปิดช่องให้เกิดการทำเช่นนี้ได้ 

มิน่าล่ะ ตอนคนดีโดนตรวจสอบโดยคณะกรรมาธิการ หรือฝ่ายค้าน สังคมก็พากันตำหนิคนตรวจสอบ ทั้งที่เขาก็ทำหน้าที่ของเขา ทำไมเราต้องตำหนิคนที่ทำหน้าที่ของตน? 


Sunday, November 2, 2025

ฆาตกรรมในตระกูลอินุงามิ

 


หนังสือชื่อ  :  ฆาตกรรมในตระกูลอินุงามิ

ผู้แต่ง  :  โยโคมิโซะ เซชิ

ผู้แปล  :  ทินภาส พาหะนิชย์

สำนักพิมพ์  :  Prism


เป็นหนังสือหนี่งในชุดนักสืบคินดะอิจิ เนื้อเรื่องเป็นเหตุการณ์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จริงๆ เป็นหนังสือเก่าที่ทางสำนักพิมพ์นำมาแปลเป็นไทย ภาษาที่ใช้แปลเป็นไทยจึงเป็นภาษาไทยปัจจุบัน อ่านไม่งงค่ะ

ตัวละครเยอะ ชื่อญี่ปุ่นดูคล้ายๆ กันไปหมด ทำให้จำยาก แต่หนังสือมีแผนภาพเครือญาติให้ค่ะ ช่วยได้เยอะเลย ตัวละครที่เยอะแต่ออกมาตั้งแต่ต้น ทำให้ค่อยๆ จำได้ว่าใครเป็นใคร เนื้อเรื่องสนุก เดาคนร้ายไม่ถูก 

ตามชื่อเลยว่าเป็นเรื่องของคนในตระกูลอินุงามิ หัวหน้าตระกูลคือ คุณปู่ซาเฮ เป็นผู้ก่อตั้งและบุกเบิกกิจการผ้าไหมดิบจนร่ำรวย เป็นที่รู้จักในเมืองนาซึ 

ประวัติของซาเฮคือ สมัยวัยรุ่นเขายากจน ร่อนเร่พเนจร จนได้รับความช่วยเหลือจากพระชื่อ โนโนมิยะ ไดนิ พระในญี่ปุ่นสามารถแต่งงานมีลูกได้ พระท่านนี้แต่งงานแล้วกับภรรยาอายุน้อยกว่ามาก ...พอพระช่วยเหลือซาเฮ ว่ากันว่าซาเฮเป็นหนุ่มรูปงาม จนเมียของพระระแวงและทะเลาะกัน จนหนีกลับบ้าน ...แต่ต่อมาก็ปรับความเข้าใจกันได้ จนกระทั่งพระและภรรยามีลูกสาวหนึ่งคน ...ต่อมาลูกสาวคนนี้แต่งงาน และก็ให้กำเนิดลูกสาวชื่อ "ทามาโยะ" -- ทามาโยะอาภัพ พ่อแม่ตายหมด จึงต้องมาอยู่ในความดูแลของซาเฮ 

ส่วนซาเฮก็ทำธุรกิจจนรุ่งเรือง ชีวิตส่วนตัวมีเมียน้อย 3 คนแต่ไม่ยกคนใดเป็นเมียหลวง ปล่อยให้พวกเมียๆ ตบกันจนตายจากกันไป เมียทั้งสามมีลูกสาวอย่างละคน คือ มัตสึโกะ ทาเคโกะ อูเมโกะ ทั้งสามคนนี้คนละแม่ ร้ายทั้งหมด และพ่อซาเฮก็ไม่ได้ใส่ใจพวกเธอ 

ลูกสาวทั้งสามของซาเฮแต่งงาน และมีลูกชายอย่างละคน ยกเว้นทาเคโกะมีลูกชายและลูกสาว

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นรุ่นหลานค่ะ คือเมื่อซาเฮตาย พินัยกรรมของเขาก็เขียนแปลกๆ คือไม่ยกอะไรให้ลูกสาวตัวเองเลย แต่ยกให้ทามาโยะหลานนอกไส้แบบมีเงื่อนไขว่า ทามาโยะต้องเลือกแต่งงานกับหลานชายคนใดของเขาจึงจะได้มรดก ถ้าทามาโยะไม่เอาก็ยกให้ชายลึกลับคนหนึ่งที่ชื่อ ซิซูมะ

นักสืบคินดะอิจิ โคสุเกะ อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเนื่องจากเขาได้รับการขอความช่วยเหลือจากทนายในสำนักงานกฎหมาย แต่ยังไม่ทันได้เจอกัน ระหว่างที่คุณทนายรอพบคินดะอิจิในห้องพักของเขาในโรงแรม เขาก็เสียชีวิตเสียก่อนด้วยยาพิษ!

เรื่องมันเริ่มซับซ้อนขึ้นเมื่อพินัยกรรมถูกเปิดอ่าน ก่อนหน้าการเปิดพินัยกรรม ทามาโยะโดนลอบทำร้ายหลายครั้ง แต่หลังวันเปิดพินัยกรรม คนร้ายมุ่งจะสังหารทายาทหลานๆ ของซาเฮแทน เว้นชีวิตทามาโยะ

ฉากการพบศพก็สยดสยอง และเกี่ยวพันกับคำสาปแช่งเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน 

สนุกค่ะ แต่รู้สึกทะแม่งๆ ตรงพินัยกรรมกับความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้ คือซาเฮต้องการให้ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกัน มันเลือดชิดนะ ทุกคนมีปู่คนเดียวกัน ...คงคิดว่าเรือล่มในหนองทองจะไปไหน เข้าใจว่าสมัยนั้นคงไม่ซีเรียสเรื่องนี้มั่ง

Saturday, November 1, 2025

ศพใต้เตียง

 


หนังสือชื่อ  :  ศพใต้เตียง

ผู้แต่ง  :  สรจักร

สำนักพิมพ์  :  ปริซึม


เป็นเรื่องสั้น แบบสยอง จบแบบหักมุมค่ะ ในเล่มมีทั้งหมด 19 เรื่องด้วยกัน อ่านสนุกค่ะ ที่เหนือกว่าการจบหักมุมคือการจบแบบปลายเปิดที่ชวนให้เราคิดต่อว่า แล้วต่อจากนี้มันจะเป็นยังไงต่อ?

บางเรื่องก็ชวนให้รู้สึกเวทนา อย่างเรื่อง "กุญแจดอกนั้น" 

บางเรื่องก็ชวนให้คิดว่าความจนมันน่ากลัว ให้เตือนตัวเองว่า คนจนคือคนที่ต้องระมัดระวังตัวให้มาก อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น อย่างเช่นเรื่อง "คนดีตายหมดแล้ว" หรือ "พลเมืองดี" 

บางเรื่องก็เป็นเรื่องตลกร้าย ตลกแบบเสียดสี เช่นเรื่อง "พะยูน" เล่าถึงชายที่ลักลอบล่าพะยูนขาย และกำลังปวดหัวกับการรับลูกจ้างคนใหม่ หรืออย่างเรื่อง "จ้างฆ่า" ลูกคนรวยที่หลังจากพ่อตาย กิจการก็โดนน้าชายยึดอำนาจ ตัวเขาที่ทำอะไรไม่เป็นเลย จึงต้องการจ้างมือปืนมาฆ่าน้าชายตัวเอง เพื่อฮุบกิจการคืน หรือเรื่อง "ศพใต้เตียง" ชายที่พลั้งมือบีบคอแฟนสาวตาย เลยต้องการอำพรางศพ ด้วยการซ่อนไว้ใต้เตียงชั่วคราว ก่อนที่โยนลงทิ้งทางหน้าต่าง

ที่ชอบสุดคือเรื่อง "นักเลงตัวจริง" เป็นเรื่องของสุฮวง เด็กมัธยม ความที่อ้วนมาก เพราะกินมาก เพราะเครียด พอเครียดก็กิน กินแล้วอ้วน อ้วนแล้วเครียด วนไป ...สุฮวงต้องย้ายโรงเรียนเพราะโรงเรียนเก่าโดนบูลลี่ มาโรงเรียนใหม่ก็ไม่พ้นโดนแกล้งเช่นกัน หัวโจกที่แกล้งคือนังพัชรี ...ถูกใส่ร้ายจนสุฮวงต้องเข้าห้องปกครอง สุฮวงไม่ตอบโต้ อดทนๆ (เพราะถ้าโกรธมากๆ หมอบอกว่าคนอ้วนให้ระวังเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพาตได้)...จนกระทั่งโดนแกล้งเรื่องกิน ...อย่าไปยอม

ฆาตกรรมมนุษย์กบกับศพปริศนา

 


หนังสือชื่อ  :  ฆาตกรรมมนุษย์กบกับศพปริศนา

ผู้แต่ง  :  ชิจิริ นากายามะ

ผู้แปล  :  ทินภาส พาหะนิชย์

สำนักพิมพ์  :  Prism


คำเตือน : มีฉากบรรยายเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก พ่อข่มขืนลูก

เหตุเกิดที่อำเภอฮันโน จังหวัดชิซูโอกะ มีคนเจอศพผู้หญิงเปลือยที่ปากแขวนอยู่บนตะขอ ห้อยต่องแต่งอยู่บนชั้น 13 บนแมนชั่น (เกือบ) ร้างแห่งหนึ่ง ฆาตกรไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ มีแค่จดหมายเขียนกลอนด้วยลายมือเด็กๆ เป็นกลอนเกี่ยวกับ "กบ" เปรียบเหยื่อว่าเป็นกบ

อีกไม่กี่วันถัดมา ยังจับคนร้ายไม่ได้ ก็มีเหยื่อเพิ่มมาอีก ศพถูกซ่อนในช่องเก็บสัมภาระท้ายรถที่สุสานรถ วันรุ่งขึ้นรถนั้นก็ถูกอัดบีบให้เป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ เลือดทะลัก พนักงานจึงเห็น และเรียกตำรวจ และเจอจดหมายเขียนกลอนเกี่ยวกับ "กบ" ที่ศพ จึงทำให้สันนิษฐานได้ว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกัน ...ตำรวจกำลังเจอกับฆาตกรต่อเนื่อง

เหยื่อทั้งคู่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย อยู่อำเภอเดียวกันแต่ต่างตำบล เหยื่อคนแรกเป็นผู้หญิงโสด คนที่สองเป็นชายชรา ...ตำรวจกำลังมืดแปดด้าน แต่เริ่มเห็นรูปแบบการฆ่าว่าสยดสยองเกินมนุษย์ปกติ ฆาตกรมีความเป็นเด็ก ดังนั้นตำรวจจึงมุ่งไปที่อดีตอาชญากรที่เคยก่อคดี แต่ไม่ต้องจำคุกเพราะศาลวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติทางจิต และเป็นผู้เยาว์ จึงส่งไปบำบัดแทน พอบำบัดเสร็จแล้วก็ปล่อยให้ใช้ชีวิตในสังคม เรียกกฎหมายตัวนี้ว่า มาตรา 39

แต่การจะเอารายชื่ออดีตอาชญากรเด็กเหล่านี้ ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เนื่องจากติดเรื่องกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล จะไปเอาจากแพทย์ แพทย์ก็ไม่ให้เพราะติดเรื่องจรรยาบรรณ

ต่อมาก็มีการฆาตกรรมโดยฆาตกรคนเดิมอีก คราวนี้เหยื่อเป็นเด็ก ...สถานการณ์ในอำเภอฮันโนจึงตึงเครียด ชาวบ้านกดดันและตำหนิให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ 

พระเอกของหนังสือเล่มนี้คือตำรวจชื่อ โคเตงาวะ คาสุยะ หนังสือค่อยๆ เล่าพัฒนาการ ทัศนคติที่เปลี่ยนไปของตำรวจจบใหม่คนนี้ผ่านประสบการณ์การตามล่าฆาตกร

สนุก สยอง หักมุม แต่ปิดทุกปม 

เหลือปมเดียวที่คาใจคือ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม คือฆาตกรจะรีบไหน? และสถานการณ์ความวุ่นวาย ความกดดันจนประชาชนลุกฮือมาก่อจราจล ปกติมันต้องใช้เวลานานกว่าหลักสัปดาห์มั้ย?

อีกข้อคือ กำแพงทางวัฒนธรรมค่ะ เนื่องจากเป็นหนังสือแปลจากญี่ปุ่น และคนอ่านไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นสักตัว ในเรื่องฆาตกรฆ่าเหยื่อตามตัวพยัญชนะ คืออ่านไปก็อยากเห็นเนอะว่าพยัญชนะนั่นเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นยังไง ผู้แปลก็ไม่ใส่มาให้ 

แปลดีนะคะ คำผิดก็ไม่มี อ่านไม่สะดุด แต่แปลทื่อๆ อ่ะ ขาดความพิถีพิถัน ไม่ใส่บริบทเพื่อให้คนอ่านไทยเข้าใช้วัฒนธรรม เช่น ตอนตำรวจคุยกับศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยา เป็นฉากการคุยที่ชิงไหวชิงพริบกัน แต่อ่านแล้วรู้สึกทื่อๆ ไม่อิน เพราะไม่เข้าใจบริบทการสนทนาแบบญี่ปุ่น หรือฆาตกรมีความเป็นเด็ก และหมกมุ่นกับกบ ...คือตอนเราเด็ก เราไม่เคยเล่นกับกบ เด็กญี่ปุ่นชอบเล่นกับกบ? ไม่รู้ไง ทำไมจึงเชื่อมกบกับเด็ก เหมือนเด็กญี่ปุ่นเล่นกบตอนเด็ก งง